ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่467 คุณชายสามเย่ไปพบญาติผู้ใหญ่ โดยวิธีแบบนี้ คงไม่มีใครแล้วล่ะ
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่467 คุณชายสามเย่ไปพบญาติผู้ใหญ่ โดยวิธีแบบนี้ คงไม่มีใครแล้วล่ะ
บทที่467 คุณชายสามเย่ไปพบญาติผู้ใหญ่ โดยวิธีแบบนี้ คงไม่มีใครแล้วล่ะ
ปกติเธอจะเป็นคนสงบสุขุม ไม่ตื่นตระหนกกับเรื่องใดๆ หากตกอยู่ไหนสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออํานวยต่อเธอ เธอจะยอมรับผิดต่อเขาอย่างเหมาะสม
แต่สถานการณ์ในตอนนี้……
เย่ซือเฉินตกตะลึงจริงๆในตอนนี้
จากที่พูด เป็นเรื่องปกติที่ผู้หญิงจะแสดงปฏิกิริยาเช่นนี้ แต่เขาแค่รู้สึกว่ามันผิดปกติที่มันเกิดขึ้นกับตัวเธอ ผิดจากปกติมาก
เวินลั่วฉิงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอที่งี่เง่าและไร้เหตุผล แต่ในเมื่อตอนนี้ได้เลือกเส้นทางนี้แล้ว งั้นก็ต้องกัดฟันเดินหน้าต่อไป
“เย่ซือเฉิน ทำไมคุณบอกให้แต่งงานก็ต้องแต่งด้วยล่ะ ครั้งที่แล้ว ที่เราพบกันครั้งแรกคุณก็บังคับให้ฉันไปที่สำนักกิจการพลเรือนเพื่อจดทะเบียนสมรส ครั้งนี้ยังทำแบบนี้อีก เย่ซือเฉิน มีบ้านไหนบ้างที่แต่งงานกันแบบนี้? การแต่งงานต้องมีกระบวนการ อย่างน้อยก็ต้องมีการมอบดอกไม้ให้กัน มีการไปออกเดท ไปดูหนัง จากนั้นรอจนกว่าทั้งสองจะรักกันมากพอแล้วค่อยขอแต่งงาน ใครเขาจะทำเหมือนคุณล่ะ เหมือนโจรเลย จับตัวคนอื่นมาจดทะเบียนสมรส?” ก่อนที่เขาจะได้สติ เวินลั่วฉิงก็กล่าวเป็นชุดอย่างรวดเร็ว แสดงความงี่เง่าไร้เหตุผลได้สมจริงมาก
เย่ซือเฉินตกตะลึงอยู่ตรงนั้น โดยไม่ตอบสนอง ไม่รู้ว่ากำลังรู้สึกกลัวกับท่าทีของเธอในตอนนี้อยู่หรือเปล่า?
“เย่ซือเฉิน คุณไม่เคยให้ดอกไม้ฉันเลย ไม่เคยดูหนังกับฉันเลยสักครั้ง ไม่เคยไปซื้อของกับฉัน แล้วฉันจะแต่งงานกับคุณทำไม? “ที่จริงเวินลั่วฉิงไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ แต่ในขณะนี้เธอเลือกทำเป็นเหมือนตนเป็นคนแบบนี้และจำเป็นต้องสนใจเรื่องแบบนี้ ดังนั้นเธอจึงต้องพูดแบบนี้
เย่ซือเฉินมองไปที่เธอ มุมของริมฝีปากยกขึ้นเล็กน้อย จากนั้นปิดประตูรถ แล้วขึ้นรถอีกครั้ง “ไปกันเถอะ”
“ไป? ไปไหน? ”ในครั้งนี้ เปลี่ยนเป็นเวินลั่วฉิงที่คนตะลึง ไปแบบนี้เลยหรอ?
ไม่ ไม่ใช่? นี่จะไปไหน?
“ไปซื้อดอกไม้ให้คุณ ไปดูหนังกับคุณ ไปเดินห้างซื้อของกับคุณ ”ส่วนโค้งของมุมริมฝีปากของเย่ซือเฉินเห็นได้ชัดมากขึ้น เมื่อกี้เธอโทษเขาที่ไม่ได้ทำแบบนี้ไม่ใช่หรือ?
นั้นเขาจะไปทำตอนนี้ ไปทำตอนนี้ยังไม่สาย
เวินลั่วฉิงมองไปที่เขา กะพริบตา แล้วก็กะพริบตาอีกครั้ง จากนั้นเริ่มแน่ใจว่าการกระทำของเธอเมื่อกี้นี้ได้ผลจริงๆ เขาจะไม่บังคับเธอไปจดทะเบียนสมรสแล้ว
แม่ง ที่แท้ การร้องไห้การโวยวายและการขู่ว่าจะฆ่าตัวตายนั่นเป็นวิธีที่ทรงพลังจริงๆ ถ้ารู้เคล็ดลับวิธีง่ายๆแบบนี้แต่แรก เธอจะเสียแรงกับการที่ไปรบกับเขาด้วยวิธีใช้สติปัญญาและความกล้าไปทำไมกัน
ไม่ว่ายังไง อย่างน้อยตอนนี้ก็ไม่ต้องไปจดทะเบียนสมรสแล้ว
ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้รับความอิสระ เธอไม่อยากจะถูกเขาพาวนกลับไปอีก และ เธอรู้สึกว่าครั้งนี้ ถ้าเธอไปจดทะเบียนสมรสกับเขา คงยากที่จะหย่ากัน
ในที่สุดเย่ซือเฉินก็เปลี่ยนใจ และเวินลั่วฉิงก็โล่งใจสักที
แต่ว่า จู่ๆเย่ซือเฉินก็บอกจะจดทะเบียนสมรส แล้วจู่ๆก็เปลี่ยนใจกะทันหัน ทำให้เวินลั่วฉิงสงสัยว่าจุดมุ่งหมายของเขาคือทำเพื่ออะไร
“เย่ซือเฉิน ทำไมคุณต้องจดทะเบียนสมรสกับฉัน? ”เวินลั่วฉิงคิด สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะถาม เพราะปัญหานี้รบกวนจิตใจเธอมาสองสามวันแล้ว ตั้งแต่ตอนอยู่ในโรงพยาบาลแล้วเย่ซือเฉินบอกว่าจะจดทะเบียนสมรสอีกครั้ง เธอก็เริ่มสับสน ไม่รู้ว่าเย่ซือเฉิน ต้องการทำอะไรกันแน่
เย่ซือเฉินได้ยินคำพูดเธอ ดวงตาเป็นประกายอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หันกลับมาทันที มองไปที่เธอ “หากผมบอกนั่นเพราะผมชอบคุณ คุณจะเชื่อไหม?”
“ไม่เชื่อ ”แทบจะไม่ลังเลเลย เวินลั่วฉิงตอบอย่างตรงไปตรงมา เขาชอบเธองั้นเหรอ มันจะเป็นไปได้ยังไง?
พวกเขาแต่งงานกันตามข้อตกลงตั้งแต่แรก บอกแล้วว่าจะไม่พูดเรื่องความรู้สึก ด้วยบุคลิกนิสัยที่เย็นชาและเย่อหยิ่งของเขาจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะชอบเธอ
เธอรู้สึกว่า อาจเป็นเพราะเธอหย่าร้างในขณะที่เขาไม่อยู่ ด้วยความเย่อหยิ่งของเขา เขาคงไม่ยอมรับสิ่งนี้หรอก ดังนั้นเขาจึงจงใจแก้แค้นเอาคืนเธอ
ตอนนี้เมื่อบวกเหตุการณ์นั้นเมื่อห้าปีที่แล้ว เขายิ่งทนไม่ได้ ดังนั้น……
ดวงตาของเย่ซือเฉินจมลงเล็กน้อย เม้มริมฝีปากเบาๆ ไม่พูดอะไรต่อ เขารู้ดีว่าเธอจะไม่เชื่อ
เขาพูดแล้ว เธอก็จะไม่เชื่อ
ในการแต่งงานนั้น เธอไม่เคยรักเขา จึงตัดสินว่าเขาก็จะไม่รักเธอ
ดังนั้น ตอนนี้มันยังไม่ใช่เวลาที่จะมาสารภาพรัก
แต่ ต่อจากนั้น เวินลั่วฉิงเสียใจในสิ่งที่ตัวเองพูดไป ทั้งวัน เย่ซือเฉินอยู่กับเธอตลอด ซื้อดอกไม้ให้เธอ ดูหนังกับเธอ แน่นอนว่าตอนได้เวลาทานอาหารเขาก็ไม่ลืมที่จะไปทานอาหารพร้อมเธอ
“เย่ซือเฉิน คุณยุ่งมากไม่ใช่เหรอ?”เวินลั่วฉิงไม่เข้าใจ คนแบบเขาควรจะยุ่งมากๆไม่ใช่เหรอ? ยุ่งจนไม่มีเวลากินข้าวไม่ใช่?
ทำไมเขาถึงว่างขนาดนี้?
เธอรู้สึกว่าตอนเธอแต่งงานกับเขาในตอนแรกๆ สภาพของเขาในตอนนั้นก็ค่อนข้างปกติ ค่อนข้างดีจะตายไป!
“ไม่ยุ่ง ไม่มีเรื่องอะไรสำคัญเท่าเธอ ”คำพูดนี้ เย่ซือเฉินมองตาเธออย่างจริงจัง
เวินลั่วฉิง“……”
ไม่มีเรื่องอะไรสำคัญเท่าเธอ? หมายความว่าอะไร?
หมายความว่าเธอสำคัญมากสำหรับเขา? หรือว่าเรื่องการชำระแค้นกับเธอในตอนนี้สำคัญมาก?
เวินลั่วฉิงคิดอย่างลับๆในใจ น่าจะเป็นอันด้านหลังมากกว่า?
พูดจริง วันนี้ทั้งวัน เธอรู้สึกว่าเธอไร้เรี่ยวแรงที่จะบ่นต่อแล้ว
เวินลั่วฉิงคิดว่า นี่ก็ทั้งวันแล้ว ดูเหมือนเขาจะไม่คิดที่จะยุติลงเลย
เธอรู้สึก เขาอาจจะทำต่อไปอีก ซื้อดอกไม้ให้เธอต่อ ดูหนังกับเธอต่อ พอหิวก็ไปกินข้าวกับเธอต่อ
เรื่องให้ดอกไม้แบบนี้ นาน ๆ ครั้งจะดูเซอร์ไพรส์ แต่คนแบบเขาในวันนี้ที่ให้ดอกไม้เธอไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแล้วนั้น มันกลายเป็นการหลอนแล้ว
และการดูหนังถือเป็นสิ่งที่โรแมนติกมาก แต่เขาพาเธอไปดูหนังทั้งวัน ชมภาพยนตร์ทั้งหมดที่ฉายในวันนี้ บางเรื่องดูแล้วสองรอบ เธอนั่งจนเจ็บเอว และปวดตาแล้ว
คุณชายสามเย่ คุณแน่ใจนะว่าคุณจีบผู้หญิงเป็น? มีความรักเป็นด้วยเหรอ?
“ที่จริง การให้ดอกไม้ ออกเดท ดูหนังเรื่องพวกนี้ ทุกอย่างนี้เป็นเรื่องที่คนเป็นแฟนกันเท่านั้นที่ทำกัน ” เมื่อเวินลั่วฉิงเห็นว่าเขากำลังจะไปซื้อตั๋วหนังต่อ ก็รีบดึงเขาไว้
“ ดังนั้น?” คุณชายสามเย่หยุดเดิน แล้วมองไปที่เธอ ดูจริงจังมาก
เวินลั่วฉิงเงิบ ตะลึงเล็กน้อย? คำพูดเธอเมื่อกี้ยังไม่ชัดเจนพอเหรอ?
เธอหมายความว่าพวกเขาไม่ใช่แฟนกัน ดังนั้นไม่ควรทำเช่นนั้น
เขาไม่เข้าจริง? หรือแกล้งไม่เข้าใจเนี่ย?
“ที่จริง ฉันรู้สึกว่า ความสัมพันธ์ของเรายังไม่สามารถถือได้ว่าเป็นแบบแฟนกัน?” เวินลั่วฉิงคิดว่า ในเมื่อเขาไม่เข้าใจ เธอก็ต้องพูดอีกรอบให้ชัดเจนกว่านี้
“นั้นคุณลองว่ามาสิว่าความสัมพันธ์ของเราในตอนนี้เราเป็นอะไรกัน? เย่ซือเฉินหยุดเดิน ยืนตัวตรง เห็นได้ชัดว่าเขาอยากคุยกับเธอเกี่ยวกับปัญหานี้อย่างจริงจัง
“……”เวินลั่วฉิงถึงกับพูดไม่ออก พูดความจริง ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาค่อนข้างซับซ้อน ซึ่งยากที่จะอธิบายออกมาได้ง่ายจริงๆ
อันที่จริงเธออยากจะบอกว่าตอนนี้พวกเขาไม่มีความสัมพันธ์อะไรเลย แต่ริมฝีปากขยับสั่น เธอก็ไม่กล้าที่จะพูดมันออกไป