ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่891 พลังความกล้าหาญของคุณชายสามเย่
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่891 พลังความกล้าหาญของคุณชายสามเย่
“รับทราบลูกพี่” ได้ยินน้ำเสียงของเย่ซือเฉินแล้วก็ไม่กล้าโอ้เอ้และไม่กล้าเอ่ยถามให้มากความอีกเช่นกัน
หลังจากที่เย่ซือเฉินวางสายไปแล้วก็รีบออกมา และขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เขาจำเป็นที่จะต้องไปถึงให้เร็วที่สุด จะไม่ยอมให้เธอมีอันตรายใดๆเป็นอันขาด
เขาจะช่วยเธอจัดการอันตรายที่มีทั้งหมดตอนที่เธอถึงประเทศM
เวินลั่วฉิงในเวลานี้ยังคงอยู่บนเครื่องบิน โทรศัพท์ของเธอนั้นปิดเครื่องเอาไว้ เย่ซือเฉินจึงติดต่อเธอไม่ได้ ดังนั้นเธอยังไม่รู้ว่าเย่ซือเฉินกำลังรีบตามไปที่ประเทศM
ตระกูลถัง
“ทำไมจู่ๆฉิงฉิงถึงไปประเทศMล่ะ?” ถังหยุนเฉิงกลับบ้านมาได้ยินว่าเวินลั่วฉิงไปประเทศM จึงมีสีหน้าท่าทางที่ดูสงสัยขึ้นมา
“ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ ตอนตีสี่กว่าๆได้รับข้อความจากฉิงฉิง ตอนนั้นฉันยังไม่ตื่นเลย” เฟิ่งเหมียวเหมียวเห็นถังหยุนเฉิงกลับมาในเวลานี้แล้วก็รู้สึกประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด : “ทำไมคุณกลับมาตอนนี้ล่ะคะ? มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
“ทางเจ้านายให้ผมไปเมืองไห่ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญ ผมกลัวว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น อยากจะพาฉิงฉิงไปด้วยกัน” ดวงตาของถังหยุนเฉิงหรี่ลงเล็กน้อย : “คิดไม่ถึงเลยว่าฉิงฉิงจะไปประเทศMอย่างกะทันหันแบบนี้”
ถังหยุนเฉิงไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือว่า…..
“มีเรื่องยุ่งยากอะไรหรือเปล่าคะ?” เฟิ่งเหมียวเหมียวนิ่งอึ้งไป เธอเป็นคนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขมากับถังหยุนเฉิง ก็ต้องเข้าใจเขาที่สุดอยู่แล้ว เธอมองออกว่าถังหยุนเฉิงมีเรื่องอยู่ในใจ
“ตามหลักการแล้ว ครั้งนี้ผมไม่ควรไปเมืองไห่เดิมทีแล้วเป็นหัวหน้ากงกับกู้เจิ้งหลุนไปด้วยกัน อีกทั้ง เรื่องราวทางนั้นก็เป็นกู้เจิ้งหลุนที่เป็นคนรับผิดชอบมาโดยตลอด” ถังหยุนเฉิงไม่ได้ปกปิดความกังวลนี้ของเขาเอง เนื่องจากเรื่องของถังหลินครั้งที่แล้ว ตอนนี้เขาก็ยิ่งต้องเพิ่มความรอบคอบมากยิ่งขึ้น
แต่ครั้งนี้ไปยังเมืองไห่เขาเองก็จะไม่ระวังไม่ได้เช่นกัน เนื่องจากว่าทางเมืองไห่เกินกว่าครึ่งล้วนแต่มีอิทธิพลของตระกูลกู้ ถ้าหากตระกูลกู้อยากจะทำอะไรเขาที่เมืองไห่นั้น เขากลัวว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยจนยากที่จะป้องกันจริงๆ
ดังนั้นเขาถึงได้อยากจะพาเวินลั่วฉิงไปด้วย
“ถ้าไม่อย่างนั้นก็พาถังหลินไปเป็นเพื่อนคุณสิคะ”เฟิ่งเหมียวเหมียวก็รับรู้ได้ถึงความรุนแรงของเรื่องนี้ ใบหน้าปรากฏความกังวลออกมา
“ไม่ได้ ถังหลินก็มีงาน ไปไม่ได้หรอก อีกอย่างเรื่องนี้ก็เป็นความต้องการของทางเบื้องบนด้วย ถังหลินก็ไม่สามารถตามไปได้อย่างตามใจชอบแบบนั้นได้หรอก”
ถังหยุนเฉิงทำอะไรก็จะระมัดระวังรอบคอบมาตลอดอยู่แล้ว สิ่งที่ควรจะพิจารณาเขาก็มักจะนึกถึงอยู่เสมอ
ถ้าหากถังหลินตามเขาไปที่เมืองไห่โดยไม่ได้รับคำสั่งจากเบื้องบนแล้ว คนของตระกูลกู้จะต้องใช้ข้ออ้างนี้มาจัดการกับตระกูลถังอย่างแน่นอน
แปดสุดยอดวงศ์ตระกูลนั้นมีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดมาก อิทธิพลอำนาจของแปดสุดยอดวงศ์ตระกูลมีเกินกว่าแม้กระทั่งประเทศเล็กๆเสียอีก กฎเกณฑ์ภายในก็ต้องมากอยู่แล้ว
“อีกทั้งถึงแม้ว่าถังหลินจะไปได้ ก็ไม่เหมาะเหมือนกับฉิงฉิงหรอกคุณ” ถังหยุนเฉิงไม่ใช่ว่าจะไม่เชื่อในความสามารถของถังหลิน ถ้าหากฝ่ายนั้นเอาจริงเขาไม่กลัวหรอก กลัวแค่ว่าฝ่ายนั้นจะคอยซุ่มอยู่มากกว่า
เหมือนกับครั้งที่แล้ว ถังหลินเองก็ถูกโจมตีด้วยเล่ห์เหลี่ยมของอีกฝ่ายหนึ่งเช่นกัน
ส่วนฉิงฉิงนั้นก็มีความถนัดทางด้านนี้มากที่สุด ถ้าหากฉิงฉิงไปกับเขาด้วย ไม่ว่าทางฝ่ายนั้นจะใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไร เขาก็ไม่กลัว
“แต่ตอนนี้ฉิงฉิงกำลังเดินทางไปประเทศM ถึงแม้จะให้ฉิงฉิงกลับมาก็คงจะไม่เร็วขนาดนั้นด้วย คุณรอได้อย่างนั้นหรือ?” เฟิ่งเหมียวเหมียวคิดหาวิธีที่จะสามารถทำได้ นึกไปถึงเรื่องครั้งที่แล้วของถังหลิน ในใจของเธอนั้นก็ยิ่งรู้สึกเป็นกังวล
ครั้งที่แล้วเวินลั่วฉิงช่วยถังหลินลบล้างจากการตกเป็นที่ต้องสงสัยได้ แต่ก็โชคดีเช่นกันที่ตอนนั้นแผนการของอีกฝ่ายนั้นเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้น โชคดีที่มีเจ้าชายน้อยปรากฏตัวออกมา ไม่เช่นนั้นแล้วต่อให้ฉิงฉิงจะเก่งกว่านี้ การตัดสินในตอนสุดท้าย ฉิงฉิงเองก็คงจะช่วยถังหลินไม่ได้เช่นกัน
ดังนั้น เธอเห็นด้วยกับวิธีของถังหยุนเฉิง ให้ฉิงฉิงตามไปด้วย ถึงจะสามารถจัดการเล่ห์เหลี่ยมของอีกฝ่ายได้อย่างเด็ดขาด
“รอไม่ได้ ผมจะต้องออกเดินทางช่วงสายๆนี้แล้ว” และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ถังหยุนเฉิงรีบกลับมาที่บ้าน เดิมทีเขาคิดว่ากลับมาบ้านเพื่อมารับเวินลั่วฉิงไปด้วยกัน และที่ตัดสินใจว่าจะพาเวินลั่วฉิงไปด้วยกันนั้นก็เกิดขึ้นมาอย่างกะทันหันเช่นกัน
“ถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไรล่ะคะ? ตอนนี้ฉิงฉิงอยู่บนเครื่องบิน โทรหาไม่ติดแน่ๆ” เฟิ่งเหมียวเหมียวยิ่งร้อนใจ ขณะเดียวกันที่พูดออกมานั้นก็กดเบอร์โทรเวินลั่วฉิงไปด้วย และโทรศัพท์มือถือของเวินลั่วฉิงนั้นก็ปิดเครื่องอย่างที่คิดไว้จริงๆ
“ช่างเถอะ ผมเองก็เพียงแค่อยากจะเตรียมป้องกันเอาก่อนเท่านั้นเอง หรือผมอาจจะกังวลมากเกินไป” สถานการณ์เช่นนี้ ถังหยุนเฉิงเองก็ไม่อยากให้เฟิ่งเหมียวเหมียวเป็นกังวลมากเกินไปเช่นกัน : “คุณอย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่นะ ผมไปก่อนแล้วกัน”
“หยุนเฉิง” เฟิ่งเหมียวเหมียวรีบดึงเขาเอาไว้ : “ฉันไปกับคุณดีกว่าค่ะ”
ถึงแม้ว่าเธอรู้ว่าเธอไม่ได้มีความสามารถเหมือนฉิงฉิง แต่ให้เธออยู่บ้านแบบนี้ก็ยิ่งจะมีแต่จะเป็นกังวล
“คุณเองก็ไปไม่ได้ สถานะของฉิงฉิงพิเศษ ผมยื่นขอชื่อให้เธอตามไปในฐานะบุคลากรพิเศษ” ถังหยุนเฉิงทำอะไรรอบคอบ ตอนนี้เวลาสำคัญเช่นนี้ยิ่งไม่กล้าทำอะไรลวกๆแม้แต่นิดเดียว เขาจะพาเวินลั่วฉิงไปนั้นเป็นขั้นตอนที่เป็นมาตรฐาน คนอื่นๆอยากตามไปด้วยนั้นไม่ได้อยู่แล้ว
“วางใจเถอะครับ ไม่มีอะไรหรอก” ถังหยุนเฉิงยิ้ม พลางปลอบใจเฟิ่งเหมียวเหมียว
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะคิดหาวิธีรีบติดต่อกับฉิงฉิง ให้ฉิงฉิงรีบไปที่เมืองไห่” เฟิ่งเหมียวเหมียวเองก็เข้าใจว่ากฎระเบียบของพวกเขานั้นเข้มงวดมากขนาดไหน อีกทั้งยิ่งเป็นเวลานี้ก็ไม่สามารถที่จะทำเรื่องให้เป็นที่ไม่พอใจได้เลย คนของตระกูลกู้ล้วนแต่จับตามองพวกเขาอยู่ รอหาความผิดพลาดของพวกเขาตระกูลถังอยู่
ถังหยุนเฉิงพยักหน้าลง หลังจากนั้นก็รีบลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็ว
“ทำไมแกกลับมาเวลานี้ล่ะ?”ท่านปู่ถังกำลังจะเดินขึ้นมาด้านบน เห็นถังหยุนเฉิงที่เดินลงมาแล้วก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมา
“กลับมาเอาของน่ะครับ” ถังหยุนเฉิงไม่ได้พูดอะไรมาก เขาไม่อยากจะให้ท่านปู่เป็นกังวล ตอนที่เขาพูดออกมานั้นจึงพยายามทำให้น้ำเสียงของตัวเองดูผ่อนคลายลง
ดวงตาของท่านปู่ถังกระพริบลง คิดแล้วนั้นก็ไม่ได้เอ่ยถามขึ้นมาอีก เพียงแค่กำชับ : “ทำอะไรก็ระวังแล้วกัน”
ท่านปู่ถังเป็นคนที่ฉลาดเฉียบแหลมยิ่งนัก ถึงแม้ว่าถังหยุนเฉิงจะไม่ได้พูดอะไร ถึงแม้ว่าถังหยุนเฉิงจะพยายามแสดงอาการออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ท่านก็ยังคงมองออกว่าถังหยุนเฉิงมีเรื่องอะไรอยู่ในใจ
ลูกชายของเขาเขาเข้าใจดี ผ่านการต่อสู้และพยายามมาหลายปีขนาดนี้จนถึงจุดที่อยู่ในทุกวันนี้ นับว่ามีความสุขุม ช่ำชองอยู่เช่นกัน ปกติแล้วมีเรื่องอะไรก็จะไม่แสดงออกมา
เรื่องราวตอนนี้เกรงว่าจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว
แต่ ลูกชายไม่พูด เขาก็จะถามมากไม่ได้เช่นกัน
“อืม ผมทราบครับ” ก้นบึ้งในใจของถังหยุนเฉิงนั้นรู้สึกสั่นไหวเล็กน้อย เขารู้ว่ามีเรื่องอะไรก็ไม่สามารถปิดบังพ่อได้อยู่แล้ว แต่เขาเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมามาก แล้วรีบออกไปอย่างรวดเร็ว
ท่านปู่ถังมองตามเบื้องหลังของถังหยุนเฉิงที่ออกไปแล้ว สีหน้าท่าทางค่อยๆเปลี่ยนไปดูจริงจังขึ้นมาทีละนิดๆ ช่วงนี้ตระกูลถังเกิดเรื่องขึ้นมามากมายเหลือเกิน ช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ ยังมีอะไรแปลกๆมาก่อความวุ่นวายอีกจริงๆ
แต่เรื่องนี้เขาเองก็ช่วยอะไรไม่ได้เหมือนกัน ทั้งหมดนี้ก็ต้องอาศัยตัวพวกเขาเองแล้ว
หลังจากที่เฟิ่งเหมียวเหมียวลงมาแล้วนั้น เห็นท่านปู่ถังยืนอยู่ตรงบันไดแล้วมองออกไปทางด้านนอกประตูอย่างเลื่อนลอย
“พ่อคะ กลับมาแล้วหรือคะ” เฟิ่งเหมียวเหมียวเก็บซ่อนอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ ถังหยุนเฉิงกำชับเอาไว้แล้วว่าจะให้พ่อแม่รู้เรื่องนี้ไม่ได้
“อืม” ท่านปู่ถังหันกลับมา แล้วพยักหน้า มองไม่เห็นความผิดปกติใดๆบนใบหน้า เพียงแค่ตอนที่เขามองมายังเฟิ่งเหมียวเหมียวนั้น จู่ๆในใจก็รู้สึกจมดิ่งลงมา
เฟิ่งเหมียวเหมียวไม่ใช่ถังหยุนเฉิง ถึงแม้ว่าเฟิ่งเหมียวเหมียวต้องการจะปกปิดก็ไม่สามารถที่จะปกปิดได้ดีไปกว่าถังหยุนเฉิงอยู่แล้ว อีกทั้งเป็นเพราะความกังวลที่มีมากเกินไป ดวงตาของเฟิ่งเหมียวเหมียวจึงแดงขึ้นมาอยู่บ้าง
ท่านปู่ถังรู้ ครั้งนี้เกรงว่า…..