ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1051 ความเกรงขามของคุณนายเหว้ย ข่มเหงเศษเดนสะใจกว่า (3)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- บทที่ 1051 ความเกรงขามของคุณนายเหว้ย ข่มเหงเศษเดนสะใจกว่า (3)
คุณนายเจ้าตอนนี้รู้สึกโกรธแค้น รู้สึกเจ็บใจเป็นอย่างมาก แต่คำพูดของคุณนายเหว้ย ทำให้เธอถึงกับไปต่อไม่ถูกเลยทีเดียว
เพราะสิ่งที่คุณนายเหว้ยพูดเป็นเรื่องจริงทั้งนั้น
เธอไม่มีหลักฐานอะไรเลยจริง ๆ……
“เด็กในตระกูลเหว้ยของพวกเราจะให้คนอื่นมาหมิ่นประมาทได้ยังไง เอาล่ะ เรื่องนี้ว่ากันตามกระบวนการยุติธรรมแล้วกัน ทำตามหน้าที่กันไป ปฏิบัติตามกฎหมาย จะได้ไม่ต้องมาพูดว่าตระกูลเหว้ยของพวกเรารังแกคนอื่น” คุณนายเหว้ยปรายตามองคุณนายเจ้าอีกครั้ง จากนั้นก็หันไปพูดกับคนที่อยู่ข้าง ๆ
ความผิดเรื่องการหมิ่นประมาทพูดตามตรงเอาผิดได้ไม่แน่นอนนัก จะโทษเบาหรือโทษหนัก ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะดำเนินคดียังไง ตระกูลเหว้ยตอนนี้ต้องการให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม คดีที่ตระกูลเหว้ยแจ้งมา ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องล้วนให้ความสำคัญทั้งนั้น
ต่อให้ถึงเวลาตัดสินจะไม่สามารถจับคุณนายเจ้าเข้าคุกได้ แต่เมื่อทำคดีเรื่องนี้ต่อไป คุณนายเจ้าต้องติดต่อกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องอีกหลายครั้ง ชื่อเสียงก็คงป่นปี้หมดแล้ว ถึงตอนนั้นคงขายหน้าแน่นอน
“คุณนายเหว้ย ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากมาย ทำไมคุณนายเหว้ยต้องกดดันคนอื่นขนาดนี้ด้วย?” ตอนนี้คุณนายเจ้าโกรธจนอกแทบแตกแล้ว เธอคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าคุณนายเหว้ยจะทำถึงขั้นนี้
คุณนายเหว้ยตบหน้าเธอหนึ่งฉาดต่อหน้าทุกคนไปแล้ว ยังไม่ยอมหยุดอีก ถึงขั้นจะดำเนินคดีตามกฎหมาย?
“คุณนายเหว้ย พวกเราสองตระกูลมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาตลอด ทำไมต้องทำถึงขั้นนี้ด้วย ต่อไปพวกเราสองตระกูลก็คงไม่มีทางตัดขาดกันหรอกใช่ไหม” แม้ว่าตอนนี้คุณนายเจ้าจะโมโหแทบตาย แต่คุณนายเจ้าก็รู้ว่าเรื่องนี้หนักหนามาก
เรื่องพวกนี้ตระกูลเหว้ยสามารถทำได้ แต่ตระกูลเจ้ากลับทำไม่ได้ สามีของเธอเป็นหัวหน้า ถ้าหากเธอเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริง ๆ จะส่งผลกระทบต่อสามีเธอ ถึงเวลานั้นจะส่งผลกระทบต่ออนาคตของสามีเธอแน่นอน
ฉะนั้นเธอจำเป็นต้องเห็นแก่ส่วนรวม แน่นอนว่าเธอไม่มีทางยอมง่าย ๆ แบบนี้เด็ดขาด ด้วยฐานะหน้าที่การงานของสามีเธอ วันข้างหน้ายังมีโอกาสจัดการบริษัทเว้ยคังกรุ๊ปได้
“เธอสบประมาทใส่ร้ายเด็กในตระกูลของฉัน แล้วยังคิดจะให้พวกเราสองตระกูลคบหากันอีกเหรอ คุณนายเจ้า สมองเธอเต็มไปด้วยขี้เลื่อยหรือไง” คุณนายเหว้ยได้ยินคำพูดของคุณนายเจ้าก็หัวเราะเยาะออกมาทันที ไม่เพียงแต่เมินเฉยกับคำขอร้องของคุณนายเจ้าในตอนนี้เท่านั้น ทว่ากลับไม่ไว้หน้าเลยสักนิดอีกด้วย พูดตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเจ้าตรง ๆ อย่างชัดเจน
คุณนายเจ้าคิดไม่ถึงเลยว่าคุณนายเหว้ยจะมีทิฐิมากขนาดนี้ และคุณนายเจ้ายิ่งคิดไม่ถึงว่าคุณนายเหว้ยจะถึงขั้นตัดความสัมพันธ์เพียงเพราะเวินลั่วฉิงคนเดียว
หรือว่าคุณนายเหว้ยจะไม่สนแม้แต่ธุรกิจของเว้ยคังแล้ว?
เพื่อเวินลั่วฉิงคนเดียวแม้แต่ธุรกิจของเว้ยคังก็ไม่สนใจแล้วงั้นเหรอ?
ตอนนี้คุณนายเจ้าไม่เข้าใจการกระทำของคุณนายเหว้ยเลยจริง ๆ
คุณนายเหว้ยพูดไร้เยื่อใยขนาดนี้ เท่ากับประกาศต่อหน้าทุกคนว่าตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเจ้าแล้ว ไม่ว่าคุณนายเจ้าจะหน้าหนาหน้าทนแค่ไหนก็พูดอะไรไม่ได้อีกแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้คุณนายเจ้ารู้สึกคับแค้นใจมาก
“ได้ ได้ มู่หรงหญิงหญิง ถือว่าเธอชนะ” คุณนายเจ้าอดกลั้นความโกรธแค้นที่อยู่ในใจไว้ไม่ได้อีกแล้ว ในเมื่อเรื่องนี้มาถึงขั้นนี้แล้ว เธอตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ขอร้องอ้อนวอนอะไรอีก
ต่อให้มู่หรงหญิงหญิงเก่งแค่ไหน ตระกูลเหว้ยเก่งแค่ไหน ยังไงเว้ยคังของพวกเขาก็ยังต้องทำธุรกิจต่อไปอยู่ดี และขอแค่เว้ยคังทำธุรกิจเกี่ยวกับการก่อสร้างในเขตเมืองจิ๋นยังไงก็ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของสามีเธออยู่ดี
ในเมื่อมู่หรงหญิงหญิงตัดขาดกับเธอต่อหน้าทุกคน ก็อย่าหาว่าเธอไม่เตือนแล้วกัน
สำหรับคำพูดร้ายกาจที่คุณนายเจ้าอับอายจนโกรธแล้วพูดออกมานั้น มู่หรงหญิงหญิงได้แต่ยิ้มอ่อน คิดจะพูดข่มมู่หรงหญิงหญิงอย่างเธอเหรอ?
ตลกสิ้นดี!
“คุณนายเจ้า กลับดี ๆ ไม่ส่งนะ” คุณนายเหว้ยไล่แขกทันที คำพูดของเธอชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็กำชับขึ้นอีกครั้งว่า : “ไปบอกสามีของคุณนายเจ้าหน่อยสิ ว่าให้เขากลับไปกับภรรยาเขาเลย”
คำพูดของคุณนายเหว้ยในตอนนี้ฟังดูอ่อนหวานกว่ามู่หรงหญิงหญิงมากทีเดียว แต่เมื่อครู่นี้เธอได้ฆ่าคุณนายเจ้าไปแล้วในชั่วพริบตาเดียว ตอนนี้พูดน่าฟังแค่ไหนก็ดูเหมือนจะไม่สำคัญอีกแล้ว
แน่นอนว่า คุณนายเหว้ยยังต้องรักษาท่าทีเอาไว้
มู่หรงดัวหยางอดไม่ได้ที่จะเบะปากออกมา คุณแม่นี่สุดยอดไปเลย!
ไม่นาน หัวหน้าเจ้าที่รู้ข่าวก็รีบมาทันที ยังมีพ่อของมู่หรงดัวหยาง และประธานคนก่อนของเว้ยคังมาพร้อมกับหัวหน้าเจ้าด้วย
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?” หัวหน้าเจ้างงไปหมดแล้ว เขาพูดคุยกับเพื่อนอยู่ด้านในดี ๆ งานเลี้ยงยังไม่ทันเริ่มเลย ทำไมถึงมีคนไปบอกเขาว่า ให้เขากลับไปพร้อมภรรยาเลยล่ะ
มีคนเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้เขาฟัง
จากนั้นสีหน้าของหัวหน้าเจ้าก็ดูบึ้งตึงมากทันที ไม่รู้ว่าเป็นเพราะภรรยาตัวเองทำให้โกรธ หรือเป็นเพราะการกระทำของคุณนายเหว้ย
หัวหน้าเจ้าเงียบไปชั่วขณะ
“คุณนายเหว้ย ความเมตตาสำคัญที่สุด อย่าเอาเรื่องเล็กน้อยพวกนี้มาทำลายมิตรภาพเลย” มีคนออกมาช่วยพูดไกล่เกลี่ย สำหรับผู้ชาย มองว่าพวกผู้หญิงน่าเบื่อกันทั้งนั้น ไม่เห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร
ทำลายมิตรภาพเพื่อเรื่องเล็กน้อยแค่นี้มันไม่คุ้มค่าเลยจริง ๆ
“เรื่องเล็กเหรอ? สบประมาทว่าร้ายเด็กของฉันเป็นเรื่องเล็กเหรอ ฉิงฉิงของฉันเป็นเด็กดีมากคนหนึ่ง มีสิทธิ์อะไรที่ต้องมาเจอเรื่องแย่ ๆ แบบนี้?” คุณนายเหว้ยแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่อยากประนีประนอม เธอไม่มีทีท่าจะยอมความเลยสักนิด
เรื่องอื่นยังพอเจรจากันได้ แต่มาสบประมาทใส่ร้ายฉิงฉิงของเธอ เรื่องนี้ไม่มีทางเจรจาอะไรได้อีก
“คุณนายเหว้ย ไม่จำเป็นต้องถึงขนาดนี้เลย” คนที่ออกมาไกล่เกลี่ยเห็นท่าทีที่แข็งกร้าวของคุณนายเหว้ย สีหน้าก็ดูกระอักกระอ่วนขึ้นทันที คนคนนั้นเห็นสีหน้าบึ้งตึงของหัวหน้าเจ้า ก็ครุ่นคิด แล้วพูดเสริมอีกว่า : “คุณนายเหว้ย คุณก็รู้ ว่าคุณนายเจ้าเป็นแก้วตาดวงใจของท่านปู่เจ้า เด็กของคุณได้รับความไม่เป็นธรรม คุณนายเจ้าเองก็……”
ตระกูลเจ้าก็พอมีอำนาจในเมืองจิ๋นอยู่บ้าง ตอนนี้ที่คนคนนี้ตั้งใจเอ่ยถึงตระกูลเจ้า เอ่ยถึงท่านปู่เจ้า ก็เพราะหวังให้คุณนายเหว้ยเห็นแก่หน้าของท่านปู่เจ้าแล้วยุติความขัดแย้ง
“แก้วตาดวงใจของตระกูลเจ้างั้นเหรอ?” แต่ว่า ประโยคที่ผู้ไกล่เกลี่ยคนนี้พูดออกมากลับไปสะกิดต่อมโมโหของคุณนายเหว้ย
“หล่อนเป็นแก้วตาดวงใจของตระกูลเจ้า ฉิงฉิงก็เป็นแก้วตาดวงใจของตระกูลเหว้ยของพวกเราเหมือนกัน ตระกูลเหว้ยของพวกเราประคองไว้ในมือเป็นอย่างดีกลัวหล่นเสียหาย ใส่ไว้ในปากก็กลัวจะละลาย วันนี้กลับถูกแก้วตาดวงใจของตระกูลเจ้ารังแก ทำไมเหรอ? แก้วตาดวงใจของตระกูลเหว้ยของพวกเราควรถูกแก้วตาดวงใจของตระกูลเจ้ารังแกงั้นเหรอ นี่มันตรรกะอะไรกัน?”
ผู้ไกล่เกลี่ยอึ้งไปเลย ตาเขาลุกวาวเล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงเลยว่า เขาแค่ออกมาพูดโน้มน้าวแค่นี้ คุณนายเหว้ยถึงกับเอาเรื่องที่เขาพูดมาทำเป็นเรื่องใหญ่เลยเหรอ
เดิมทีเขาคิดว่าเอ่ยถึงตระกูลเจ้า เพื่อให้คุณนายเหว้ยไว้หน้ากันบ้าง แต่กลับคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าผลที่ได้จะตรงกันข้าม
คุณนายเหว้ยคนนี้ทิฐิสูงเหลือเกิน ไม่ฟังคำโน้มน้าวใด ๆ เลย ใจแข็งเพื่อปกป้องเวินลั่วฉิงคนนั้น
เพียงแต่การที่คุณนายเหว้ยต้องการปกป้องเวินลั่วฉิงนั้น จะปกป้องด้วยวิธีแบบนี้ไม่ได้ นี่เป็นงานเลี้ยงบริษัทเว้ยคังกรุ๊ปของพวกเขา คุณนายเหว้ยไม่คำนึงเลยสักนิดว่าการทำให้เป็นเรื่องใหญ่แบบนี้ไม่เป็นผลดีต่อเว้ยคังเลย
ตอนนี้ไป๋หยิงกับเฉิงโหรวโหรวกำลังยืนอยู่ในกลุ่มคน จึงเห็นเหตุการณ์นี้ได้อย่างชัดเจน
“ความสัมพันธ์ของคุณนายเหว้ยกับเวินลั่วฉิงดูเหมือนไม่ธรรมดาเลยนะ จะกระทบกับแผนการต่อไปของพวกเราหรือเปล่า? พวกเราต้องเปลี่ยนแผนกันหน่อยไหม?” เฉิงโหรวโหรวคิดถึงแผนการต่อไปพวกนั้นของไป๋หยิง สีหน้าก็เป็นกังวลขึ้นมาก
“ไม่จำเป็น ทุกอย่างทำตามแผนเดิม” ตอนนี้สีหน้าของไป๋หยิงดูบูดบึ้งอย่างเห็นได้ชัด เธอแอบกัดฟัน น้ำเสียงที่พูดฟังดูเหี้ยมโหด กว่าเธอจะวางแผนทุกอย่างได้นั้นไม่ง่ายเลย ไม่มีทางยอมให้แผนพังเด็ดขาด วันนี้เธอต้องทำให้เวินลั่วฉิงชื่อเสียงป่นปี้ให้ได้ เธอต้องทำให้เวินลั่วฉิงเหมือนหนูข้างถนนตัวหนึ่ง ไม่มีหน้าไปสู้ใครได้อีก