ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่489 รับเด็กสองคนกลับบ้าน (2)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่489 รับเด็กสองคนกลับบ้าน (2)
บทที่489 รับเด็กสองคนกลับบ้าน (2)
เวินลั่วฉิงได้ยินเสียงของถังหลิน และเมื่อรู้สึกตัวเธอก็เก็บโทรศัพท์มือถือ แต่หางตาของถังหลินนั้นยังคงมองเห็นข้อความฉบับนั้นที่เย่ซือเฉินส่งมาด่าว่าเขา
“เจ้าเด็กนี่นับวันยิ่งคืบหน้าไปไกลแล้วนะ รู้จักพูดลับหลังคนอื่นในทางที่ไม่ดีแล้ว” มุมปากของถังหลินกระตุกเล็กน้อย เขาเป็นคนที่พยายามช่วยเย่ซือเฉินทุกวิถีทางเชียวนะ เมื่อครู่นี้เขายังตั้งใจคิดเรื่องงานกับฉิงฉิงเสียด้วยซ้ำ
ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาบอกเรื่องเหล่านั้นที่เย่ซือเฉินทำเพื่อฉิงฉิงเมื่อครู่นี้ ฉิงฉิงจะไม่ได้เป็นฝ่ายส่งข้อความหาเย่ซือเฉินเองแบบนี้อย่างแน่นอน
เขาช่วยเย่ซือเฉินขนาดนี้แล้ว แต่เย่ซือเฉินตอบแทนเขาแบบนี้อย่างนั้นหรือ?
ดีจริงๆ!!
“ไปเถอะค่ะ ฉันจัดการหมดแล้ว” เวินลั่วฉิงรีบเปลี่ยนประเด็นไปอย่างรวดเร็ว เธอทำอะไรเด็ดขาดมาโดยตลอด ในเมื่อรับปากถังหลินแล้ว ก็จะต้องพยายามจัดการให้อย่างรวดเร็ว
เวินลั่วฉิงไม่ได้ตอบข้อความเย่ซือเฉินกลับไปอีก
เย่ซือเฉินรออยู่สักพักหนึ่ง แอบถอนหายใจออกมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกผิดหวังอะไรมากนัก มุมปากยังคงมีรอยยิ้มปรากฏอยู่เช่นเคย
แต่เวลานี้ที่เขานิ่งลงแล้ว จู่ๆก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา
และเวลาต่อมา เย่ซือเฉินก็โทรออกหาเวินลั่วฉิง
เห็นสายโทรเข้าจากเย่ซือเฉินแล้ว เวินลั่วฉิงตะลึงไปเล็กน้อย เมื่อครู่นี้ไม่ใช่ว่าบอกไปชัดเจนแล้วหรือ?
แล้วทำไมจู่ๆถึงได้โทรมาหากัน?
มุมปากของถังหลินกลับยกขึ้นปรากฏรอยยิ้มที่แตกต่างไปจากเดิม
“ถังหลินหาคุณแล้ว” เมื่อรับสาย เสียงของเย่ซือเฉินก็ดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่เขาส่งข้อความสุดท้ายไปหาเธอ และเธอไม่ได้ตอบกลับ ดังนั้นเขาจึงนึกขึ้นมาได้ในทันทีว่าถังหลินอาจจะหาตัวเธอเจอแล้ว
“อืม” เวินลั่วฉิงตอบรับเบาๆ นึกถึงที่เขาเคยบอกเธอเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่าไม่ให้รับสายของถังหลิน ในใจก็รู้สึกผิดขึ้นมา
“เวินลั่วฉิง คุณนี่จริงๆเลยนะ” แล้วต่อมาน้ำเสียงของเย่ซือเฉินก็เพิ่มความรู้สึกโกรธขึ้นมา
เวินลั่วฉิงเม้มปาก ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“จำเอาไว้นะ รักษาระยะห่างกับถังหลินเอาไว้ด้วย ไม่ต้องพูดอะไรกับเขาเยอะ อย่าหลงกลเขา ผมจะบอกคุณให้ คนตระกูลถังน่ะเป็นพวกมีแผนการที่แยบยลมากเลยนะ” เย่ซือเฉินรู้ถึงสถานการณ์ในตอนนี้ของตระกูลถัง เมื่อครู่นี้ที่เวินลั่วฉิงพูดถึงคดี ถังหลินหาเวินลั่วฉิงก็คงเพื่อเรื่องคดีอย่างแน่นอน สถานการณ์ตอนนี้ของตระกูลถัง เขาคงจะไม่สามารถไปขัดขวางเวินลั่วฉิงได้ แต่เขารู้สึกว่าเขาจะต้องเตือนเธอเอาไว้เสียหน่อย
เวินลั่วฉิงรู้สึกงุนงงเล็กน้อย ดวงตาคู่นั้นกระพริบอย่างรวดเร็ว คำพูดของเย่ซือเฉิน?
เมื่อครู่นี้ที่คุณชายสามเย่พูดมานั้นหมายถึงตระกูลถังหรือหมายถึงเพียงแค่ถังหลินคนเพียงคนเดียวเท่านั้น
ตอนนี้พูดถึงคนตระกูลถังในทางที่ไม่ดี
แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอเองก็นับว่าเป็นคนของตระกูลถังด้วยเช่นกัน!
“คุณแน่ใจว่าคนของตระกูลถังเป็นพวกที่มีแผนการแยบยลอย่างนั้นหรือคะ?” เวินลั่วฉิงค่อยๆเอ่ยถามขึ้นมา
ถังหลินที่ยืนอยู่ข้างๆได้ยินคำพูดของเวินลั่วฉิงแล้ว เกือบจะหัวเราะออกมาแล้วเสียอย่างนั้น เย่ซือเฉินนี่จริงๆเลยสินะ
“แน่ใจสิ คนของตระกูลถังน่ะไม่มีสักคนที่จะไม่เรื่องเยอะ เพราะฉะนั้น คุณจำเอาไว้นะว่าจะต้องอยู่ให้ห่างจากถังหลินเอาไว้” คุณชายสามเย่ไม่รู้เรื่องราว ตอนนี้เขารู้เพียงแค่ว่าจะไม่ยอมให้ถังหลิงลักพาตัวภรรยาของเขาไปได้ เพราะฉะนั้น เมื่อมีเหตุผลนี้เขาก็พูดออกมาได้อย่างเต็มที่
“ได้ ฉันรู้แล้วล่ะ” เวินลั่วฉิงหัวเราะ แล้วรับปากไปอย่างสบายๆ ดูสบายมากไปเสียจนทำให้คุณชายสามเย่รู้สึกแปลกๆ
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เธอก็รับปากแล้ว คุณชายสามเย่ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาแล้วเช่นกัน แน่นอนว่าคุณชายสามเย่เองก็คิดเอาไว้แล้วว่าคดีครั้งนี้เป็นของถังหยุนเฉิง ดังนั้นเธอก็คงไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับถังหลินมากเท่าไหร่นัก
“เขาบอกว่า คนของตระกูลถังพวกเราเป็นพวกมีแผนการแยบยลอย่างนั้นหรือ?” เวินลั่วฉิงวางสายไปแล้ว ถังหลินมองมาที่เธอ ด้วยใบหน้าที่มีกำลังยิ้มอยู่
“อืม ยังบอกว่าคนของตระกูลถังเราไม่มีสักคนที่จะไม่เรื่องเยอะด้วย” เวินลั่วฉิงเบะปากเล็กน้อย แล้วค่อยๆพูดเสริมขึ้นมา
“เขานี่ช่างกล้าพูดจริงๆเลยนะ” ใบหน้าของถังหลินนั้นกำลังหัวเราะอยู่อย่างเห็นได้ชัด : “ไม่รู้ว่าหลังจากที่เขารู้ความจริงแล้ว จะยังกล้าพูดแบบนี้อีกหรือเปล่า?”
ถ้าหากเย่ซือเฉินรู้ว่าเวินลั่วฉิงเองก็เป็นคนของตระกูลถัง แล้วยังกล้าพูดแบบนี้ออกมาอีก เขาคงนับถือเย่ซือเฉินเลยจริงๆ
เวินลั่วฉิงหัวเราะโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ใช่แล้ว ยังมีอีกเรื่องนึง” ถังหลินมองไปยังเวินลั่วฉิง รอยยิ้มบนใบหน้านั้นค่อยๆหายไป สีหน้าท่าทางดูจริงจังขึ้นมา
“ยังมีเรื่องอะไรอีกคะ?” เวินลั่วฉิงมองเขาเป็นเช่นนี้แล้ว สีหน้าท่าทางของเธอเองก็กลับมาจริงจังเช่นเคย
“ฉันอยากจะรับเด็กสองคนกลับมา” ตอนที่ถังหลิงเอ่ยพูดมานั้น น้ำเสียงดูมีความหยั่งเชิง
เขาอยากจะรับเด็กสองคนนั้นกลับมาจริงๆ แต่เขากลัวว่าเวินลั่วฉิงจะไม่ยอม
ความจริงแล้ว เมื่อครู่นี้ที่เขาทำให้เวินลั่วฉิงได้รู้สิ่งที่ถังไป๋เชียนทำทั้งหมดนั้น นี่ก็นับว่าเป็นสาเหตุหนึ่งเช่นกัน
เวินลั่วฉิงตะลึงไปเล็กน้อย สีหน้าท่าทางนั้นเปลี่ยนไปมาก เอาเด็กสองคนกลับมาอย่างนั้นหรือ?
เรื่องลูก เธอปิดบังมาโดยตลอด ก็เพราะไม่อยากจะให้ลูกทั้งสองคนต้องถูกทำร้าย
ตอนนี้รับกลับมา จะได้หรือเปล่ากัน?
แล้วยังมีเย่ซือเฉินอีก……
“เธอวางใจได้ มีตระกูลถังอยู่ จะไม่ยอมให้เด็กสองคนต้องได้รับการถูกทำร้ายใดๆทั้งสิ้น ฉันกลัวว่าถ้าเสียเวลาต่อไป ถังไป๋เชียนจะกักตัวเด็กสองคนนี้ไม่ยอมปล่อย” คำพูดนี้ของถังหลินไม่ได้เป็นการสร้างความตกใจให้ เพราะสไตล์อย่างถังไป๋เชียนนั้นมีความเป็นไปได้อยู่จริงๆที่จะกักตัวเด็กสองคนเอาไว้ได้ เพื่อขู่เวินลั่วฉิง
ได้ยินคำพูดของถังหลิงแล้ว ใบหน้าของเวินลั่วฉิงก็มีความซับซ้อนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เธอรู้ว่ารุ่นพี่จะไม่ทำร้ายเด็กสองคน แต่ที่ถังหลินพูดออกมาก็มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น
แต่ ถ้าหากรับเด็กสองคนกลับมา ในไม่ช้าหรือเร็วนี้เย่ซือเฉินก็ต้องรู้อยู่ดี
“เธอกลัวว่ารับกลับมาแล้วเย่ซือเฉินจะรู้เข้าใช่ไหม?” ถังหลินมองเธอ แล้วค่อยๆพูดเสริมขึ้นมา
“จริงแล้วในใจเธอเองก็น่าจะเข้าใจอยู่แล้ว ว่าเย่ซือเฉินคงจะไม่ยอมปล่อยให้เธอจากไปไหนอย่างเด็ดขาด เพราะฉะนั้นเรื่องเด็กสองคนนั้นจะปิดบังเขาไปตลอดไม่ได้หรอก นอกเสียจากเธอจะไม่ไปเจอหน้าเด็กสองคนนั่นอีกตลอดชีวิต” เวลานี้นับว่าถังหลินได้วิเคราะห์เรื่องราวอย่างเป็นรูปธรรม
เย่ซือเฉินไม่ยอมปล่อยเวินลั่วฉิงไป ถ้าหากเวินลั่วฉิงไปเจอหน้ากันกับเด็กสองคน ไม่ช้าก็เร็วก็จะต้องถูกเย่ซือเฉินจับได้อยู่แล้ว
ร่างของเวินลั่วฉิงสั่นเทาเล็กน้อย เธอยอมรับว่าสิ่งที่ถังหลินพูดมานั้นเป็นความจริง
“รับมาที่ตระกูลถังอย่างนั้นหรือคะ?” เวินลั่วฉิงแอบถอนหายใจ แล้วจู่ๆก็เอ่ยถามขึ้นมาหนึ่งประโยค ความหมายนั้นจะเป็นการรับปากถังหลินที่จะให้เขาไปรับตัวเด็กสองคนกลับมา
“ถ้าหากเธอยอม ฉันก็จะรับกลับมาที่ตระกูลถังเลย แต่ถ้าหากเธอไม่ยอม ฉันก็จะจัดหาที่พักสำหรับเด็กสองคนเป็นที่อื่นก่อน” เห็นได้ชัดว่าถังหลินรู้สึกโล่งใจขึ้นมา ใบหน้าของเขานั้นปรากฏความดีใจออกมาอย่างชัดเจน
“เรื่องของฉันท่านปู่ถังพวกเขาคงจะยังไม่รู้ใช่ไหมคะ? คุณเอาเด็กสองคนกลับไปที่ตระกูลถังแบบนี้จะทำให้พวกเขาตกใจกันหรือเปล่า?” เวินลั่วฉิงนึกถึงสถานการณ์ที่ดูเป็นกรณีพิเศษของเด็กทั้งสองคนแล้ว หากรับกลับไปแบบนี้ ก็คงจะอธิบายได้ยากอยู่เหมือนกัน
“ไม่ทำให้พวกเขาตกใจหรอก กลัวว่าจะดีใจกันด้วยซ้ำน่ะสิ คงตื่นเต้นกันมาก แน่นอนว่าจะต้องให้เธอกลับไปที่ตระกูลถังก่อน รอไขคดีเสร็จแล้วกัน แล้วตระกูลถังก็จะเปิดเผยสถานะของเธออย่างเป็นทางการ หลังจากนั้นก็ค่อยรับเด็กสองคนนั้นกลับมาตระกูลถัง” เห็นได้ชัดว่าถังหลินนั้นได้คิดเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว