ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่490 รับเด็กสองคนกลับบ้าน (3)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่490 รับเด็กสองคนกลับบ้าน (3)
บทที่490 รับเด็กสองคนกลับบ้าน (3)
เวินลั่วฉิงเม้มปากเบาๆ ครั้งนี้ไม่ได้เอ่ยพูดอะไรขึ้นมาอีก ถือว่าเป็นการยอมรับแล้ว
แต่ส่วนเย่ซือเฉินทางนั้น ในใจของเธอก็ยังรู้สึกกังวลอยู่เช่นกัน
เธอไม่รู้เลยจริงๆว่าถ้าเย่ซือเฉินรู้เรื่องเด็กสองคนนั้นแล้วเขาจะทำอย่างไร!
“ในเมื่อเธอยินยอมแล้ว ฉันจะส่งเธอไปอยู่กับพ่อของฉันทางนั้น แล้วฉันก็จะไปจัดการเรื่องนี้” เวลานี้ถังหลินรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เขาอยากจะเห็นเด็กสองคนนั้นเร็วๆแล้ว แต่ถังหลินเองก็รู้ว่ามีถังไป๋เชียนอยู่ด้วย อยากจะรับเด็กสองคนกลับมาเกรงว่าคงจะไม่ราบรื่นขนาดนั้น
“สถานะตัวตนของฉันขอให้ช่วยปิดเอาไว้ก่อนนะคะ รวมทั้งคุณพ่อของคุณด้วย แบบนี้จะได้ไม่ส่งผลกระทบต่อเรื่องคดี” เวินลั่วฉิงรู้ว่าถ้าหากเธอเปิดเผยตัวตนของตัวเองออกมาในตอนนี้ อาจจะเป็นเพราะความรู้สึกอื่นๆที่มาปะปนทำให้ส่งผลกระทบต่อคดีได้
อีกทั้งตอนนี้ยิ่งจะให้คนของตระกูลกู้รู้ถึงสถานะตัวตนของเธอไม่ได้ มิเช่นนั้นแล้วตระกูลกู้จะต้องมุ่งเป้าหมายมาที่เธออย่างแน่นอน
“โอเค ฉันเข้าใจความหมายของเธอ เดิมทีฉันคิดว่าจะรอหลังจากไขคดีแล้วค่อยเปิดเผยสถานะตัวตนของเธอ ถึงตอนนั้นค่อยเซอร์ไพรส์พวกเขาก็นับว่าไม่เลวเหมือนกันนะ” ถังหลินเข้าใจความหมายของเธอ ดังนั้นจึงรับปากออกมาอย่างสบายๆ
“เรื่องที่ฉันจะไปไขคดี ในช่วงแรกเริ่มก็ปิดบังตระกูลกู้เอาไว้ก่อนจะดีที่สุดนะคะ” ดวงตาของเวินลั่วฉิงหรี่ลงเล็กน้อย คดีนี้ยาก ทางตระกูลกู้ทางฝ่ายนั้นก็รับมือยากยิ่งเข้าไปอีก
ดังนั้น ตัวตนที่เธอเป็นคนของตระกูลถังจะให้ตระกูลกู้รู้ไม่ได้ และฐานะที่เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยาด้านอาชญากรรมก็จะให้คนตระกูลกู้รู้ไม่ได้ด้วยเช่นกัน
“ได้ ฉันจะจัดการให้ดี” ถังหลินพยักหน้ารับ เธอคิดได้อย่างรอบคอบเสียจริงๆ
ถังหลินพาเธอมาส่งยังที่พ่อแม่ของเขาพักอยู่
ถังหลินจอดรถเอาไว้ตรงด้านในลานเล็กๆนั่น แล้วช่วยเวินลั่วฉิงเปิดประตูรถเอง หลังจากนั้นจึงพาเวินลั่วฉิงเข้าไปในบ้าน
ลานเล็กๆที่นี่รวมกันอยู่ด้วยกันและกำแพงก็ไม่ได้สูง ดังนั้นตอนที่ถังหลินพาเวินลั่วฉิงกลับมานั้น หลายๆคนจึงมองเห็น
เวลานี้ใบหน้าของเวินลั่วฉิงนั้นยังคงปลอมตัวเหมือนปกติ ดังนั้นเห็นแล้วก็ยังคงดูขี้เหร่มากเช่นเดิม เพียงแต่ตอนนี้ผู้คนที่อยู่ไกลๆจึงยังเห็นไม่ชัดเจนเท่านั้นเอง
ทุกคนต่างก็พากันเดา ว่าถังหลินพาแฟนมาพบพ่อแม่อย่างนั้นหรือเปล่า?
แน่นอนว่าคนของตระกูลกู้เองก็เห็นแล้ว แต่เรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้คิดอะไรมาก
ถังหลินบอกกับถังหยุนเฉิงว่าเวินลั่วฉิงมาช่วยไขคดี ส่วนเรื่องอื่นๆก็ไม่ได้พูดออกมา
เนื่องจากว่าเวินลั่วฉิงเคยไปที่ตระกูลกู้มาก่อน คนของตระกูลกู้บางคนเคยเห็นเวินลั่วฉิง แล้วก็รู้ชื่อของเวินลั่วฉิงด้วยเช่นกัน ดังนั้นครั้งนี้แม้แต่ชื่อเวินลั่วฉิงก็เปลี่ยนเป็นใช้ชื่อแม่ของเธอ –ถังฉิ้นเอ๋อ
จริงๆแล้วตอนนั้นชื่อของแม่ตอนที่อยู่ตระกูลถังนั้นคือถังหยุนชิง ตอนที่แม่ฟื้นขึ้นมา มีเรื่องมากมายที่แม่จำไม่ได้ จำได้เพียงแค่ว่าตัวเองแซ่ถัง จำได้เลือนรางว่ามีตัวอักษรฉิ้นอยู่ด้วย ดังนั้นจึงใช้ชื่อว่าถังฉิ้นเอ๋อมาโดยตลอด
ดังนั้น ตอนที่ถังหยุนเฉิงได้ยินชื่อถังฉิ้นเอ๋อ จึงไม่ได้คิดอะไรมาก
ตอนที่ถังหยุนเฉิงมองไปยังเวินลั่วฉิง ก็รู้สึกตกตะลึง ทำไมเด็กนี่ถึงได้ดูเด็กขนาดนี้กัน?
แต่ถังหยุนเฉิงก็เข้าใจเรื่องหลักการที่ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน จึงไม่ได้สงสัยในความสามารถของเวินลั่วฉิง
คุณนายถังเฟิ่งเหมียวเหมียวเห็นเวินลั่วฉิง กลับดูกระตือรือร้นเป็นพิเศษ : “เด็กคนนี้ดูก็รู้แล้วว่าเป็นเด็กดี ใครเห็นก็ต้องชอบ”
เวินลั่วฉิงมองออก ว่าคุณนายถังพูดออกมานั้นดูจริงใจมาก ไม่ได้ดูมีความจอมปลอมเลยแม้แต่นิดเดียว และไม่ใช่เป็นเพราะเธอมาช่วยไขคดีของถังหยุนเฉิงถึงได้ทำดีกับเธอเป็นพิเศษแบบนี้
“เด็กดี?” ถังหลินมองไปยังเวินลั่วฉิงแวบหนึ่ง ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มออกมาอย่างชัดเจน ข้อมูลที่เขาสืบมานั้นบอกว่าเวินลั่วฉิงดื้อกว่าเด็กผู้ชายเสียอีก ไม่ได้เป็นเด็กดีอะไรนั่นจริงๆเสียหน่อย
เฟิ่งเหมียวเหมียวเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าที่ถังหลินมองไปยังเวินลั่วฉิงแล้วเธอก็รู้สึกตกตะลึง จากนั้นตอนที่มองไปยังเวินลั่วฉิงอีกครั้งนั้น ก็ยิ่งดูมีความกระตือรือร้นมากขึ้นไปอีก
เมื่อก่อนลูกชายของเธอไม่เคยยิ้มกับผู้หญิงมาก่อนเลย นี่เป็นครั้งแรก
“พ่อครับ พ่อเอาข้อมูลทั้งหมดของคดีให้กับฉิ้นเอ๋อ ให้เธอได้ทำความเข้าใจก่อน” ถังหลินไม่ได้สังเกตเห็นถึงความผิดปกตของแม่ตัวเองเลย ตอนนี้ความคิดของเขานั้นอยู่ที่คดีหมดแล้ว
“ได้สิ แต่ว่าข้อมูลค่อนข้างเยอะ ถ้าจะดูให้จบนั้นน่าจะต้องใช้เวลาถึงสองสามวันอยู่นะ ถ้าไม่อย่างนั้นพ่อจะบอกตรงจุดสำคัญกับเธอก่อน”
ตอนนี้เวลาค่อนข้างจะเร่งด่วน ถังหยุนเฉิงรู้สึกว่าเวลาที่เหลืออีกสองสามวัน เธอจะดูข้อมูลก็คงดูไม่จบ คงไม่ต้องทำเรื่องอื่นเลยเสียด้วยซ้ำ
“พ่อครับ ประเด็นสำคัญที่พ่อเห็น อาจจะไม่ใช่ที่เธอต้องการก็ได้ เพราะฉะนั้นพ่อเอาข้อมูลให้เธอไปก็พอแล้ว ส่วนเรื่องอื่นพ่อไม่ต้องสนใจหรอก” ถังหลินเข้าใจความหมายของพ่อ แต่ถ้าหากทำตามที่พ่อบอก เกรงว่าจะมีตกหล่นไป
อีกทั้งประเด็นสำคัญที่พ่อคิดว่าสำคัญ สำหรับเวินลั่วฉิงแล้วอาจจะใช้ประโยชน์ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ความจริงแล้วคดีนี้เอามาให้พ่อ เดิมทีก็เป็นการบังคับเกินไปอยู่แล้ว พ่อเป็นคนเก่ง แต่ไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องการไขคดี เพียงเพราะคนของตระกูลกู้นั้นรังแกคนอื่นมากเกินไป
“ก็ได้” ถังหยุนเฉิงแอบถอนหายใจออกมา ถึงอย่างไรเขาเองก็ไม่ได้ตั้งความหวังเอาไว้สูง เวลานี้สิ่งที่กอดเอาไว้เป็นเพียงความคิดที่ว่าเป็นการพยายามทำอะไรที่มันเกินความสามารถของตัวเองเพียงเท่านั้น
เวินลั่วฉิงที่นั่งอยู่ตลอดนั้นไม่ได้ส่งเสียงออกมา ถังหยุนเฉิงมองเธอแวบหนึ่ง สีหน้าท่าทางดูซับซ้อนอยู่บ้าง แต่กลับไม่ได้เอ่ยพูดอะไรออกมามากนัก
หลังจากนั้นถังหลินก็กลับออกไป เนื่องจากว่าเขาต้องการจะรีบไปรับเด็กสองคนนั้นกลับมา
แต่ถังหลินกลับไปที่บ้านเก่าก่อน
“ถังหลิน กลับมาแล้วหรือ?” ท่านย่าถังเห็นถังหลิน ใบหน้าก็ปรากฏความดีใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด : “ย่าให้คุณป้าหลิวจัดอาหารกลางวันไว้แล้ว ทำอาหารที่หลานชอบที่สุดเอาไว้ด้วย…….”
“คุณย่าครับ ไม่ต้องหรอกครับ ผมแค่กลับมาเอาของนิดหน่อยเอง เดี๋ยวก็จะไปแล้วครับ” เพียงแต่ถังหลินกลับรีบตัดบทท่านย่าถังไปเสียอย่างนั้น
รอยยิ้มบนใบหน้าของท่านย่าถังหายวับไปทันที : “หาโอกาสยากที่จะได้กลับมาครั้งนึง ข้าวก็ยังไม่ทันได้กิน ก็ต้องรีบออกไปกันอีกแล้ว ยุ่งขนาดนั้นเลยอย่างนั้นรึ?”
“หลานงานยุ่ง บางครั้งก็ทำตามใจตัวเองไม่ได้หรอกนะ คุณก็อย่าพร่ำถึงหลานนักเลย” ท่านปู่ถังเองก็รู้ว่าท่านย่าถังนั้นคิดถึงหลาน แต่สถานะของถังหลินนั้นบางครั้งที่มีเรื่องราวมากมายมันก็อดที่จะต้องทำเองไม่ได้จริงๆ
“ไม่ให้ฉันพร่ำถึงหลาน ถ้าอย่างนั้นจะให้ฉันพร่ำถึงคุณรึไง?” ท่านย่าถังหันกลับมา แล้วถลึงตาใส่ท่านปู่ถัง ถังหลินหัวเราะ แล้วจะเดินขึ้นไปยังด้านบนต่อ
“อา ไม่รู้ว่าฉิงฉิงนั่นจะเป็นอย่างไรบ้าง? ฉันล่ะคิดถึงเด็กนั่นจริงๆ” เสียงบ่นพร่ำของท่านย่าถังก็ดังขึ้นไล่หลังเขา
ถังหลินหยุดชะงักลง แล้วรีบหันกลับมามองยังท่านย่าถัง : “เมื่อกี้คุณย่าพูดถึงใครนะครับ?”
เมื่อครู่นี้เขาไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม? คุณย่าบอกว่าคิดถึงฉิงฉิงอย่างนั้นหรือ?
คุณย่ารู้จักฉิงฉิง? ฉิงฉิงที่คุณย่าพูดถึงนั้นคือเวินลั่วฉิงใช่ไหม?
เรื่องที่ฉิงฉิงเป็นคนของตระกูลถัง ตอนนี้มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ เป็นไปไม่ได้ที่คุณย่าจะรู้
“ย่าหมายถึงฉิงฉิง เวินลั่วฉิง ใช่สิ ฉิงฉิงบอกว่ารู้จักหลานด้วยนี่ ตอนแรกย่าจะลากเธอกลับมาให้มาเป็นภรรยาของหลานด้วยซ้ำ แต่เธอบอกว่าหลานไม่แต่งงานกับเธอหรอก……” ท่านย่าถังเห็นว่าถังหลินเอ่ยถาม จึงตอบกลับมาโดยไม่ได้คิดอะไรมาก
“ฉิงฉิงดีขนาดนั้น ทำไมหลานไม่แต่งงานกับเธอล่ะ หลานเองก็ไม่ใช่อายุน้อยๆแล้วนะ ถ้าไม่อย่างนั้นย่าเอาเธอ……” ดวงตาคู่นั้นของท่านย่าถังมองมายังถังหลิน โดยพูดประโยคนี้ออกมาอย่างจริงจัง