ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 890 คุณชายสามเย่ออกโรงเอง
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 890 คุณชายสามเย่ออกโรงเอง
“ใช่ครับ ใช่” ผู้ดูแลจ้งพยักหน้าหงึก ๆ เกรงว่าหากเขาพยักหน้าช้าไปคนอื่นจะไม่ยอมให้เขาเข้าบ้าน
“แย่จังเลยครับ คุณหนูใหญ่ของพวกเราไม่อยู่บ้านครับ” พ่อบ้านอาวุโสของตระกูลถังเห็นท่าพยักหน้าของเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา คนคนนี้ดูก็รู้ว่าสถานะไม่ธรรมดา แต่ท่าทางของเขากลับดูไร้เดียงสาน่าขันไปหน่อย
พ่อบ้านอาวุโสของตระกูลถังมองคนออกมานักต่อนักแล้ว ดังนั้นจึงมองออกว่าคนคนนี้ให้ความสำคัญกับคุณหนูใหญ่ของพวกเขามาก ไม่อย่างนั้นคงไม่เคร่งขรึมอย่างนี้หรอก
“ไม่อยู่บ้านเหรอครับ? ไปไหนแล้วล่ะครับ?” ผู้ดูแลจ้งอึ้งไปเล็กน้อย ที่แท้ ลางสังหรณ์ของเขาก็ถูกต้อง โชคดีที่ไม่โง่รอต่อไปเรื่อย ๆ
“คุณหนูใหญ่ของพวกเราไปประเทศ M ตั้งแต่สี่โมงเช้าแล้วครับ” พ่อบ้านอาวุโสของตระกูลถังเห็นว่าผู้ดูแลจ้งไม่มีเจตนาร้าย จึงบอกเขาไปอย่างละเอียด
“ไปประเทศ M แล้ว? ทำไมจู่ ๆ ไปประเทศ M ล่ะครับ?” ผู้ดูแลจ้งที่สุขุมนุ่มลึกมาตลอดตอนนี้กลับใจร้อนขึ้นมา คุณหนูถังทำไมถึงได้ไปประเทศ M อย่างกะทันหันในเวลาอย่างนี้กันล่ะ?
ถ้าหากคุณหนูถังไปประเทศ M แล้ว งั้นหัวหน้าก็ไม่สามารถพบกับคุณหนูถังได้ทันทีน่ะสิ
“เฮ้อ คุณนี่พูดจากชอบกลนะ? คุณหนูใหญ่ของพวกเราจะไปไหนแล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วยล่ะ?” เดิมทีพ่อบ้านอาวุโสของตระกูลถังค่อนข้างประทับใจผู้ดูแลจ้งอยู่บ้าง แต่ได้ยินผู้ดูแลจ้งพูดอย่างนี้ก็ไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย
“ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้นครับ” ผู้ดูแลจ้งตั้งสติได้ ก็แอบถอนหายใจออกมา ตอนนี้ทุกอย่างเป็นเพียงการสันนิษฐานของอะเหลียง ยังไม่ได้รับการยืนยัน
ดังนั้น พวกเขาจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะไปยุ่งเรื่องของคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง
ต่อให้ยืนยันได้แล้วว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังเป็นเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ของพวกเขา เขาก็ต้องให้ความเคารพต่อตระกูลถัง ไม่ใช่ว่าองค์กรโกสต์ซิตี้ของพวกเขาเกรงกลัวอำนาจของตระกูลถัง แต่เพราะบ้านถังเป็นบ้านของแม่เจ้าหญิง จึงจำเป็นต้องให้ความเคารพ
ไม่เพียงแต่เขาต้องให้ความเคารพ คนขององค์กรโกสต์ซิตี้ทุกคนก็ต้องให้ความเคารพตระกูลถังด้วย
“ในเมื่อคุณหนูใหญ่ของพวกคุณไม่อยู่ งั้นผมค่อยมาเยี่ยมใหม่วันหลังนะครับ” ผู้ดูแลจ้งคิดว่าในเมื่อคุณหนูถังไม่อยู่บ้าน งั้นเขาก็คงต้องกลับไปแล้ว ในเมื่อไม่สามารถพบกับคุณหนูถังได้ทันที ก็คงต้องให้อะเหลียงรีบดำเนินการ
ไว้รอผลยืนยันจากอะเหลียงออกมาแล้ว ทุกอย่างก็จะง่ายเอง
ขณะเดียวกัน ถังจื่อซีฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีใครแอบโทรศัพท์ไปหาเย่ซือเฉิน
เป็นเพราะเมื่อคืนวานเย่ซือเฉินเสียใจทั้งคืนจนไม่ได้นอน เมื่อคืนก็เพราะตื่นเต้นดีใจจนนอนไม่หลับจนถึงตีสามกว่า ดังนั้นตอนนี้เขาจึงยังนอนฝันหวานอยู่
แต่ว่า เมื่อถังจื่อซีโทรศัพท์มาหา เย่ซือเฉินก็ถูกปลุกจนตื่น เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ยื่นมือไปคลำหาโทรศัพท์ เมื่อเห็นหน้าจอโทรศัพท์ เย่ซือเฉินก็ยิ้มออกมาทันที แล้วกดรับสายอย่างรวดเร็ว
“ลูกรัก” การขานเรียกแบบนี้เมื่อวานทั้งวันเย่ซือเฉินเรียกจนคล่องแคล่วแล้ว
ถูกลูกของเขาปลุกให้ตื่น คุณชายสามเย่ไม่รู้สึกไม่พอใจเลยสักนิด เขารู้สึกมีแต่ความสุข
“พ่อคะ พ่อ แย่แล้วค่ะ แม่หนีไปแล้ว” เพียงแต่ถังจื่อซีที่อยู่ในสายดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่ น้ำเสียงร้อนรนนั้นดูเหมือนจะร้องไห้อีกด้วย
เย่ซือเฉินลุกพรวดขึ้นทันที สีหน้าเขาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด : “ลูกรัก ค่อย ๆ พูด เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
อะไรคือแม่หนีไปแล้ว?
“พ่อคะ ตอนเช้าหนูตื่นมาก็ไม่เห็นแม่แล้ว ได้ยินคุณย่าน้อยกับคุณย่าทวดคุยกันว่า แม่ออกไปเมื่อตอนตีสี่ค่ะ แม่ไปประเทศ M แล้ว ไปหาลุงถัง” ถึงแม้ถังจื่อซีจะรีบร้อน แต่ก็ยังพูดได้อย่างชัดเจน เรียกลำดับได้อย่างดี
เย่ซือเฉินหน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้นมา สีหน้าบึ้งตึงมาก เวินลั่วฉิงไปประเทศ M ตั้งแต่ตีสี่เลยเหรอ?
ไปหาถังไป๋เชียนงั้นเหรอ?
“พ่อคะ เป็นเพราะแม่รู้เรื่องที่หนูแอบเป็นสายลับหรือเปล่า แม่เลยโกรธหนู เลยหนีไปหาลุงถังที่ประเทศ M?” ถังจื่อซีร้อนใจจริง ๆ เธอกลัวว่าแม่หนีไปเพราะโกรธเธอ
“ไม่ใช่หรอก แม่ต้องมีธุระแน่นอน” เย่ซือเฉินพูดแบบนี้ไม่เพียงแต่ปลอบใจถังจื่อซีเท่านั้น แต่เขารู้จักเวินลั่วฉิงดี เวินลั่วฉิงไปประเทศ M กะทันหันแบบนี้ต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่นอน
“ลูกรักไม่ต้องร้อนใจไปนะ พ่อต้องไปตามแม่กลับมาให้ได้” เย่ซือเฉินพูดไปพลาง ลุกมาเปลี่ยนเสื้อผ้าไปพลาง
“พ่อคะ งั้นพ่อต้องพาแม่กลับมาให้ได้นะคะ” ถังจื่อซีกระพริบตาปริบ ๆ ไม่ได้ร้อนใจอีกแล้ว พ่อเก่งขนาดนั้น ขอแค่พ่อออกโรงเองยังไงก็ต้องพาแม่กลับมาได้อยู่แล้ว
เย่ซือเฉินปลอบใจถังจื่อซีอีกสักครู่ จากนั้นก็วางสายไป
หลังจากวางสาย เย่ซือเฉินถึงเพิ่งเห็นข้อความที่เวินลั่วฉิงส่งมาให้เขาก่อนหน้านี้
แววตาเย่ซือเฉินดูขรึมขึ้น จากนั้นก็กดโทรไปหาเบอร์หนึ่งอย่างรวดเร็ว : “ช่วยฉันจัดการหน่อย ฉันจะไปประเทศ M เดี๋ยวนี้เลย”
ตอนนี้น้ำเสียงของเขาดูเย็นชาเล็กน้อย และรู้สึกกลัดกลุ้มใจอยู่บ้าง ทั้ง ๆ ที่เวินลั่วฉิงส่งข้อความหาเขาแต่เช้าแล้ว แต่เขากลับไม่เห็น เลยทำให้เสียเวลาไปนานขนาดนี้
ข้อความที่เธอส่งหาเขาบอกว่าเยว่หงหลิงเกิดเรื่อง และน่าจะเป็นเรื่องร้ายแรงด้วย
หลังจากที่เย่ซือเฉินสั่งการเสร็จแล้วก็วางสาย แล้วรีบโทรไปหาอีกเบอร์หนึ่งอย่างรวดเร็ว
“ช่วงนี้ทางถังไป๋เชียนมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?” น้ำเสียงของเย่ซือเฉินในตอนนี้เย็นชามากขึ้นกว่าเดิมอย่างชัดเจน
เขาให้คนคอยจับตาดูถังไป๋เชียนไว้ตลอด ถ้าหากมีอะไรผิดปกติต้องรายงานเขาแน่นอน ทางนั้นไม่ได้รายงานอะไรมา แต่เวินลั่วฉิงกลับได้รับสายขอความช่วยเหลือจากเยว่หงหลิง เรื่องนี้มันดูไม่ชอบมาพากล
เขากลัวว่าเวินลั่วฉิงไปประเทศ M คนเดียวจะเกิดอันตราย
“……ไม่มีอะไรผิดปกตินะครับ” คนที่อยู่ปลายสายอึ้งไปสองวินาที : “ช่วงนี้ถังไป๋เชียนไม่ค่อยได้รับคดีอะไร ก่อนหน้านี้ถังไป๋เชียนผิดใจกับคนอื่นไม่น้อยเลย ดังนั้นช่วงนี้จึงซวยซ้ำซวยซ้อน ช่วงนี้ชีวิตของถังไป๋เชียนไม่ค่อยราบรื่นนัก เขาเลยไม่มีจิตใจไปทำเรื่องอื่น เอาแต่หมกตัวอยู่ในที่พักตลอดเลยครับ”
“นายแน่ใจเหรอ?” คิ้วของเย่ซือเฉินขมวดจนเป็นปม
“แน่ใจครับ ผมให้คนจับตาดูเขาอยู่ตลอด ไม่พบอะไรผิดปกติเลยครับ” คนที่อยู่ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมาก
“คราวก่อนให้นายสืบเรื่องเยว่หงหลิง รู้ไหมว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?” แววตาของเย่ซือเฉินดูเคร่งขรึมมากขึ้นหลายเท่า ดูท่าทางเรื่องนี้จะไม่ธรรมดาซะแล้ว
ถ้าหากถังไป๋เชียนไม่ได้เป็นอะไร แล้วเยว่หงหลิงเกิดเรื่องก็ควรจะไปขอให้ถังไป๋เชียนช่วยเหลือไม่ใช่เหรอ?
ทำไมเยว่หงหลิงต้องลำบากโทรมาขอความช่วยเหลือจากเวินลั่วฉิงที่อยู่ห่างไกลด้วยล่ะ?
“เยว่หงหลิง? ผู้หญิงคนนี้จับตาดูยากมากครับ สะกดรอยตามเธอหลายครั้งก็พลัดหลงทุกครั้งเลยครับ ตอนนี้ไม่ทราบจริง ๆ ว่าเธออยู่ที่ไหน” น้ำเสียงของผู้ชายที่อยู่ปลายสายค่อย ๆ พูดเสียงต่ำลง ไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองเท่าไหร่ : “ผู้หญิงคนนี้ไหวตัวเก่งมากเลยครับ”
“สั่งให้คนไปตามหาเดี๋ยวนี้ ต้องตามหาเธอให้พบ ได้เรื่องยังไงให้รีบโทรบอกฉันทันที” เย่ซือเฉินหรี่ตาลง แม้แต่คนของเขายังไม่รู้ว่าตอนนี้เยว่หงหลิงอยู่ที่ไหน ถ้าหากเวินลั่วฉิงไปหาอย่างนี้กลัวว่าจะเกิดอันตรายขึ้นจริง ๆ
ดังนั้น ตอนนี้จำเป็นต้องให้คนตามหาตัวเยว่หงหลิงให้เจอ ต้องรู้สถานการณ์ของเยว่หงหลิงให้แน่ชัดก่อน