ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 966 จุดเปลี่ยน อกสั่นขวัญหาย(2)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 966 จุดเปลี่ยน อกสั่นขวัญหาย(2)
อันที่จริงเหตุผลนี้ของหลี่หมิง กับการตั้งคำถามแบบนี้ ก็ยังพอจะเอามาเป็นข้ออ้างได้
ลูกสาวของเขาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ความสงสัยของเขา ความระแวงของเขา ผู้คนก็ยังพอที่จะเข้าใจมันได้
“หลี่หมิง คำพูดคุณต้องมีจิตสำนึกบ้าง ฉันถูกคนอื่นจ้างมา ? คุณคิดว่าฉันถูกใครจ้างมาล่ะ ? วันนี้ฉันขอให้เจ้าหน้าที่จากมูลนิธิพิทักษ์ประชาชาติมาช่วยลูกร้องขอความยุติธรรม พวกเขาก็ยื่นมือให้ความช่วยเหลือเสี่ยวยวี่อย่างไม่มีเงื่อนไข และยังฟ้องร้องดำเนินคดีให้เราโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ช่วยเราจัดการกับคนเลวและช่วยเสี่ยวยวี่แก้แค้น คุณพูดมาสิว่าที่ฉันทำแบบนี้เพราะถูกใครจ้างมางั้นเหรอ ? ” คุณหลิวไม่รู้ว่าเพราะโมโหมากไปหรือเปล่า ถึงได้สะบัดหลี่หมิงจนหลุดออก
คำพูดของคุณหลิวตรงไปตรงมาอย่างชอบธรรม จนทำให้ผู้คนมากมายต่างก็ส่งเสียงออกมาดังก้อง
คุณหลิวเชิญเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิพิทักษ์ประชาชาติมาช่วยลูกสาว และเธอก็ลงมือปฏิบัติจริงเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับลูกสาวเธอจริงๆ และก็ต้องการที่จะลงโทษคนเลวคนนั้นจริงๆ
ไม่เหมือนหลี่หมิงที่บอกว่าจะเรียกร้องความยุติธรรมให้กับลูกสาว แต่ไม่ลงมือกระทำการใดๆที่บ่งบอกถึงการเรียกร้องเลย
และเมื่อเทียบกับหลี่หมิงแล้ว การกระทำของคุณหลิวจึงถือว่าเป็นการกระทำที่คนเป็นพ่อแม่ควรจะกระทำมากกว่า
“ฉันไม่รู้ว่าเธอเอาอะไรมาวางใจ แต่ฉันจะไม่พูดไร้สาระกับเธอ เธอไปซะ” หลี่หมิงเถียงคุณหลิวไม่ออก จึงออกปากเพื่อไล่เธออีกครั้ง และตอนนี้เองก็มีท่าทีร้อนรนขึ้นมาแล้วเช่นกัน
ท่าทีของเขาในตอนนี้ทำให้ผู้คนต่างก็พากันแปลกใจ
เขาสงสัยได้ และระแวงได้ แต่เขาไม่มีเหตุผลที่จะมาไล่คนแบบนี้ อย่างน้อยเขาก็ควรจะถามไถ่ หรือตรวจสอบมันให้ชัดเจนก่อนไหม ?
เขาหันไปหานักข่าวจากสื่อต่างๆ แม้ว่าจะพยายามควบคุมสถานการณ์ทุกอย่าง แต่สีหน้าของเขาก็ยังมีอารมณ์โกรธอยู่เล็กน้อย
“พวกคุณไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว เธอเป็นคนบ้า เธอบ้าไปแล้ว ”
“คุณหลี่ ฉันคิดว่าการกระทำของคุณหลิวก็ไม่ได้ผิด ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร ? และไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีเบื้องหลังยังไง ในตอนที่เราลำบากแล้วร้องขอความช่วยเหลือจากองค์กรที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเราแก้ปัญหา มันเป็นเรื่องปรกติที่พึงกระทำ และก็เข้าใจได้ ฉันไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมคุณหลี่ถึงต้องปฏิเสธ ”นักข่าวคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะถามออกมา เพราะเรื่องเด็กหญิงนี้เป็นกรณีพิเศษจริงๆ มันละเอียดอ่อน เพราะฉะนั้นคำพูดบางคำของนักข่าวเองก็หลีกเลี่ยงที่จะไม่พูดมัน แต่ในกรณีนี้ นักข่าวรู้สึกว่าจำเป็นที่ต้องพูดมันออกไป
“ใช่ การกระทำของคุณหลิวก็ไม่ได้ผิด เขาก็คำนึงถึงลูกสาวคุณเหมือนกัน ”นักข่าวอีกคนก็พยักหน้าและเห็นด้วยเช่นกัน
“คุณหลี่ คุณเข้าใจอะไรเกี่ยวกับมูลนิธิพิทักษ์สตรีและเด็กประชาชาติของเราผิดไปหรือเปล่า ? หรือมีข้อสงสัยอะไร ? มีอย่างหนึ่งที่คุณวางใจได้ก็คือ มูลนิธิพิทักษ์ประชาชาติของเรา มีหน่วยงานกรมบังคับคดีควบคุมอยู่ และอยู่ภายใต้ข้อบังคับการคุ้มครองระหว่างประเทศ และยอมรับการตรวจสอบของทุกคน เพราะฉะนั้นคุณหลี่คุณเชื่อใจเราได้ หรือหากคุณมีข้อสงสัยอะไร หรือมีคำถามอะไร ก็สามารถแจ้งพวกเขาได้เลย และคุณยังสามารถยื่นเรื่องร้องเรียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้อีกด้วย หรือภาษาที่เข้าใจง่ายๆ หากคุณหลี่มีข้อสงสัยอะไรก็สามารถยื่นฟ้องเราได้ ” เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิพิทักษ์ประชาชาติพูดมันต่อหน้าทุกคนในที่สาธารณะ
คำพูดของเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์ประชาชาตินั้นสมเหตุสมผล และได้รับการยอมรับจากทุกคน อีกทั้งผู้คนยังชื่นชมด้วย นี่ถึงจะเป็นองค์กรที่ทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง
“ฉันไม่เชื่อพวกคุณ พวกคุณเป็นพวกเดียวกัน พวกคุณเป็นพวกเดียวกันกับตระกูลถัง ต่อให้คำพูดพวกคุณจะสวยหรูแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ สุดท้ายแล้วพวกคุณก็ช่วยตระกูลถัง พวกคุณต้องเป็นคนที่ตระกูลถังจัดหามาแน่นอน ” หลี่หมิงมีท่าทีต่อต้านเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิ ไม่ว่าคนคนนั้นจะพูดอะไร เขาก็ไม่เชื่อ และยังไร้เหตุผลดึงดันอยู่ไม่รู้จบ
“คุณหลี่ ฉันต้องขอชี้แจงข้อหนึ่ง พวกเราเป็นมูลนิธิพิทักษ์สตรีและเด็ก เราปกป้องสตรีและเด็ก คุณหลิวเป็นคนติดต่อเรามา ในส่วนของตระกูลถังที่คุณกล่าวถึง ตระกูลถังไม่ได้อยู่ในความดูแลของเรา เพราะฉะนั้นตระกูลถังไม่สามารถเชิญเรามาได้ ”เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิพิทักษ์ประชาชาติไม่ได้รู้สึกโกรธ แต่กลับอธิบายอย่างชัดถ้อยชัดคำ และการกระทำของเขาก็เป็นที่ยอมรับของทุกคน
“หากคุณหลี่ยังมีข้อสงสัย ในตอนที่เราช่วยเหลือลูกสาวคุณ สามารถยื่นขอให้ฝ่ายกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาควบคุมดูแลเรื่องนี้ได้ หรืออยากจะให้ใครมาควบคุมดูแลตรวจสอบ ก็แล้วแต่คุณหลี่ตัดสินใจ ”เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิพิทักษ์ประชาชาติก็ได้แสดงออกถึงความจริงใจอีกครั้ง
“ผมไม่เชื่อพวกคุณ ไม่เชื่อ พวกคุณไปซะ พวกคุณเป็นพวกเดียวกับตระกูลถัง” หลี่หมิงไม่ฟัง คิดแต่เพียงว่าพวกเขาเป็นพวกเดียวกันกับตระกูลถัง
ทุกคนเกิดความมึนงงสับสนขึ้นอีกครั้ง หากองค์กรแบบนี้หลี่หมิงยังไม่เชื่อ ก็ไม่รู้ว่าเขาจะเชื่ออะไรแล้ว ?
แม้ว่าจะมีเรื่องที่เจ้าหน้าที่ปกป้องคนกันเอง แต่เพียงเพราะคนกลุ่มเดียวก็ไม่ควรตัดสินคนทั้งหมดว่าเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาเป็นเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิพิทักษ์ประชาชาติ ต่อให้ตระกูลถังในประเทศzจะยิ่งใหญ่แค่ไหน ก็คงไม่สามารถมาควบคุมเจ้าหน้าที่เหล่านั้นได้ อีกทั้งเจ้าหน้าที่เองก็แจ้งให้หลี่หมิงทราบแล้วว่าสามารถหาฝ่ายกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือหน่วยงานไหนก็ได้มาตรวจสอบควบคุมดูแล ฝ่ายกฎหมายทุกที่คงไม่ถูกตระกูลถังควบคุมและให้ความช่วยเหลือเขาทั้งหมดหรอกมั้ง ?
คำพูดของหลี่หมิงนี้ก็ช่างรั้นไม่ฟังเหตุผลเอาซะเลย
ใครที่พอรู้ตื้นลึกหนาบางมากกว่านี้ก็คงรู้ อีกทั้งตระกูลกู้เองก็เห็นตระกูลถังเป็นหนามยอกอก รอที่จะซ้ำเติมอยู่
ถ้าหลี่หมิงขอให้ฝ่ายกฎหมายเข้ามาควบคุมดูแล ก็กลัวว่าตระกูลกู้จะเล่นตุกติกอยู่เบื้องหลัง ถึงตอนนั้นจะไม่เป็นผลดีกับถังหยุนเฉิงมากกว่า
ทุกคนต่างก็สงสัยในตัวหลี่หมิงมากขึ้น ก่อนหน้านั้นทุกคนเห็นว่าเด็กหญิงนั้นน่าเวทนา น่าสงสาร เพราะฉะนั้นจึงได้มองข้ามเรื่องอื่นๆไป และไม่มีใครกล้าที่จะพูดถึงเรื่องพวกนี้มากนัก
แต่ตอนนี้แม่ของเด็กหญิงออกมา และเชิญเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิพิทักษ์ประชาชาติมาช่วยเหลือ ในสถานการณ์แบบนี้ มีเรื่องอะไร มีคำพูดไหน มีความสงสัยอะไรก็สามารถที่จะพูดมันออกมาได้อย่างเต็มที่
หรือแม้ว่าตอนนี้จะมีคนออกมาแก้ต่างให้ถังหยุนเฉิง อาจจะถูกด่าบ้าง แต่ก็ไม่ทำให้ผู้คนรู้สึกไม่พอใจเหมือนก่อนหน้า เพราะตอนนี้ได้มีองค์กรที่เข้มแข็งออกมาทวงความยุติธรรมให้แล้ว ในใจของทุกคนก็มีปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไปกับเรื่องนี้
ไม่มีการใช้กำลังข่มเหงผู้อ่อนแอ ไม่มีการโอนเอนฝักใฝ่เข้าข้างตระกูลถังอยู่ฝ่ายเดียวอีกต่อไป เด็กหญิงช่างบอบบางนัก
เพราะฉะนั้นในเวลาแบบนี้ การพูดแก้ต่างให้ถังหยุนเฉิงก็ไม่ได้สร้างความไม่พอใจในหมู่ผู้คน เพราะทุกคนเชื่อว่าภายใต้องค์กรที่น่ายำเกรงนี้ ตระกูลถังไม่ได้ยิ่งใหญ่จนแตะต้องไม่ได้ และเหตุการณ์นี้ตระกูลถังก็ไม่สามารถอาศัยอิทธิพลมาปกปิดมันได้อีก