ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่734 ศัตรูหัวใจของคุณชายสามเย่
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่734 ศัตรูหัวใจของคุณชายสามเย่
บทที่734 ศัตรูหัวใจของคุณชายสามเย่
“จำเอาไว้ หากมีครั้งหน้าผมไม่ปล่อยคุณไปแน่ ……”โชคยังดีที่ คุณชายสามเย่ก็ไม่ได้ทำอะไรเธอมากไปกว่านี้ เพียงแค่พูดตักเตือนให้พอเป็นพิธีก็เท่านั้น
“ไม่มีอีกแล้ว ไม่มีอีกแล้วแน่นอนค่ะ ฉันสัญญา” เวินลั่วฉิงรีบตอบรับออกไปทันที เธอคิดว่า เหตุการณ์เมื่อครู่ของคุณชายสามเย่คงจะไม่มีทางได้เกิดขึ้นอีกเป็นแน่เช่นกัน
อนาคตข้างหน้าหากว่าเธอคิดจะรังเกียจเขาขึ้นมาอีกคงไม่มีโอกาสนั้น เพราะเธอจะไม่มีวันปล่อยให้เขาเข้าครัวไปอีกเป็นอันขาด !
คุณชายสามเย่จึงได้ปล่อยตัวเธอ
หลังจากกินข้าวเสร็จ เวินลั่วฉิงต้องการที่จะไปเยี่ยมคุณปู่เวินเย่ซือเฉินเลยไปส่งเธอที่โรงพยาบาล แต่คราวนี้เย่ซือเฉินเองไม่ได้ตามเข้าไปด้วย
หลังจากที่แยกกับเย่ซือเฉินแล้ว เวินลั่วฉิงก็เดินเข้ามายังโรงพยาบาล ใบหน้าของเธอดูเคร่งขรึมขึ้นมาเล็กน้อย
เย่โป๋เหวินบอกว่าเวินจือฝางไม่ใช่พ่อของเธอ และผลการตรวจก็ออกมาแล้วว่าเย่โป๋เหวินเองก็ไม่ใช่พ่อของเธอเช่นกัน สรุปแล้วพ่อของเธอเป็นใครกันแน่ ?
จะเป็นไปได้ไหมว่าผลการตรวจดีเอ็นเอของแม่เธอจะผิดพลาด เพราะเทคโนโลยีเมื่อ25ปีก่อน ไม่ได้ทันสมัยเท่าปัจจุบัน
เมื่อตอนที่เธอกลับไปยังตระกูลเวิน เย่โป๋เหวินได้เปลี่ยนเลือดของเธอเป็นของเวินหรวนหรวน
เวินลั่วฉิงจึงตัดสินใจที่จะตรวจมันอีกครั้ง
เวินลั่วฉิงเดินไปยังห้องผู้ป่วย เพื่อแวะดูอาการของคุณปู่เวิน คุณปู่เวินยังไม่ฟื้นตอนนี้ แต่อาการก็ไม่ได้มีอะไรที่น่าเป็นห่วงแล้ว จากภาพโดยรวม อาการก็ค่อนข้างที่จะคงที่
ในหลายวันนี้ที่โรงพยาบาลได้ทำการตรวจเช็คสภาพร่างกายของคุณปู่เวิน ช่วงเช้าทำการเจาะเลือด เวินลั่วฉิงขอตัวอย่างเลือดกับนางพยาบาล จากนั้นก็ออกจากโรงพยาบาลไป
เวินลั่วฉิงได้นำตัวอย่างเลือดนี้ไปให้กับถังหลิน เพื่อให้ถังหลินช่วยตรวจสอบมันอีกครั้ง
“ฉิงฉิง มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ถังหลินจ้องมองไปที่เธอ ด้วยความสงสัย เธอขอผลตรวจดีเอ็นเอของเย่โป๋เหวิน แล้วยังเอาเลือดใครไม่รู้มาให้ตรวจสอบอีก มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?
“ก่อนหน้าที่ฉันขอผลตรวจดีเอ็นเอของเย่โป๋เหวิน เพราะเย่โป๋เหวินมาหาฉัน แล้วบอกว่าเวินจือฝางไม่ใช่พ่อของฉัน เขาบอกฉันว่า เขาอาจจะเป็นพ่อที่แท้จริงของฉัน……”ครั้งนี้เวินลั่วฉิงไม่คิดจะปิดบังอะไรถังหลินอีก ขอแค่เธอไม่ใช่ลูกสาวของเย่โป๋เหวิน เรื่องอื่นก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปิดบังเขาอีก
“อะไรนะ ? เธอพูดอะไรนะ ? เย่โป๋เหวินบอกว่าเธอคือลูกสาวของเขา ? เขาบ้าไปแล้วรึไง ? เธอกับเย่ซือเฉินแต่งงานกันแล้ว แล้วยังมีลูกด้วยกันถึงสองคน เขาพูดจาเหลวไหลแล้ว ”ถังหลินคนที่ใจเย็นมาตลอด เมื่อได้ยินสิ่งที่เวินลั่วฉิงพูดก็ตื่นตกใจ อดที่จะโพล่งออกมาเสียงดังไม่ได้
เวินลั่วฉิงที่เห็นปฏิกิริยาของถังหลิง และคิดไปถึงอากัปกิริยาก่อนหน้านี้ของเย่โป๋เหวิน แอบนึกหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ เย่โป๋เหวินที่เอาแต่คิดถึงแต่ตัวเอง เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องระหว่างเธอกับเย่ซือเฉินเลย
แต่เป็นถังหลินเองที่คิดถึงความรู้สึกของเธอกับเย่ซือเฉินก่อน
“ผลปรากฏแล้ว เขาพูดจาเหลวไหลจริงๆ นี่เป็นตัวอย่างเลือดของคุณปู่เวิน พี่ช่วยตรวจให้ฉันหน่อย ฉันคิดว่าแม่อาจจะได้รับผลตรวจที่ผิดพลาด” เวินลั่วฉิงคาดหวังให้ผลตรวจก่อนหน้านั้นของแม่เธอผิดพลาดเธอหวังให้เวินจือฝางเป็นพ่อของเธอจริงๆ
“ได้”ถังหลินไม่ได้ถามอะไรมากไปกว่านั้น เรื่องบางเรื่องก็กลัวว่าเวินลั่วฉิงเองจะยังไม่รู้
เวลานี้เวินลั่วฉิงกลับมาถึงบ้านตระกูลถังแล้วเด็กน้อยทั้งสองคนกำลังเล่นกันอยู่ที่ห้องโถงภายในบ้าน
น้อยครั้งนักที่ถังจื่อโม่จะเล่นเกมที่ไร้สาระแบบนี้ในบริเวณห้องโถง แต่วันนี้ เขาเล่นเป็นเพื่อนน้องสาวในห้องโถงนี้เป็นเวลามาหลายชั่วโมงแล้ว
เมื่อเห็นเวินลั่วฉิงเดินเข้ามาในบริเวณห้องโถง ถังจื่อโม่ก็เงยหน้าขึ้น แล้วจ้องมองไปที่หญิงสาว ภาพที่ปรากฏนั้นเห็นได้ชัดว่า เด็กน้อยกำลังรอเวินลั่วฉิงอยู่
“แม่ค่ะ แม่กลับมาแล้ว ”ถังจื่อซีที่เห็นเวินลั่วฉิง ก็วิ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว:“ตลอดทั้งคืนเมื่อวานแม่ไม่ได้กลับมา พ่อไม่ให้แม่กลับมาเหรอคะ?”
การแสดงออกของถังจื่อซีช่างไร้เดียงสานัก แต่เวินลั่วฉิงเองกลับรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
ใบหน้าของเวินลั่วฉิงร้อนขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อวานเธอมีอาการคลุ้มคลั่งไปบ้าง สิ่งที่เด็กน้อยพูดคำว่าทั้งคืนนั้นมีความนัยแอบแฝง ระยะเวลาที่เธอหายออกไปจากบ้านรวมๆกันก็เกือบจะหนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืนเต็มๆ
ถังจื่อโม่เพียงมองไปยังเวินลั่วฉิง ไม่ได้พูดอะไร เห็นได้ชัดว่าถังจื่อโม่เองก็ค่อนข้างที่จะไม่พอใจอยู่พอสมควร
“ฉิงฉิงคุณหยวน โทรหาหนูรึยัง ? ” เมื่อเฟิ่งเหมียวเหมียวเห็นเวินลั่วฉิงกลับมาแล้ว ใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้ม และเอ่ยพูดถามไปอย่างจริงจัง
“หืม?”เวินลั่วฉิงอึ้งไป :“คุณหยวนไหนคะ?”
เธอจำไม่ได้ว่าเธอรู้จักกับคุณหยวนอะไรนี้ด้วยเหรอ
“หยวนจวินหยิง ”เมื่อเฟิ่งเหมียวเหมียวเห็นอาการของเวินลั่วฉิง มุมปากก็กระตุกขึ้นมาทันที
เวินลั่วฉิงขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย:“เขาจะโทรหาหนูทำไมคะ?”
เธอกับหยวนจวินหยิงเจอกันเพียงครั้งเดียวในงานเลี้ยงที่บ้านตระกูลถัง หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่เคยได้เจอกันอีกเลย แล้วทำไมเขาถึงต้องโทรหาเธอด้วย
และพวกเขาก็ไม่เคยแลกเบอร์กันไว้
มุมปากของเฟิ่งเหมียวเหมียวกระตุกขึ้นมาอีกครั้ง แล้วมันจะเป็นเพราะอะไรไปได้ ? หยวนจวินหยิงคิดอะไรอยู่ก็พอจะเดาออก ?
ในงานเลี้ยงคืนนั้นก็เห็นได้ชัด เพียงแต่ ได้ยินมาว่าหยวนจวินหยิงมีธุระต้องบินไปต่างประเทศ และเพิ่งจะบินกลับมาวันนี้
หลังจากนั้น หยวนจวินหยิงที่เพิ่งจะกลับมาได้ก็โทรมาที่บ้านถัง อืม ช่างรวดเร็วดีจริงๆ แต่ยังไงเสีย มันก็ประจวบเหมาะกับที่เวินลั่วฉิงไม่อยู่บ้านพอดี
สายที่โทรเข้ามาเฟิ่งเหมียวเหมียวเป็นคนรับ เหตุผลที่หยวนจุนหลินโทรหาเวินลั่วฉิงนั้นถือว่าพอฟังขึ้นอยู่บ้าง บอกว่ามีคดีที่ต้องการให้เวินลั่วฉิงช่วย แน่นอนว่าเฟิ่งเหมียวเหมียวรู้ดี คดีอะไรนั้นเป็นเพียงข้ออ้าง เฟิ่งเหมียวเหมียวให้เขาโทรหาเวินลั่วฉิงโดยตรง
“เห็นว่ามีคดีอะไรสักอย่างอยากจะขอความช่วยเหลือ” เฟิ่งเหมียวเหมียวรู้ดีว่ามันเป็นเพียงข้ออ้างของหยวนจุนหลิน แต่เวินลั่วฉิงเอ่ยถามขึ้นมา เธอก็ทำได้เพียงตอบไปตามนั้น
คิ้วของเวินลั่วฉิงขมวดเข้าหากันเล็กน้อย หยวนจุนหลินมีคดีอะไรที่จำเป็นต้องมาหาเธอกัน ?
บอกตามตรง เมื่อคืนเธอไม่ได้นอนมาทั้งคืน และช่วงนี้ก็มีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้นมากมาย เพราะฉะนั้นเธอจึงไม่เก็บเรื่องราวต่างๆเหล่านี้มาคิดให้ปวดหัว และเธอเองก็ไม่คิดที่จะโทรกลับไปหาหยวนจุนหลินแต่อย่างใด
เวินลั่วฉิงเพียงแค่ตอบรับไปส่งๆเท่านั้น และตั้งใจจะเดินขึ้นไปบนห้องพัก เธอรู้สึกเวลานี้เธออยากที่จะพักผ่อนเท่านั้น
เพียงแต่ว่า ยังไม่ทันที่เธอจะเดินไปถึงบริเวณบันได มือถือของเธอก็ดังขึ้นมา
เฟิ่งเหมียวเหมียวคิดว่าคงเป็นสายจากหยวนจุนหลินที่โทรเข้ามามุมปากก็ยกขึ้นมาทันที
“ค่ะพี่ มีเรื่องอะไรคะ?ผลตรวจคงไม่ออกมาเร็วขนาดนั้นหรอกมั้งคะ?”เวินลั่วฉิงรับสาย น้ำเสียงประหลาดใจอยู่เล็กน้อย
เธอเพิ่งจะส่งตัวอย่างเลือดของคุณปู่เวินไปให้ และผลการตรวจคงไม่ออกมาเร็วขนาดนี้เป็นแน่
“เมื่อกี้หยวนจุนหลินโทรหาพี่ บอกว่ามีคดีที่อยากให้เราช่วยเหลือ อยากจะนัดมาคุยด้วยสักหน่อย ”ถังหลินไม่พูดอ้อมค้อม ตรงเข้าประเด็นทันที
เวินลั่วฉิงขมวดคิ้ว ด้วยสถานะของหยวนจุนหลินนั้นก็ใช่ว่าจะธรรมดา หากเขามีคดีอะไร ก็สามารถหาผู้ที่เชี่ยวชาญกว่าได้ ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องมาหาเธอเลยด้วยซ้ำ ?
ตอนที่เฟิ่งเหมียวเหมียวบอกเธอนั้น เธอไม่คิดที่จะสนใจมัน เพียงแค่คิดว่า ถ้าหยวนจุนหลินโทรมาหาเธอจริงๆ เธอก็คงจะคิดหาวิธีปฏิเสธมันไปอยู่ดี
ตราบใดที่โลกใบนี้ยังคงหมุนอยู่ คดีนี้ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นเธอที่มาดูแลมันเลยด้วยซ้ำ