ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1063 จุดสูงสุดของความไร้ยางอาย (1)
ความเคลื่อนไหวของไป๋หยูหนิงไวมาก เธออยากให้จบๆเสียโดยเร็ว ทว่า เมื่อมองการกระทำของเธอระยะไกลจะเหมือนกับว่าเธอฉวยโอกาสคุณฟู่ไม่ระวังไปแอบหอมแก้มหนึ่งครั้ง
ดูผิวเผินอาจเหมือนว่าเหมียวเหยียนกำลังสนทนากับคนอื่นอยู่ ดูเหมือนไม่ได้มองไป๋หยูหนิง ทว่าความจริงแล้วเขาจดจ่อทุกความเคลื่อนไหวของไป๋หยูหนิงเสมอมา
ถึงแม้ไป๋หยูหนิงจะหอมแก้มคุณฟู่อย่างรวบรัดตัดตอน ทว่าก็ยังคงตกอยู่ในสายตาของเหมียวเหยียน
สีหน้าเหมียวเหยียนมืดมนอย่างฉับพลัน ไม่ได้คุยด้วยท่าทางสบายๆเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ได้สุขุมเยือกเย็นอีกต่อไป ไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็ไม่มีทางคาดถึงว่าไป๋หยูหนิงจะไปหอมแก้มผู้ชายคนนั้น
ไป๋หยูหนิงหอมแก้มผู้ชายคนอื่น?เขาไม่เคยนึกถึงเรื่องอย่างนี้มาก่อนเลย
ไป๋หยูหนิงชื่นชอบเขา ขอเพียงมีสองตาก็จะดูออก ซึ่งเขาก็ต้องรู้ด้วยอยู่แล้ว
ไป๋หยูหนิงชื่นชอบเขา แล้วทำไมถึงไปหอมแก้มผู้ชายคนอื่น?
ทำไม?
ไป๋หยูหนิงคิดจะทำอะไรกันแน่?
ณ ตอนนี้เหมียวเหยียนอยู่ห่างจากไป๋หยูหนิงได้ระยะหนึ่ง บวกกับมีคนมาร่วมงานเลี้ยงเป็นจำนวนมาก เกิดเสียงเซ็งแซ่ของผู้คน ดังนั้นเหมียวเหยียนจึงไม่ได้ยินบทสนทนาของกลุ่มไป๋หยูหนิง ดังนั้นจึงไม่รู้สาเหตุที่ไป๋หยูหนิงหอมแก้มผู้ชายคนนั้น
ทว่าเหมียวเหยียนไม่ใช่บุคคลทั่วไป เขาไม่ปล่อยให้ตัวเองเสียมารยาทในสถานที่แบบนี้หรอก เขารีบปรับอารมณ์ของตัวเอง แสร้งทำเป็นไม่มีอะไรแล้วคุยกับคนข้างๆต่อ ทว่าหางตาของเขากลับจับอยู่แต่ไป๋หยูหนิงทุกนาที
ผ่านไปเนิ่นนานคุณฟู่ก็ดึงสติกลับมาได้สำเร็จ เขาหันไปมองไป๋หยูหนิงช้าๆ มองไป๋หยูหนิงแบบไม่กะพริบสายตาเลยทีเดียว
ไป๋หยูหนิงถูกเขาจ้องจนรู้สึกขนลุกพอง“คุณมองอะไรหน่ะ?บอกว่าเป็นเกม เป็นแค่เกม……”
ถึงแม้ปากไป๋หยูหนิงจะบอกว่าเป็นเกม แต่เมื่อนึกถึงภาพเมื่อครู่ก็ยังคงรู้สึกประหม่า ยิ่งไปกว่านั้น นี้เป็นการจูบผู้ชายของเธอครั้งแรก ถึงจะไม่ใช่ที่ริมฝีปาก แต่ก็ถือว่าเป็นครั้งแรกอยู่ดี
นึกแล้วไป๋หยูหนิงก็อดหน้าแดงปลั่งไม่ได้ ระดับเสียงของเธอเล็กลงเรื่อยๆ สุดท้ายก็พูดไม่ออกมา
คุณฟู่มองท่าทีของเธอพลันอดยกมุมปากโค้งขึ้นไม่ได้ เธอก็เก้อเขินเป็นด้วย ไม่เลว การตอบสนองของเธออันนี้ เขาชอบมาก
บอกตามตรง เดิมที่เขายังกังวลว่าไป๋หยูหนิงจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเมื่อถูกฉู่หลิงเอ๋อบีบบังคับ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นการเขินอายแทน
เหมียวเหยียนใช้หางตามองไป๋หยูหนิง ดังนั้นจึงเห็นการตอบสนองของไป๋หยูหนิงด้วย เขาเห็นไป๋หยูหนิงหน้าแดงระเรื่อย จากนั้นก็ก้มหน้าเจือความ ‘เขินอาย’ไว้ด้วย
แววตาเหมียวเหยียนมีประกายความเย็นเยียบฉาบฉายอย่างเด่นชัด ไป๋หยูหนิงเปลี่ยนใจไปรักคนอื่นหรือเปล่า?
ไม่ใช่ว่าไป๋หยูหนิงชอบผู้ชายคนนั้นจริงๆแล้วนะ?
ไม่ เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด หัวใจไป๋หยูหนิงมีเพียงเขาเท่านั้น
ทว่า ทั้งๆที่หัวใจไป๋หยูหนิงมีเพียงเขา แต่ทำไมถึงไปหอมแก้มผู้ชายคนอื่น?
เขามาถึงตั้งนานแล้ว ซึ่งไป๋หยูหนิงก็เห็นเขาเดินเข้ามา ทำไมผ่านไปนานขนาดนี้ ไป๋หยูหนิงยังไม่มาหาเขาอีก?
หากเป็นเมื่อก่อน ไป๋หยูหนิงเห็นเขาก็ต้องรีบวิ่งกระโจนมาหาเขาทันที และเป็นอย่างนี้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ทำไมตอนนี้จู่ๆก็เปลี่ยนไปกะทันหัน……
เวลานี้เหมียวเหยียนไม่มีกะจิตกะใจคุยกับคนอื่นต่อแล้ว ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะเสแสร้ง แต่ตอนนี้ไม่อาจแสร้งทำได้อีกต่อไป
“ขอโทษครับ ผมขอตัวก่อนครับ”เหมียวเหยียนส่งรอยยิ้มให้กับคนที่เขาคุยด้วย จากนั้นก็รีบหันหลังจากไป
บัดนี้เหมียวเหยียนไม่ได้แสร้งทำเป็นไม่เห็นไป๋หยูหนิงอีกต่อไป เพราะบัดนี้เขาได้เดินไปหาไป๋หยูหนิงแล้ว
เวินลั่วฉิงเฝ้าสังเกตเหมียวเหยียนตลอดเวลา ดังนั้นทุกการกระทำของเหมียวเหยียนจึงตกอยู่ในสายตาของเธอ
เวินลั่วฉิงเห็นเหมียวเหยียนเดินเข้ามา มุมปากก็ยกโค้งขึ้นเล็กน้อย ข่มกลั้นอารมณ์ไม่ไหวแล้วสินะ?!
ฉู่หลิงเอ๋อก็เห็นด้วยเช่นกัน เธอไม่ได้เก็บการมองเห็นเหมือนเวินลั่วฉิง หากแต่หัวเราะเบาๆพร้อมกับกล่าวออกมา “ไป๋หยูหนิงรุ่นพี่ของคุณมาแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเราจะเล่นเกมกันไม่ได้แล้ว”
ฉู่หลิงเอ๋อพูดไปพลาง เก็บไพ่ไปพลาง
ฉู่หลิงเอ๋อรู้สึกว่าต่อจากนี้ต้องมีละครเด็ดดูกันแน่ ดังนั้นเธอจะรอดูละครเด็ดดีๆ
ก่อนหน้านี้ไป๋หยูหนิงถูกคุณฟู่จ้องจนทำตัวไม่ถูก ดังนั้นบัดนี้เธอกำลังก้มหน้าอยู่ ไม่เห็นเหมียวเหยียนเดินมาหา เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่หลิงเอ๋อ ไป๋หยูหนิงก็รีบเงยหน้ามอง
ไป๋หยูหนิงเห็นเหมียวเหยียนใกล้จะเดินมาถึงแล้ว ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อ หัวใจไม่เป็นสุขเล็กน้อย
รุ่นพี่เห็นเธอหอมแก้มผู้ชายคนนี้หรือเปล่า?
คงไม่หรอกมั้ง?ตอนที่เธอหอมแก้มคุณฟู่ รุ่นพี่กำลังคุยกับคนอื่นอยู่ ไม่ได้มองเธอ ดังนั้นรุ่นพี่คงไม่เห็นหรอก
แต่ทำไมรุ่นพี่ถึงเดินมาในเวลานี้ล่ะ?
บังเอิญ?หรือว่า?
วินาทีนี้ไป๋หยูหนิงรู้สึกตึงเครียดไม่เป็นสุขเอาเสียเลย
คุณฟู่นั่งอยู่ด้านข้างไป๋หยูหนิง เขารับรู้ถึงความตึงเครียดของไป๋หยูหนิงได้ เขาหลุบตาลง มุมปากเผยรูปเรเดียนที่คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
ถึงแม้เหมียวเหยียนจะไม่ได้เดินเร็ว แต่ระยะทางก็ไม่ได้ไกลมากมาย ไม่นานจึงเดินมาถึง
“หนิงเอ๋อร์”เหมียวเหยียนมองหน้าไป๋หยูหนิง พลางพูดเสียงทุ้มต่ำเบาๆ การเรียกชื่อก็ช่างสนิทสนมชิดเชื้อเหลือเกิน
“รุ่นพี่”ไป๋หยูหนิงนึกถึงเรื่องที่เธอหอมแก้มคุณฟู่ก็ยังคงรู้สึกตึงเครียดเล็กน้อย ดังนั้นตอนลุกขึ้นจึงไปโดนแก้วไวน์บนโต๊ะจนเกือบทำแก้วไวน์ล้ม
“รุ่นพี่ ทำไมถึงมาที่นี่คะ?”ไป๋หยูหนิงจับแก้วไวน์ตรงหน้าไว้ ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นด้วยความตึงเครียดยิ่งขึ้น
ไป๋หยูหนิงเห็นรุ่นพี่เข้ามาก็รู้สึกประหลาดใจ แต่อันที่จริงด้วยสถานะของรุ่นพี่ก็เป็นไปได้ที่จะได้รับการ์ดเชิญ ดังนั้นไป่หยูหนิงจึงถามไปสุ่มๆ เธอไม่ได้หวังให้รุ่นพี่ตอบเธอ
“ผมรู้ว่าคุณอยู่ที่นี่เลยมาดูเสียหน่อย”เหมียวเหยียนมองไป๋หยูหนิงด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม แววตาอ่อนโยนเป็นพิเศษ
ไป๋หยูหนิงชะงักพลันเบิกตากว้าง จากนั้นก็จ้องมองเหมียวเหยียนอย่างไม่ละสายตา ไม่ว่าจะอย่างไรไป๋หยูหนิงก็คาดไม่ถึงว่าเหมียวเหยียนจะตอบเช่นนี้
ความหมายของรุ่นพี่ก็คือเพราะรู้ว่าเธออยู่ที่นี่ เขาเลยมาอย่างนั้นหรือ?
รุ่นพี่หมายความอย่างนี้ใช่ไหม?
เธอไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม?
งั้นรุ่นพี่ก็มาหาเธอสินะ?
ฉู่หลิงเอ๋อได้ยินคำพูดของเหมียวเหยียน ดวงตาพลันหรี่ขึ้น แอบด่าทอในใจหนึ่งประโยค เชอะ ผู้ชายชาติชั่ว
ไป๋หยูหนิงตามหลังเขามาหลายปี เมื่อก่อนเขาไม่เคยพูดแบบนี้เลย
ทำไม?ตอนนี้เห็นข้างกายไป๋หยูหนิงมีผู้ชายคนอื่น เลยกลัวไป๋หยูหนิงจะจากไป จึงคิดใช้มารยาอ่อนโยนมาหลอกไป๋หยูหนิงเหรอ?
ผู้ชายคนนี้โหดเหี้ยมมาก ไร้ยางอายมาก
แต่ฉู่หลิงเอ๋อก็ไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามในสถานที่แบบนี้หรอก
ถึงอย่างไรก็เป็นงานเลี้ยงของบริษัทเว้ยคังกรุ้ป เธอคงเอ่ยปากด่าคนไม่ได้หรอก?
ยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นเรื่องส่วนตัวของไป๋หยูหนิง สิ่งที่เธอกับเวินลั่วฉิงควรช่วยก็ช่วยหมดแล้ว สุดท้ายก็เป็นสิทธิ์การตัดสินใจของไป๋หยูหนิงเอง