ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่391 บิดาผู้ให้กำเนิดของเด็ก(1)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่391 บิดาผู้ให้กำเนิดของเด็ก(1)
บทที่391 บิดาผู้ให้กำเนิดของเด็ก(1)
“อืม เดินไปดูกัน”ดวงตาของเย่ซือเฉินกะพริบ และในขณะนี้เขาก็สงบลงมากแล้ว และเสียงของเขาก็กลับมาเย็นชาตามปกติ ทำให้คนที่ฟังนั้นไม่สามารถฟังอะไรที่ผิดปกติออกมาได้
จางผิงเดินตามข้างหลังเขามา และเงยหน้าขึ้นมองแผ่นหลังของเย่ซือเฉิน จากนั้นก็ค่อยๆเคลื่อนสายตาออกไป
ฉากของเย่ซือเฉินนั้นไม่ใหญ่มากนัก มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รีบวิ่งไป และฐานของถังไป๋เชียนที่อยู่ทางเหนือสุดนั้นค่อนข้างเปลี่ยว พวกเขาทั้งหมดเดินทางไปโดยการขับรถยนต์ และหลังจากผ่านไปสองชั่วโมงพวกเขาก็มาถึงที่หมาย
“พวกคุณรอฉันอยู่ที่นี่”เย่ซือเฉินลงจากรถโดยลำพัง ซึ่งเขานั้นมาหาภรรยาของเขา ไม่ได้มาเพื่อต่อสู้ ดังนั้นเขาเข้าไปคนเดียวก็พอแล้ว
“พี่ใหญ่ ผมเข้าไปกับพี่” จางผิงกะพริบตา และความกังวลเล็กน้อยก็ปรากฏอยู่ในส่วนลึกของดวงตาเขา แต่ว่าไม่ได้ชัดเจนมากนัก
“ไม่ต้อง”เย่ซือเฉินปฏิเสธ แล้วเขาก้าวเดินไปข้างหน้าต่อ โดยที่ไม่ได้หันกลับไปมองจางผิง
เย่ซือเฉินค่อยๆเดินก้าวไปข้างหน้า เดินไม่เร็วมากนัก และการแสดงออกของเขานั้นสงบมาก
แต่ว่า เมื่อเย่ซือเฉินเดินเข้าไปถึงใกล้ๆที่ฐาน ดวงตาของเขาก็หรี่ลงเล็กน้อย สถานที่แห่งนี้เงียบมาก เงียบจนเหมือนว่าจะไม่มีคนอยู่
ฐานลับทั่วไปอาจจะเงียบมาก แต่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเงียบจนถึงขั้นนี้
แม้ว่าเย่ซือเฉินจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ แต่ว่าเขาก็ไม่ได้หยุดเดิน คนของเขาบอกว่าถังไป๋เชียนพาภรรยาของเขามาที่นี่ และในขณะนี้ หากว่าที่นี่เป็นถ้ำเสือหรือสถานที่อันตราย เขาก็จะบุกเข้าไป
เพื่อที่จะหาเธอให้เจอ เย่ซือเฉินสามารถทำได้ทุกอย่างในขณะนี้!
เย่ซือเฉินเดินไปที่หน้าประตู แล้วผลักประตูออกอย่างเต็มแรง และประตูก็ถูกเปิดออก ดวงตาของเย่ซือเฉินจมลงอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้ยังมีจางผิงที่อยู่ทางด้านหลังที่ห่างออกไปเล็กน้อยมีความกังวลเล็กน้อยปรากฏขึ้นในสายตาของเขา
“พี่ใหญ่ ระหว่างมีกับดักนะครับ”ในที่สุดจางผิงก็อดไม่ไหว แล้วกล่าวตักเตือนเย่ซือเฉินขึ้น
แต่ว่าเย่ซือเฉินนั้นไม่ได้หยุด เขาเปิดประตูและเดินเข้าไปโดยตรง
หลังจากที่เย่ซือเฉินเข้าไปแล้วเขาพบว่าด้านในนั้นว่างเปล่า และไม่มีใครเลยสักคนหนึ่ง เย่ซือเฉินเดินวนไปหนึ่งรอบ ในนี้อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่สิ่งมีชีวิตก็ไม่มี
เห็นได้ชัดว่าถังไป๋เชียนไม่ได้อยู่ที่นี่ และเวินลั่วฉิงก็ไม่ได้อยู่ที่นี่
ใบหน้าของเย่ซือเฉินนั้นไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก เพียงแต่ว่าดวงตาทั้งคู่ของเขานั้นยิ่งเย็นชาลงเล็กน้อย
แม้ว่าตอนที่เย่ซือเฉินมานั้นจะตั้งความหวังไว้ แต่ว่าเขาก็ไม่ได้ตั้งความหวังไว้สูงมากนัก เพราะเขาเข้าใจความสามารถของถังไป๋เชียน และเขายิ่งรู้ดีถึงความคิดของถังไป๋เชียน ดังนั้นเขาคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าถังไป๋เชียนนั้นไม่ยอมให้เขาหาเจอเวินลั่วฉิงง่ายๆ
แต่ถ้าหากว่า เขาได้ข่าวตั้งแต่เมื่อคืนนี้ และรีบเดินทางมาที่นี่โดยตรงล่ะก็ แน่นอนว่าถังไป๋เชียนนั้นไม่มีโอกาสซ่อนตัวของเวินลั่วฉิงไว้แน่นอน
และถ้าเขาสามารถเดินทางมาตั้งแต่เมื่อวาน เขาก็จะไม่ปล่อยให้ถังไป๋เชียนได้พบเจอกับเวินลั่วฉิงแน่นอน
เขาเข้าใจดีว่าหากปล่อยให้ถังไป๋เชียนรับเวินลั่วฉิงไปแล้ว เรื่องราวทั้งหมดจะกลายเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากแน่นอน
เพื่อเธอแล้ว ถังไป๋เชียนสามารถหลบซ่อนตัวอยู่ในเมือง Aได้นานขนาดนั้น เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่าการเคลื่อนไหวของถังไป๋เชียนนั้นไม่บริสุทธิ์
จะว่าไปแล้ว สุดท้ายก็เป็นเขาเองที่พลาดโอกาสที่ดีที่สุดไป
มุมริมฝีปากของเย่ซือเฉินเม้มขึ้นอย่างเย็นชาเล็กน้อย ถังไป๋เชียนอยากจะห้ามเขา แต่เกรงว่าฝ่ายนั้นคงจะไม่มีปัญญานั้น และในเมื่อถังไป๋เชียนอยากเล่น ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะเล่นสนุกกับถังไป๋เชียนสักหน่อย
หวังว่าถังไป๋เชียนนั้นจะสามารถทนและรับมือเขาได้
“พี่ใหญ่ เหตุการณ์ด้านในเป็นอย่างไรบ้าง?”เมื่อเห็นเย่ซือเฉินออกมา จางผิงก็รีบถามขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ไม่มีคน พวกเขาอพยพออกไปแล้ว”เย่ซือเฉินมองไปที่เขา แล้วตอบกลับเขา น้ำเสียงที่เยือกเย็นของเขานั้นทำให้คนที่ฟังฟังอารมณ์ของเขาไม่ออก
แน่นอนว่าในขณะนี้เย่ซือเฉินนั้นไม่ตำหนิลูกน้องของเขาที่ทำงานไม่ได้เรื่อง เพราะอำนาจของถังไป๋เชียนนั้นเขารู้ดีที่สุด ถ้าให้เขาหาคนเจอได้ง่ายดายขนาดนั้น ในทางกลับกันมันจะน่าแปลกประหลาดยิ่งกว่า
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่เขาให้ลูกน้องของเขาตรวจสอบ ถังไป๋เชียนได้รับเวินลั่วฉิงไปตั้งนานแล้ว ดังนั้นพวกเขาก็สามารถตรวจสอบผ่านร่องรอยบางอย่างเท่านั้น
ต่อให้สถานที่ที่พวกเขาตรวจสอบจะถูกต้อง แต่เวลานานขนาดนั้น เป็นไปได้ว่าถังไป๋เชียนนั้นได้เคลื่อนย้ายไปแล้ว และตามความสามารถของถังไป๋เชียน ถ้าเขาอยากจะเคลื่อนไหวโดยไม่ทิ้งร่องรอยไว้นั้นไม่ใช่เรื่องยาก
“รับสั่งลงไป ค้นหาฐานลับทั้งหมดของถังไป๋เชียนอย่างละเอียด”ดวงตาของเย่ซือเฉินหันกลับมามองเล็กน้อย แล้วรีบออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว เขาหวังว่าถังไป๋เชียนยังอยู่ที่ประเทศMในตอนนี้
ตราบใดที่ถังไป๋เชียนยังอยู่ในประเทศM เขาก็สามารถจับตัวของถังไป๋เชียนออกมาได้แน่นอน โดยใช้เวลาไม่นาน
และถ้าจับตัวถังไป๋เชียนได้ ก็สามารถพบเจอกับภรรยาของเขาได้
“ครับ” จางผิงรีบกล่าวตกลงอย่างรวดเร็ว และรีบโทรศัพท์เพื่อติดต่อ
ผ่านไปสองชั่วโมง ตอนที่เย่ซือเฉินได้รับข่าว ฐานที่ถังไป๋เชียนมีทุกสถานที่ต่างก็มีคนไปตรวจสอบดูแล้ว และไม่พบใครเลยสักคน
ดวงตาของเย่ซือเฉินค่อยๆหรี่ลง ถังไป๋เชียนทำเพื่อเธอ ถึงขนาดรังเก่าทั้งหมดของเขา เขาก็ไม่เอาแล้วเหรอ?
ถังไป๋เชียนทำเช่นนี้นั้นไม่สำคัญสำหรับเขา แต่ที่สำคัญสำหรับเขาคือ เธอไปกับถังไป๋เชียนแบบนี้เลยเหรอ?
เธอกลับไปที่ประเทศMก่อน จากนั้นจากไปพร้อมกับถังไป๋เชียน?
ดังนั้น เธอมาที่ประเทศM ก็เพื่อมาหาถังไป๋เชียนเหรอ?
ถังไป๋เชียนไปไหน เธอก็จะติดตามเขาไปด้วยทุกที่เหรอ?
แล้วเขาล่ะ?ตอนที่เธอจากไปพร้อมกับถังไป๋เชียนนั้นเธอเคยนึกถึงเขาบ้างหรือเปล่า?
เขาครุ่นคิด เธอไม่นึกถึงเขาแน่นอน เมื่อก่อนนั้น ในใจของเธอไม่มีเขาอยู่เลย และตอนนี้เธอก็จัดการเรื่องหย่าแล้ว คงจะลืมเขาไปถึงไหนแล้วไม่รู้ คงจะไม่มีแม้แต่วินาทีเดียวที่จะนึกถึงเขาหรอกมั้ง?
เวินลั่วฉิงในขณะนี้ไม่มีเวลาไปนึกถึงเย่ซือเฉินจริง ๆ เพราะว่าในขณะนี้เธอกำลังอยู่ในโรงพยาบาลกับถังจื่อโม่ ซึ่งแน่นอนว่า เด็กน้อยถังจื่อซีเองก็อยู่ด้วย
ถังจื่อซีนั้นกว่าจะได้อยู่กับแม่ของตัวเองไม่ง่ายเลย ดูเหมือนว่าเขากลัวแม่ของเขานั้นจะจากไปกะทันหันอีก ดังนั้นเขาจึงกอดแม่ไว้ตลอดไม่ยอมปล่อยมือ
อาการของถังจื่อโม่นั้นไม่รุนแรงมากนัก ดังนั้นจึงตัดสินใจรักษาโดยใช้ยา ไม่ผ่าตัด เพียงแต่ว่าต้องนอนพักที่โรงพยาบาลหลายวัน
“คุณแม่ครับ แม่มาอยู่กับผมแบบนี้ สามีคุณแม่ยินยอมเหรอครับ?”ถังจื่อโม้มองไปที่เวินลั่วฉิง มีบางอย่างที่แปลกๆกะพริบอยู่ภายในดวงตาส่วนลึกของเขา
เวินลั่วฉิงกำลังปอกส้มให้ถังจื่อซีอยู่ในขณะนี้ และเมื่อเธอได้ยินคำพูดของถังจื่อโม่ เธอก็ตะลึง จากนั้นเธอเงยหน้าขึ้นมา แล้วมองไปที่ถังจื่อโม่ แล้วยิ้มและกล่าว:“แม่หย่ากับเขาแล้ว ต่อไปนี้แม่เป็นอิสระแล้ว และสามารถมาอยู่กับพวกหนูได้ทุกวัน”
ตอนที่เวินลั่วฉิงพูดคำนี้ดูเป็นธรรมชาติมาก ไม่มีอะไรที่ผิดปกติเลยสักนิด
“เย้ ดีจังเลย ต่อไปนี้คุณแม่ก็สามารถอยู่กับพวกเราทุกวันแล้ว”ถังจื่อซีรีบตะโกนขึ้นด้วยความดีใจ และภายในใจของเธอนั้นไม่มีอะไรสำคัญไปมากกว่าคุณแม่สามารถอยู่เคียงข้างเธอแล้ว
แต่ว่าถังจื่อโม่นั้นกลับตะลึง และดวงตาทั้งคู่ของเขาก็จ้องมองไปที่เวินลั่วฉิงที่ก้มหน้าปอกส้มให้จื่อซีอยู่ตลอด และการแสดงออกบนในหน้าของเขานั้นยิ่งอยู่ยิ่งซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ
ครั้งนี้ที่เขากลับมา ก็เพื่อจะมาตรวจสอบเรื่องของโม่เหยียน เพราะเขาพบว่าระหว่างโม่เหยียนและเย่ซือเฉินนั้นมีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกันมากมาย
ดังนั้น เขาจึงสงสัยว่าเย่ซือเฉินก็คือโม่เหยียน
เขาได้ยินการสนทนาของแม่เขากับแม่ของถงถงก่อนหน้านี้ แม่บอกว่าพ่อผู้ให้กำเนิดของเขาและน้องสาวอาจจะเป็นโม่เหยียน
หากว่าเย่ซือเฉินก็คือโม่เหยียน ถ้าอย่างนั้นก็เป็นไปได้ว่าเย่ซือเฉินก็คือพ่อผู้ให้กำเนิดของพวกเขา
ที่เขากลับมาในครั้งนี้ก็เพื่อที่จะตรวจสอบเรื่องนี้ให้ละเอียด แต่เขาคาดไม่ถึงว่า เขาเพิ่งกลับมา ยังไม่ทันได้ตรวจสอบเขาก็ต้องมาล้มป่วยก่อน
เดิมทีเขาคิดว่าเรื่องนี้ไม่ต้องรีบร้อนมากเกินไป
แต่ว่า เขาคาดไม่ถึงว่าการเคลื่อนไหวของแม่จะรวดเร็วขนาดนี้ และเขาไม่คิดว่าแม่จะหย่าร้างกับเย่ซือเฉินไวขนาดนี้