ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 930 เข้าข้างเจ้าหญิง มีเรื่องสนุกแล้วสิ (2)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 930 เข้าข้างเจ้าหญิง มีเรื่องสนุกแล้วสิ (2)
“หลังจากที่คุณหนูใหญ่ตระกูลถังกลับมาก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งกับเรื่องของถังหยุนเฉิงอีกเลย จนถึงตอนนี้เรื่องของถังหยุนเฉิงกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ แต่ตระกูลถังกับคุณหนูใหญ่กลับไม่มีการเคลื่อนไหวเลยสักนิด”
“ถ้าหากคุณหนูใหญ่ตระกูลถังคิดจะเอาตัวรอดปกป้องตัวเองก็แล้วไป แต่ถ้าหากไม่ใช่……” ลุงเหลียงยิ้มมุมปากเล็กน้อย แต่เป็นยิ้มที่ดูมีเลศนัย : “ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็ คุณหนูใหญ่ตระกูลถังคนนี้ก็ยากเกินจะคาดเดาได้จริง ๆ เก่งกาจเกินไปแล้ว”
“ผมรู้สึกว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังคนนี้อาจจะคิดเอาตัวรอดจริง ๆ ก็ได้ ขณะเดียวกันก็เป็นการปกป้องตระกูลถัง และปกป้องถังหลินด้วย การที่เธอจะทำแบบนี้ก็เข้าใจได้ง่าย ยังไงซะเด็กผู้หญิงคนนั้นก็ไลฟ์สดออกมาแล้ว ไม่ว่าเรื่องนี้จะจริงหรือไม่ก็ตาม ก็ไม่มีใครสามารถช่วยถังหยุนเฉิงได้แล้วล่ะ” ชายหนุ่มแสดงความคิดเห็นเหมือนกับคนส่วนมาก
“ เด็กผู้หญิงอายุ 11-12 ปีคนหนึ่งพูดจากอย่างนั้นออกมา ทำให้ไม่มีใครสงสัย จึงเท่ากับตัดสินไปแล้วว่าถังหยุนเฉิงมีความผิด นอกเสียจากเด็กคนนั้นจะกลับคำเอง ไม่อย่างนั้น……ไม่สิ ต่อให้เด็กผู้หญิงคนนั้นกลับคำพูด ก็จะถูกคนนอกสงสัยว่าถูกคนของตระกูลถังใช้อำนาจรังแกคนอื่น ดังนั้น ครั้งนี้ถังหยุนเฉิงต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงแน่นอน และไม่มีโอกาสได้แก้ต่างให้ตัวเองแล้ว ครั้งนี้ตระกูลถังปกป้องถังหลินไว้ได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้วล่ะ ส่วนถังหยุนเฉิงเกรงว่า……”
“ผมคิดว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังทำแบบนี้เพราะหนึ่งต้องการปกป้องตัวเอง สองอยากลดการแพร่ข่าวเรื่องนี้ให้น้อยลง ถ้าหากตระกูลถังออกหน้า ไม่ว่าตระกูลถังจะทำอะไร ก็จะถูกสื่อตีข่าวให้ใหญ่มากขึ้นไปอีก เรื่องของถังหยุนเฉิงยิ่งเป็นข่าวก็ยิ่งร้ายแรง สู้ไม่ออกหน้าเลยจะดีกว่า แล้วรอให้เรื่องเงียบไปเอง” ชายหนุ่มถึงแม้อายุน้อย แต่ก็คำนึงถึงทุกด้าน และวิเคราะห์ได้อย่างละเอียดมาก
“ที่แกวิเคราะห์มาก็ไม่เลว แต่น่าเสียดายว่าสิ่งที่แกคิดคุณหนูใหญ่ตระกูลถังก็คิดได้เหมือนกัน ส่วนเรื่องที่แกคิดไม่ถึง แต่คุณหนูใหญ่ตระกูลถังสามารถคิดได้” ลุงเหลียงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วปรายตามองชายหนุ่มอย่างเรียบเฉย
“ลุงเหลียง ลุงพูดอะไรหน่อยสิ เรื่องของถังหยุนเฉิงจะแก้ไขยังไง?” ชายหนุ่มไม่ยอมแพ้ เขาอายุน้อยยังอ่อนประสบการณ์ ลุงเหลียงทำงานให้กับหัวหน้ามาตั้งหลายปีขนาดนี้ เจอเรื่องใหญ่ ๆ มาจนชินแล้ว เขาจึงยินดีที่จะให้ลุงเหลียงคอยชี้แนะเขา
ลุงเหลียง : “……”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าจะแก้ไขแบบไหน?” ลุงเหลียงตาโต คิดไปคิดมา ก็เอ่ยเสริมขึ้นมาอีกประโยคหนึ่งว่า : “ฉันไม่ใช่คุณหนูใหญ่ตระกูลถังสักหน่อย”
“ลุงหมายความว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังสามารถแก้ไขได้แน่นอน?” ชายหนุ่มตาโต จ้องลุงเหลียงอย่างไม่ค่อยอยากเชื่อเขาสักเท่าไหร่ นี่ยังเป็นลุงเหลียงที่เขารู้จักอยู่หรือเปล่า ลุงเหลียงที่เขารู้จักไม่ใช่คุณลุงที่พูดจาเอาแต่ใจไร้รับผิดชอบอย่างนี้
“แน่นอน” แล้วลุงเหลียงก็ดันตอบออกมาอย่างหนักแน่นซะอย่างนั้น
ชายหนุ่มยิ่งตาโตไปกันใหญ่
“ลุงเหลียง ตอนนี้ยังไม่ได้ยืนยันว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังเป็นเจ้าหญิงองค์กรโกสต์ซิตี้ของพวกเราเลยนะ” ชายหนุ่มเบะปากอีกครั้ง เขาไม่รู้สึกว่าเขาพูดอะไรผิดไป เห็นได้ชัดว่าลุงเหลียงเข้าข้างคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง
ยังไม่ได้ยืนยันเรื่องฐานะลุงเหลียงก็ปกป้องเข้าข้างขนาดนี้ ถ้าหากยืนยันฐานะแล้วต่อไปก็คง……
เขาไม่กล้าคิดเลย!!
เรื่องของถังหยุนเฉิงเห็นได้ชัดว่ายังไงก็ไม่มีทางออก ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถแก้ไขได้ แล้วคุณหนูใหญ่ตระกูลถังคนนี้จะแก้ไขได้เหรอ?
ต่อให้คุณหนูใหญ่ตระกูลถังคนนี้เป็นเจ้าหญิงองค์กรโกสต์ซิตี้ของพวกเขาจริง ๆ แต่ก็เป็นแค่คนคนหนึ่ง ไม่ใช่สัตว์ประหลาดสามหัวหกแขนสักหน่อย
แน่นอนว่าคำพูดนี้เขาไม่กล้าพูดต่อหน้าลุงเหลียงอยู่แล้ว ลุงเหลียงเข้าข้างลำเอียงเอียงไปจนถึงมหาสมุทรแปซิฟิกแล้ว
ถ้าหากเขาพูดออกมา ลุงเหลียงคงจะตบเขาลงไปกองกับพื้นแน่นอน
“จริงสิ เมื่อกี้เจ้าเก้าบอกว่าเอาเส้นผมสองเส้นกลับมาให้คนตรวจดีเอ็นเอ แกไปจับตาดูด้วยตัวเองหน่อยไป” ลุงเหลียงดูเหมือนออกปากสั่งไปอย่างนั้น แต่มุมปากนั้นแสดงถึงอารมณ์ที่เย็นชาอย่างเห็นได้ชัด
“ในเมื่อเจ้าเก้ากลับมาแล้ว ยังจำเป็นต้องจับตาดูอีกเหรอครับ?” ชายหนุ่มกะพริบตาปริบ ๆ ด้วยความข้องใจ เพราะลุงเหลียงไว้ใจเจ้าเก้าเป็นอย่างมาก
“ลุงเหลียง ฐานะของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังยังไม่ได้รับการยืนยัน ลุงจะลำเอียงเกินไปไม่ได้นะ ไม่แน่ว่าคนที่เจ้าเก้าหามาอาจจะเป็นตัวจริงก็ได้” ชายหนุ่มรู้สึกว่าลุงเหลียงลำเอียงมากเกินไปแล้วจริง ๆ
“สั่งให้แกไปจับตาดูก็ไปเถอะน่า อย่าพูดมาก” ลุงเหลียงจ้องเขม็งเขา เหมือนไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่น้ำเสียงไม่ได้กล่าวโทษอะไรขนาดนั้น
“ครับ ผมจะไปจับตาดู” ชายหนุ่มเบ้ปาก รู้สึกกลุ้มใจที่ลุงเหลียงลำเอียงขนาดนี้ แต่เรื่องที่ลุงเหลียงสั่งให้ทำเขาก็ไม่กล้าละเลยแม้แต่น้อย
“จำไว้นะ คอยดูอย่าให้คลาดสายตาเด็ดขาด ถ้าเกิดผิดพลาดขึ้นมา ฉันจะให้แกรับผิดชอบ” ลุงเหลียงกำชับอีกครั้ง
ชายหนุ่มกะพริบตาเล็กน้อย : “ลุงเหลียง ลุงสงสัยอะไรเหรอ?”
ลุงเหลียงระแวงเจ้าเก้าเหรอ?
เป็นไปไม่ได้ เจ้าเก้าเป็นคนที่ลุงเหลียงเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กจนโต ต่อให้ลุงเหลียงสงสัยเขาก็ไม่มีทางสงสัยในตัวเจ้าเก้าแน่นอน
“ระวังเอาไว้หน่อยก็ดี” ลุงเหลียงไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ในคำพูดนั้นฟังดูคลุมเครือ
“ผมรู้แล้วครับ ลุงเหลียงวางใจได้ ผมจะจับตาดูไว้ไม่ห่างเลย จะจ้องตาแทบไม่กะพริบเลยครับ” สีหน้าของชายหนุ่มดูจริงจังมากขึ้น ถึงแม้ลุงเหลียงจะไม่ได้อธิบายอะไร แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าเรื่องนี้ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล
แน่นอนว่าถ้ามีปัญหาก็จะเกิดเรื่องขึ้น เมื่อเกิดเรื่องก็จะคึกครื้น มีเรื่องคึกครื้นเป็นสิ่งที่เขาชอบมากที่สุดเลยล่ะ
ลุงเหลียงมองเขา แล้วแอบส่ายหน้า แต่มุมปากกลับมีรอยยิ้มที่ดูเหมือนรู้เห็นเป็นใจออกมาเล็กน้อย
ในห้องตรวจดีเอ็นเอ
ชายหนุ่มเดินเข้ามา ถึงแม้ยังคงมีทีท่าเอ้อระเหยลอยชาย แต่สายตาที่มองไป กลับดูเฉียบคมจนทำให้คนอื่นไม่สามารถหลบสายตานั้นไปได้
“คุณชายหาน ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ล่ะคะ?” คนในห้องตรวจดีเอ็นเอเห็นเขาก็รู้สึกคาดไม่ถึง คุณชายท่านนี้ปกติไม่ค่อยสนใจอะไร แต่จู่ ๆ ตอนนี้มาที่ห้องตรวจดีเอ็นเอ หรือมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ?
“ได้ยินว่าพวกเธอต้องทำผลตรวจดีเอ็นเอ ฉันก็เลยมาจับตาดู” เสียงพูดของคุณชายฟังดูสบาย ๆ ดูไม่จริงจังสักเท่าไหร่
แต่เมื่อเขาพูดออกมา ทุกคนที่อยู่ในห้องตรวจดีเอ็นเอต่างพากันตกตะลึง
คุณชายหานบอกว่าจะจับตาดูพวกเขาตรวจดีเอ็นเอ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
“คุณชายหาน คุณหมายถึงตัวอย่างที่หนูจิ่วเอามาเหรอครับ?” มีคนอดไม่ได้ที่จะถามออกมา ยังไงตอนนี้ก็มีเพียงตัวอย่างเดียวที่ต้องตรวจดีเอ็นเอ
“ตัวอย่างที่เจ้าเก้าเอามา? เจ้าเก้าเอาตัวอย่างมา?” คุณชายเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า : “ไม่ว่าจะเป็นตัวอย่างที่ใครเอามา ฉันก็ต้องจับตาดูทั้งนั้น เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด”
ถึงแม้ลุงเหลียงให้เขามาจับตาดูตัวอย่างดีเอ็นเอที่เจ้าเก้าเป็นคนเอามาก็จริง แต่ต่อหน้าคนนอก เขาไม่สามารถพูดตรง ๆ ได้
คนในห้องตรวจดีเอ็นเอไม่กล้าพูดอะไรกันอีก จากนั้นบรรยากาศก็ตึงเครียดขึ้นมาทันที ทุกคนต่างระมัดระวังกันมาก ไม่กล้าประมาทกันเลยสักนิด
ไม่มีใครรู้ว่าทำไมจู่ ๆ คุณชายหานถึงได้มาจับตาดูที่ห้องตรวจดีเอ็นเอ แต่ทุกคนต่างรู้ดีว่า คนที่จะสั่งคุณชายท่านนี้ได้มีก็มีเพียงลุงเหลียงเท่านั้นแหละ
ดังนั้น เรื่องนี้น่าจะมีเงื่อนงำ…..