ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 939 เด็กชนะคนแก่ตระกูลเย่อย่างขาดลอย ช่างตื่นตาตื่นใจโดยแท้ (2)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 939 เด็กชนะคนแก่ตระกูลเย่อย่างขาดลอย ช่างตื่นตาตื่นใจโดยแท้ (2)
เย่ซือเฉินไม่รู้ว่าทำไมวันนี้ถังจื่อซีจึงมีคำถามมากมาย แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นคำถามที่ไม่ถูกต้อง มันเป็นสิ่งที่เขาคิดอยู่แล้ว ให้เขาสาบานยังไงเขาก็ไม่ถือสาอยู่แล้ว
ใบหน้าคุณปู่เย่มืดครึ้มจนสามารถหยดน้ำฝนลงมาได้แล้ว สายตาจ้องถังจื่อซี ซึ่งแววตานี้เฉียบคมและน่ากลัวมาก ตอนนี้เขาเชื่อหน่อยแล้วว่าเด็กคนนี้จงใจถามเช่นนี้
เมื่อถังจื่อซีสบตากับคุณปู่เย่ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกกลัว เธอแม้เธอจะอายุน้อย แต่หัวใจก็ไม่ได้เล็กตาม
ภายใต้แววตาน่ากลัวของคุณปู่เย่ ถังจื่อซีถามอย่างหวานแหววต่อว่า:“คุณพ่อมอบบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปให้หนูได้ไหมคะ?”
เมื่อกี้คุณปู่เย่รังเกียจที่เธอเป็นเพศหญิง ไม่อยากให้บริษัทตกอยู่ในมือเธอ ยังคิดจะแย่งเธอกลับไปอยู่ในบ้านตระกูลเย่อีก แถมยังจะแยกคุณพ่อคุณแม่จากกัน แล้วให้คุณพ่อแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น
พวกท่านยิ่งกลัวอะไร ตอนนี้ถังจื่อซีก็ยิ่งทำสิ่งนั้น คุณอามู่หรงเคยบอกว่า ถ้าอยากให้ใครโกรธ ต้องช่วงชิงของรักของหวงของเขา
บัดนี้สีหน้าคุณปู่เย่ไม่อาจใช้คำว่าแย่มาพรรณนาแล้ว เขาจ้องถังจื่อซีตาเขม็ง ในที่สุดเขาก็เชื่อสนิทใจแล้วว่า เด็กคนนี้จงใจทำ จงใจยั่วโมโหเขา?
เขาคิดว่าถึงเย่ซือเฉินจะทำตัวใช้ไม่ได้ขนาดไหน แต่ก็คงไม่เอาบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปมาล้อเล่นหรอก เย่ซือเฉินไม่มีทางยอมมอบบริษัทนี้ให้เด็กผู้หญิงอย่างแน่นอน
“ได้”ทว่าคุณชายสามเย่ไม่ได้หยุดแม้แต่วินาทีเดียว รับปากอย่างเร็วไว อีกทั้งน้ำเสียงคุณชายสามเย่ยังดีใจเป็นพิเศษอีกด้วย
ถ้าลูกสาวเขาอยากได้ อย่าว่าแต่บริษัทตระกูลเย่กรุ้ปเลย ถึงจะให้ทุกอย่างที่เขามี เขาก็ไม่ลังเลแม่แต่เสี้ยววินาที
นี่มันลูกสาวของเขาและเวินลั่วฉิง
ตอนแรกเขารอให้เวินลั่วฉิงบอกเรื่องเจ้าหญิงน้อยให้เขาทราบด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าเป็นฝ่ายรออย่างเดียวคงไม่ได้แล้ว เขาต้องรุกบ้าง ข้อเสนอของลูกสาวตรงใจเขามาก
เป็นความคิดที่ดีมาก
“เย่ซือเฉิน นายบ้าไปแล้วใช่ไหม นายรู้ตัวบ้างไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่?”คุณปู่เย่ทนไม่ไหวอีกต่อไป ตะคอกใส่โทรศัพท์ทันทีเรื่องอื่นท่านยังพอทนได้ แต่หากท่านทนต่อไป บริษัทตระกูลเย่กรุ้ปก็ต้องเปลี่ยนแซ่แล้วละ แล้วเขาจะไม่ร้อนใจได้อย่างไร?
ในสายตาคุณปู่เย่ ผู้หญิงโตมาจะต้องแต่งงาน เมื่อแต่งงานไปแล้วก็กลายเป็นคนฝ่ายสามี หากมอบบริษัทให้เด็กผู้หญิงคนนี้ งั้นบริษัทตระกูลเย่ก็จะกลายเป็นของตระกูลอื่น
ครั้งนี้คุณย่าเย่ไม่ได้ห้ามคุณปู่เย่อีก ท่านก็ตกใจจนจะเอ๋อไปแล้ว
“ตาเฒ่าอยู่ในบริษัทเหรอ”เย่ซือเฉินจำเสียงคุณปู่ได้ เขาจับต้นชนปลายได้ถูกทันที
มิน่าล่ะวันนี้เจ้าหญิงน้อยของเขาถึงถามคำถามแปลกๆมากมาย
ฉะนั้นเจ้าหญิงน้อยของเขาจงใจถาม น่าจะจงใจให้พวกท่านได้ยิน
ท่านทั้งสองต้องทำอะไรให้เจ้าหญิงน้อยโกรธแน่ๆ
เจ้าหญิงน้อยของเขาเป็นคนรู้ความและมีมารยาทเสมอ หากพวกท่านไม่เกินไป เจ้าหญิงน้อยคงไม่ทำเช่นนี้ ดังนั้นพวกท่านทำอะไรกับเจ้าหญิงน้อยของเขาบ้างนะ?
เย่ซือเฉินเอ่ยเสียงเครียดอย่างเห็นได้ชัด เวลานี้เขาเรียกว่าตาเฒ่า ซึ่งไม่ใช่คุณปู่ คำเรียกขานเรียบง่ายนี้ทำให้รู้อะไรหลายๆอย่างได้ดีทีเดียว
“ฉันอยู่ในบริษัท ถ้าวันนี้ฉันไม่ผ่านมาแล้วแวะเข้าบริษัท ไม่แน่ว่าบริษัทถูกมอบให้คนนอกแล้ว ฉันยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย”บัดนี้คุณปู่เย่รู้สึกโกรธมาก คงเป็นเพราะโกรธจัด ใบหน้าจึงเขียวไปหมด
“เธอเป็นลูกสาวผม ไม่ใช่คนนอก”อีกฝั่งหนึ่งของสาย เย่ซือเฉินค่อยๆหรี่ตาขึ้น คนนอกเหรอ ลูกสาวเขาคือคนนอก?
ในเมื่อตอนนี้คุณปู่เย่ปรากฏตัวในห้องทำงานของเขา แล้วถังจื่อซีก็จงใจถามเขาเช่นนั้น เขาไม่เชื่อว่าคุณปู่เย่ยังไม่รู้ว่าถังจื่อซีคือลูกสาวของเขา
“เด็กผู้หญิงเวลาโตต้องแต่งออกไป บริษัทตระกูลเย่กรุ้ปจะมอบให้เธอได้ยังไง”คุณปู่เย่ให้ความสำคัญผู้ชายมากกว่าผู้หญิงหนักมาก ซึ่งหนักแน่นในความคิดนี้อย่างสุดกำลัง
“งั้นท่านอยากให้ผมมอบบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปให้ใคร?ผมมีแค่ลูกสาวคนเดียว”เย่ซือเฉินที่อยู่ในสายส่งเสียงหัวเราะมา เพียงแต่เสียงหัวเราะนี้ไม่มีความอบอุ่นเลยสักนิด
“บริษัทตระกูลเย่ของพวกเราจะมอบให้ผู้หญิงไม่ได้ พวกเราจะขาดทายาทไม่ได้ นายรู้ว่าต้องทำยังไง”ความคิดคุณปู่เย่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และไม่คิดเปลี่ยนด้วย
“อีกอย่างนายแน่ใจมากหรือว่าเป็นลูกสาวนาย นายน่าจะยังไม่ได้ตรวจดีเอ็นเอสินะ?ไม่แน่ว่าเวินลั่วฉิงอาจจะหลอกนาย ไม่น่าว่าเด็กคนนี้อาจจะไม่ใช่เชื้อสายตระกูลเย่……”ยามนี้คุณปู่เย่โกรธจัด แน่นอนเขายังคงสงสัยในสถานะของถังจื่อซี เพราะเขายังไม่ได้ตรวจดีเอ็นเอเลย
และเท่าที่เขารู้จักเย่ซือเฉิน เย่ซือเฉินคงยังไม่ได้ไปตรวจอย่างแน่นอน
ถังจื่อซีได้ยินคำพูดของคุณปู่เย่ก็บู้ปากขึ้นอย่างอารมณ์เสีย ทำไมคนนี้เลวแบบนี้ ถึงกลับยุแยงความสัมพันธ์ของเธอกับคุณพ่อ เธอต้องเป็นลูกสาวของคุณพ่ออยู่แล้ว คุณแม่ไม่มีทางหลอกเธอเด็ดขาด
อีกอย่างคุณแม่ยังไม่ได้ตกลงให้พวกเขามานับพ่อ แต่เธอแอบมานับพ่อเอง
“เธอคือลูกสาวของผม สำหรับเรื่องที่เธอเป็นคนของตระกูลเย่หรือไม่ ผมคิดว่าเธอคงสนใจ ผมเองก็ไม่สนเช่นกัน”เวลานี้น้ำเสียงของเย่ซือเฉินเงียบสงบอย่างแปลกประหลาด แต่คนที่รู้จักเย่ซือเฉินดีจะรู้ว่าเวลาอย่างนี้ต่างหากถึงจะเป็นเวลาที่เย่ซือเฉินโกรธที่สุด
ลูกสาวของเธอ เขาไม่จำเป็นต้องตรวจดีเอ็นเอ เขาก็ไม่อนุญาตให้ใครสงสัยสถานะลูกสาวของเขา
นับจากแม่ของเขาถูกคุณปู่เย่ขับไล่ออกไป นับจากเย่โป๋เหวินไม่เอาใจใส่เขา ความรู้สึกดีๆของเขาที่มีต่อตระกูลเย่ก็จืดจางแล้ว
และเรื่องที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมา ทุกเรื่องราวล้วนทำให้เขารู้สึกผิดหวัง เย่โป๋เหวินช่วยพวกท่านวางยาพิษใส่เขา นาทีนั้นความเพ้อฝันที่จะได้รับความรักจากพ่อก็ไม่หลงเหลืออีกต่อไป
เด็กน้อยถังจื่อซีได้ยินคำพูดของเย่ซือเฉินก็วางใจในที่สุดและก็ดีใจเป็นอย่างยิ่ง ขอเพียงคุณพ่อยอมรับเธอก็เพียงพอแล้ว
“นายหมายความว่ายังไง?นายกำลังขู่ฉันอยู่หรือ?”คุณปู่เย่ชะงัก เพลิงโทสะลุกไหม้ขึ้นเรื่อยๆ เย่ซือเฉินกำลังขู่เขาอยู่เหรอ?ขู่ว่าหากเขาไม่ยอมรับเด็กผู้หญิงคนนี้ เย่ซือเฉินก็จะไม่ยอมรับตระกูลเย่ด้วยเช่นกัน?
เย่ซือเฉินปีกกล้าขาแข็งแล้วใช่ไหม?
“ผมไม่เคยขู่เฉพาะปากเฉยๆ”เย่ซือเฉินยังคงเงียบสงบ แต่กลับทำให้คนรู้สึกหนาวสั่น
เขาไม่เคยขู่เฉพาะปากเท่านั้น เพราะหากเขาพูดเช่นนั้น เขาต้องทำอย่างนั้นจริงๆแน่นอน
“ฉันกับคุณย่าจะไปตรวจดีเอ็นเอ หากเป็นลูกนายจริง ฉันต้องรับกลับไปบ้านตระกูลเย่อยู่แล้ว”คุณปู่เย่ได้ยินคำพูดของเย่ซือเฉินหัวใจพลันหล่นวูบ ถึงแม้เวลานี้คุณปู่เย่จะโกรธจัด แต่ก็ยังมีสติ ท่านรู้จักเย่ซือเฉินดี รู้ว่าเย่ซือเฉินพูดคำไหนคำนั้น