ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 989 พ่อลูกดวลกัน วิธีขั้นเทพของคุณชายสามเย่ (8)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 989 พ่อลูกดวลกัน วิธีขั้นเทพของคุณชายสามเย่ (8)
แต่ถังจื่อโม่ช้าไปหนึ่งก้าว
เสียงกริ่งห้องวีไอพีหมายเลขสิบดังขึ้นก่อนเขาเสียแล้ว!!
“อย่างเจาะจงเด่นชัดเกินไปแล้ว?”ฉู่หลิงเอ๋องงงวยเล็กน้อย คนนี้ทำเรื่องเด่นชัดเกินไปหรือเปล่า?
“จื่อโม่สุดที่รัก ตอนนี้พวกเราจะทำยังไงดีจ๊ะ?”ฉู่หลิงเอ๋อรีบหันไปมองถังจื่อโมม่ ทันใดนั้นเธอรู้สึกว่าวันนี้ต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่ๆ
ไม่รู้ว่าสถานการณ์แบบนี้จื่อโม่จะทำยังไง
“ดูก่อนแล้วค่อยว่ากันครับ”ถังจื่อโม่ชักมือกลับมา ไม่รีบร้อนจะกดกริ่งอีก เขาต้องดูก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น?
ดูว่าคนนั้นต้องการทำอะไรกันแน่?
“ตกลงเป็นใครกันนะที่กล้าปะทะกับคุณชายสามเย่?”บัดนี้สิ่งที่ฉู่หลิงเอ๋อคิดไม่ตกที่สุดก็คือสุดนี้ ด้วยสถานะของคุณชายสามเย่คนในเมืองAไม่น่าจะกล้าบาดหมางกับเขานะ?
อีกทั้งคนในเมืองAต่างก็รู้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณชายสามเย่กับถังหลิน หากเมื่อก่อนตระกูลถังเกิดเรื่องอาจมีคนซ้ำเติม แต่ตอนนี้คดีของถังหยุนเฉิงได้คลี่คลายหมดแล้ว
ตอนนี้การเลื่อนตำแหน่งของถังหยุนเฉิงกลายเป็นเรื่องตายตัวแล้ว อนาคตตระกูลถังจะยิ่งก้าวหน้ามากขึ้น ซึ่งถังหลินก็ต้องเก่งกาจมากขึ้นตามไปด้วย
คุณชายสามเย่บวกกับถังหลินแล้วมีใครไม่กลัวตายจนมาสร้างความบาดหมางกัน?
ฉู่หลิงเอ๋อรู้ว่าลูกพี่ชอบฉิงฉิง แต่เป็นเพราะคุณชายสามเย่ จนถึงตอนนี้ลูกพี่ก็ไม่กล้าทำอะไร
ถังจื่อโม่มองห้องวีไอพีด้านข้าแวบหนึ่ง แน่นอนว่าไม่เห็นอะไร ถังจื่อโม่เม้มปากเล็กน้อย เขาก็อยากรู้ว่าเป็นใครมาก?
“แซ่มู่?ในเมืองAมีบุคคลร้ายกาจไหม?หรือไม่เพียงแต่เมืองA?แต่เป็นทั้งประเทศZ?”ฉู่หลิงเอ๋อคิดยังไงก็คิดคนแซ่มู่ไม่ออก
“น้าให้มู่หรงสืบดูหน่อย”เธอครุ่นคิดดูแล้ว จากนั้นก็เอามือถือส่งข้อความหามู่หรงดัวหยาง มู่หรงดัวหยางเป็นยอดฝีมือในด้านคอมพิวเตอร์ เขาน่าจะสืบได้
ถังจื่อโม่ก็รู้ความสามารถของมู่หรงดัวหยางดี จึงเห็นด้วยกับการกระทำของฉู่หลิงเอ๋อในเวลานี้
แต่ถึงมู่หรงดัวหยางจะสืบก็คงไม่ได้เร็วมากนัก
ด้านในห้องวีไอพีหมายเลขเก้า กู้หวูชะงัก จากนั้นก็หัวเราะออกมา“เห็นทีคนนี้จะปะทะกับพวกเราจริงๆ ใจกล้ามาก ไม่มีว่าเป็นใครกัน?”
กู้หวูติดตามคุณชายสามเย่มาหลายปี เขารู้ความสามารถของคุณชายสามเย่ดี หลายปีมานี้ เขายังไม่เคยเห็นใครกล้าประชันกับคุณชายสามเย่ซึ่งๆหน้าเลย
ระหว่างที่กู้หวูพูดก็กดกริ่งอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ได้ถามความคิดเห็นของคุณชายสามเย่ สถานการณ์แบบนี้ไม่ว่าจะยังไงก็ยอมไม่ได้เด็ดขาด
ในเมื่ออีกฝ่ายต้องการก่อเรื่อง พวกเขาก็ต้องเล่นด้วยจนถึงที่สุดอยู่แล้ว
เมื่อเสียงกริ่งของกู้หวูดังขึ้น เสียงกริ่งจากห้องวีไอพีหมายเลขสิบก็แว่วมาทันที ชนิดที่ไม่มีการหยุดเลย เรียกได้ว่าคนในห้องวีไอพีหมายเลขสิบกำลังรอการเคลื่อนไหวของคุณชายสามเย่
คนในงานตกตะลึงจนอ้าปากตาค้าง นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
คนนี้เป็นใครมาจากไหนกันแน่ถึงได้กล้าปะทะกับคุณชายสามเย่อย่างออกหน้าออกตาและไม่กลัวเลยสักนิด?
“อย่างนี้ก็สนุกแล้วสิ”กู้หวูในห้องวีไอพีหมายเลขเก้าหางยกคิ้วขึ้น“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นก็ร่วมเล่นกับพวกเขาดีๆสักตั้งจะเป็นไรไป”
กู้หวูกดกริ่งอีกครั้ง และเมื่อครั้งก่อนไม่มีผิดเพี้ยน เสียงกริ่งจากห้องวีไอพีหมายเลขสิบไม่ได้เว้นระยะห่างเลยก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ตามเร็วเกินไปแล้ว พิธีกรไม่ทันแจ้งราคาออกไปเลย แน่นอน เวลานี้พิธีกรก็มึนเล็กน้อยจนตอบสนองไม่ทันไปชั่วขณะ
“ลูกพี่ครับ คนนี้คิดจะทำอะไรกันแน่?”ครั้งนี้กู้หวูไม่ได้รีบกดกริ่ง แต่มองไปยังคุณชายสามเย่ คนนี้ทำโจ่งแจ้งเกินไป เห็นได้ชัดว่าทำให้กู้หวูอยากลงไม้ลงมือทำอะไรสักอย่างแล้ว
แต่ถ้าหากจะทำจริงๆก็จำเป็นต้องให้ลูกพี่เห็นด้วยก่อน
“ไม่รู้”สีหน้าคุณชายสามเย่ไม่เปลี่ยน ใบหน้าไม่มีความผิดแปลกใดๆ เขาไม่รู้จริงๆว่าคนนั้นคิดจะทำอะไรกันแน่ แต่อีกฝ่ายอยากปะทะกับเขาอย่างเห็นได้ชัดแบบไม่คิดจะปิดบัง คงไม่อาจรู้ว่าอีกฝ่ายอยากทำอะไรได้
เย่ซือเฉินรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่เพียงแต่ไม่คิดปิดบังเลยสักนิด แถมยังจงใจให้เขารู้อีกต่างหาก
อันนี้ก็น่าสนใจซะแล้วสิ
“ลูกพี่พวกเราจะต่อไหมครับ?”ระหว่างที่กู้หวูถาม อันที่มือได้ยื่นไปยังกริ่งเพื่อจะกดอีกครั้งแล้ว
เขาติดตามคุณชายสามเย่มาหลายปี คุณชายสามเย่ไม่เคยเจอการหยามเกียรติแบบนี้มาก่อน?ดังนั้นวันนี้คุณชายสามเย่ก็ไม่ยอมผ่านไปอย่างนี้หรอก ไม่ว่าอย่างไรเสียก็ต้องรู้เป้าหมายของอีกฝ่ายให้กระจ่าง
“ต่อ”คุณชายสามเย่ยกน้ำชาบนโต๊ะขึ้น พลางจิบหนึ่งคำ เสียงทุ้มต่ำยังคงไม่มีความผิดปกติใดๆ
“โอเคครับ”กู้หวูได้รับอนุญาตจากคุณชายสามเย่พลันรีบกดกริ่งทันที
จากนั้นห้องวีไอพีหมายเลขสิบก็มีเสียงกริ่งดังขึ้นอย่างไม่เว้นช่องว่าง เรียกว่าเร็วมากๆเลยทีเดียว
เสียงกริ่งทางนี้ยังไม่ได้หยุดหมด เสียงกริ่งจากอีกฝ่ายก็ดังขึ้นเสียแล้ว จึงกลายเป็นเสียงกริ่งที่ติดต่อกันเป็นเสียงยาวเลย
กู้หวูก็กดกริ่งติดต่อกันหลายครับ ซึ่งแต่ละครั้งห้องวีไอพีหมายเลขสิบก็กดติดกันไม่เว้นระยะ
“เร็วเกินไปหรือเปล่า คนนี้วางกริ่งไว้บนตักหรือเปล่า?รอให้พวกเรากด เขาก็กดตาม?”กู้หวูก็สตั้นเล็กน้อย เคยเห็นคนหาเรื่องแต่ก็ยังไม่เคยเห็นโอหังโจ่งแจ้งเช่นนี้มาก่อน
“ผมรู้สึกเหมือนว่า”เลขาหลิวที่ยืนอยู่ด้านหลังมาโดยตลอดอดพูดหนึ่งประโยคไม่ได้“คนนี้โอหังมากครับ”
“อืม โอหังมากจริงๆ”บัดนี้กู้หวูเห็นด้วยกับความคิดของเลขาหลิว
“แต่แย่งต่อไปอย่างนี้ก็ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดนะครับ?ผมรู้สึกว่าคนในห้องวีไอพีหมายเลขสิบไม่ยอมถอยแน่ครับ หากพวกเราก็ไม่ถอย งั้นก็ต้องวนเวียนอยู่แต่อย่างนี้?เครื่องทองสัมฤทธิ์ชิ้นนี้ประมูลราคาถึงหลายแสนแล้วนะครับ”เลขาหลิวไม่ได้ดื้อรั้นเท่ากู้หวู เขาเป็นเลขาและผู้ช่วยของท่านประธาน เขารู้สึกว่าควรพิจารณาถึงเรื่องราคาบ้าง อีกทั้งขืนเป็นอย่างนี้ต่อไปก็ไม่ใช่จะดี
“แล้วทำไมล่ะ?พวกเราจะยอมอย่างนี้เหรอ?”กู้หวูมองไปยังเลขาหลิว ดวงตาพลันหรี่ขึ้น“หากพวกเราถอยก็เท่ากับพวกเรายอมอ่อนข้อ แล้วลูกพี่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?”
เลขาหลิวมองคุณชายสามเย่แวบหนึ่ง เห็นคุณชายสามเย่ไม่พูดอะไร เขาก็ไม่กล้าพูดอีก
พิธีกรด้านล่างไม่ได้ส่งเสียงนานแล้ว เพราะทั้งสองฝ่ายกดกริ่งเร็วเกินไป โดยเฉพาะห้องวีไอพีหมายเลขสิบกดต่อเร็วสุดๆ
ซึ่งฝ่ายคุณชายสามเย่ยังหยุดนิ่งเล็กน้อย แต่พิธีกรก็ไม่ได้ปริปากพูด สถานการณ์อย่างนี้เขาไม่รู้ว่าควรพูดเช่นไรดี
เจ้านายของพวกเขากำชับเป็นพิเศษว่าของชิ้นนี้เตรียมไว้สำหรับคุณชายสามเย่โดยเฉพาะ ตอนนี้ประมูลราคาสูงเพียงนี้ เขาไม่กล้าขายให้กับคุณชายสามเย่ แน่นอนและไม่กล้าขายให้กับคุณมู่ในห้องวีไอพีหมายเลขสิบด้วย
ฉะนั้นเขาเลยแกล้งเป็นใบ้เสียเลย แต่วันนี้เจ้านายก็อยู่ในสมาคมประมูลหงเยว่ด้วยคงเห็นเหตุการณ์แล้ว เขากำลังรอคำสั่งจากเจ้านายอยู่
“ประมูลต่อ ประมูลถึงหนึ่งล้านแล้วยอมให้เขา”คุณชายสามเย่หมุนถ้วยน้ำชาในมือเบาๆ พลางยกมุมปากขึ้นมายิ้มเล็กน้อย