ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1069 อับอายจนโมโหคลั่งหลังถูกปฏิเสธ (3)
เวินลั่วฉิงกลับไม่รู้สึกร้อนรนเลยสักนิด เธอรู้จักไป๋หยูหนิงดี ในเมื่อก่อนหน้านี้ไป๋หยูหนิงปฏิเสธเหมียวเหยียนแล้ว แสดงว่าไป๋หยูหนิงต้องทำเรื่องนั้นให้จงได้ งั้นไป๋หยูหนิงก็จะไม่สะทกสะท้านต่อเหตุผลใดๆเพื่อเปลี่ยนแปลงความคิดเด็ดขาด
ไป๋หยูหนิงคนนี้เป็นคนแน่วแน่และดื้อดึงสุดๆ
สิ่งที่ไป๋หยูหนิงรับปากไว้แล้วไม่มีทางกลับคำเด็ดขาด
สำหรับเรื่องที่เธอบีบเหมียวเหยียนจำต้องบอกว่าชอบไป๋หยูหนิง ซึ่งเป้าหมายที่แท้จริงของเวินลั่วฉิงไม่ใช่ให้เหมียวเหยียนสารภาพรักกับไป๋หยูหนิง
เวินลั่วฉิงทำเพื่อให้ไป๋หยูหนิงเห็นตัวตนที่แท้จริงของเหมียวเหยียน
เมื่อก่อนไป๋หยูหนิงแอบชอบเหมียวเหยียน ไม่เคยบอกความในใจกับเหมียวเหยียนและเหมียวเหยียนก็ไม่เคยตอบรับไป๋หยูหนิงด้วย
สถานการณ์แบบนั้น ไม่ว่าเหมียวเหยียนจะทำอะไร หากมองจากมุมมองของไป๋หยูหนิงล้วนถูกต้อง ไม่มีสิ่งใดผิด
ไป๋หยูหนิงก็จะไม่รู้สึกว่าไม่มีอะไรผิด ถึงแม้เหมียวเหยียนจะแสดงท่าทางว่ามีความรู้สึกดีๆกับผู้หญิงคนอื่น หรือเหมียวเหยียนจะทำเรื่องคลุมเครือในเชิงความรักกับคนอื่นก็ตามที
เพราะเหมียวเหยียนไม่เคยสารภาพรักกับไป๋หยูหนิง ทั้งสองไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไร เหมียวเหยียนทำอะไรก็ล้วนเป็นสิทธิ์ของเหมียวเหยียน
แต่ว่า เมื่อเหมียวเหยียนสารภาพรักกับไป๋หยูหนิงเมื่อไหร่ ซึ่งไป๋หยูหนิงก็ไม่ได้ปฏิเสธ ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ถือว่าลงเอยกันแล้ว หากสถานการณ์อย่างนี้เหมียวเหยียนประพฤติตัวไม่เหมาะสมอะไรอีก
ไป๋หยูหนิงก็จะไม่คิดในแง่มุมเมื่อก่อน ไม่แสดงท่าทางเช่นเมื่อก่อนอีกต่อไป
เวินลั่วฉิงรู้ว่าอันที่จริงไป๋หยูหนิงเป็นคนที่เห็นเม็ดทรายอยู่ในสายตาไม่ได้ เห็นหญิงอื่นมาคลอเคลียกับชายในดวงใจไม่ได้
ซึ่งเป็นเจตนาที่แท้จริงของเวินลั่วฉิง
ดังนั้นตอนนี้เวินลั่วฉิงไม่กังวลว่าไป๋หยูหนิงจะตามเหมียวเหยียนกลับไป หากไป๋หยูหนิงตามกลับไปจริงๆก็จะทำให้รู้ธาตุแท้ของเหมียวเหยียนเร็วขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องดีอย่างนี้
เวินลั่วฉิงไม่กังวลว่าไป๋หยูหนิงจะตกหลุมพราง เมื่อก่อนไป๋หยูหนิงแอบรักฝ่ายเดียวเสมอมา จึงเป็นสิ่งที่ปรารถนาอย่างแรงกล้า ดังนั้นไป๋หยูหนิงจึงระมัดระวังในด้านความรักยิ่ง แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์ของทั้งสองชัดเจนแล้ว สถานการณ์จึงเปลี่ยนไปหมด
“ขอโทษค่ะรุ่นพี่ ตอนนี้ฉันตามกลับไปไม่ได้จริงๆ คุณให้เวลาฉันอีกหน่อยนะคะ รอให้ฉันจัดการธุระนี้เสร็จก่อนแล้วฉันจะกลับไปค่ะ”บัดนี้ไป๋หยูหนิงได้ยินคำพูดของเหมียวเหยียนก็รู้สึกตื่นเต้น ซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง แต่เธอก็ยังคงปฏิเสธเหมียวเหยียน
ถึงแม้เหมียวเหยียนจะปกปิดอารมณ์ได้ดีเพียงใด บัดนี้ใบหน้าก็เจือความไม่พอใจไว้แล้ว
ไป๋หยูหนิงเห็นเหมียวเหยียนไม่พอใจ เธอก็รีบอธิบายว่า“รุ่นพี่ให้เวลาฉันอีกนิดนะคะ ให้เวลาฉัน……สิบวันค่ะ……”
ไป๋หยูหนิงหยุดพูด ดวงตาเธอหันไปมองคุณฟู่ มองคุณฟู่แวบหนึ่งแล้วคิดว่าเวลาอาจจะไม่พอ ไป๋หยูหนิงก็รีบเปลี่ยนคำพูดว่า “รุ่นพี่ให้เวลาฉันหนึ่งเดือนค่ะ ไม่ สองเดือนค่ะ……”
ช่วงนี้ไป๋หยูหนิงเห็นความสามารถของคุณฟู่แล้ว โดยเธอใช้ทุกวิถีทาง ทุกกระบวนท่า แต่ก็ยังคงหนีไปจากคุณฟู่ไม่ได้
อย่าว่าแต่หนีเลย ช่วงนี้เธอไม่ได้ห่างจากตัวคุณฟู่เกินสิบเมตรเลย
ดังนั้นเวลานี้ไป๋หยูหนิงจึงลังเลกับเรื่องเวลามาก อันที่จริงเธอรู้สึกว่าเวลาสองเดือนอาจไม่เพียงพอด้วยซ้ำ
คุณฟู่ชะงัก ดวงตาเปล่งประกายแวววาว จากนั้นมุมปากก็ยกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เขาพบว่าผู้หญิงของเขาช่างน่ารักเหลือเกิน
“คิก……”ฉู่หลิงเอ๋ออดหัวเราะไม่ได้“หนิงเอ๋อร์จ๊ะ คนอื่นหารือเรื่องภารกิจที่จะทำเสร็จจะพยายามย่นระยะเวลา แต่ทำไมคุณถือยืดเวลาเสียอย่างนั้น?ตามวิธีของคุณแล้ว อาจจะเพิ่มอีกหลายปีหรือกระทั่งชั่วชีวิตเลยใช่ไหม?”
สิ่งเดียวที่ฉู่หลิงเอ๋อกลัวคือโลกจะวุ่นวายไม่พอ และเวลานี้เธอจงใจพูดให้เหมียวเหยียนฟัง
สีหน้าเหมียวเหยียนเปลี่ยนไปอย่างฉายชัด กลายเป็นยับยู่ยี่แบบดูไม่ได้ ถึงแม้เขาจะพยายามควบคุมสุดความสามารถ แต่ก็ไม่อาจปกปิดอารมณ์ของตนได้ทั้งหมด
เขาคาดไม่ถึงว่าเขาลงตัววิงวอนไป๋หยูหนิงถึงเพียงนี้แล้ว ไป๋หยูหนิงกลับไม่ยอมกลับไปกับเขา
อีกอย่างท่าทางของไป๋หยูหนิงเมื่อสักครู่นี้ เห็นได้ชัดว่ากำลังตบหน้าเขา ไป๋หยูหนิงกำลังทำให้เขาตกที่นั่งลำบาก
บวกกับถ้อยคำของฉู่หลิงเอ๋อ ก้นบึ้งแววตาของเหมียวเหยียนเผยความอำมหิตหลายส่วน
“หนิงเอ๋อร์จ๋า บอกพี่สาวได้ไหมว่าคุณมีธุระสำคัญอะไรต้องทำกันแน่”ฉู่หลิงเอ๋อยังไม่ยอมเลิกรา จงใจถามอีกหนึ่งประโยค
ไป๋หยูหนิงบอกว่ามีธุระต้องจัดการ แต่กลับไม่บอกว่าเป็นเรื่องอะไร อันที่จริงฉู่หลิงเอ๋อก็แปลกใจ แต่สิ่งสำคัญคือจงใจพูดให้เหมียวเหยียนฟัง
ฉู่หลิงเอ๋อรู้ว่าคำถามของเธอ ไม่ว่าไป๋หยูหนิงจะตอบหรือไม่ มันก็ทำให้หัวใจเหมียวเหยียนเจ็บปวดทรมานมาก
ฉู่หลิงเอ๋อยังเน้นย้ำในสี่คำที่ว่าธุระสำคัญอีกด้วย
การแกล้งคนถือเป็นเรื่องถนัดของฉู่หลิงเอ๋ออยู่แล้ว
“ฉัน……”ไป๋หยูหนิงอ้าปากเล็กน้อย เธอมองเหมียวเหยียนอีกแวบหนึ่ง“ฉันมีธุระจริงๆ……”
ไป๋หยูหนิงยังคงไม่บอกว่าเป็นธุระอะไร ไม่สะดวกบอกคนอื่นกับข้อตกลงอย่างนี้อยู่แล้ว
“ธุระอะไร?ฉันอยากรู้จริงๆ”ฉู่หลิงเอ๋อเป็นคนช่างสงสัยอยู่แล้ว ในเมื่อเริ่มหัวข้อการสนทนานี้แล้ว ฉู่หลิงเอ๋อไม่ได้รับคำตอบก็จะไม่ยอมล้มเลิกเด็ดขาด
“ให้ฉันทายนะ เกี่ยวข้องกับคุณฟู่ใช่ไหม!!”ฉู่หลิงเอ๋อรู้ว่าไป๋หยูหนิงไม่พูดง่ายๆหรอก ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนวิธีการใหม่ แน่นอน ฉู่หลิงเอ๋อทำอย่างนี้ก็เพื่อจงใจกระทบกระเทือนจิตใจเหมียวเหยียน
เมื่อสักครู่เหมียวเหยียนหยอดคำหวานเพื่อหลอกไป๋หยูหนิง ฉู่หลิงเอ๋อรู้สึกเอือมระอายิ่ง ดังนั้นเมื่อต้องแกล้งเหมียวเหยียน เธอจะไม่มีทางออมมือเด็ดขาด
ไป๋หยูหนิงเม้มปากแน่น ไม่ได้ตอบคำถาม
บางครั้งไม่ตอบแสดงว่าใช่ ซึ่งก็คือที่ไป๋หยูหนิงไม่กลับไปพร้อมกับเหมียวเหยียน แท้จริงแล้วเกี่ยวข้องกับคุณฟู่นั่นเอง
ฉู่หลิงเอ๋อหันไปมองเหมียวเหยียน ดังคาด เธอเห็นสีหน้าเหมียวเหยียนมืดครึ้มหลายส่วน เธอเห็นกระทั่งความเหี้ยมเกรียมในแววตาของเหมียวเหยียนที่ประกายแวบผ่าน
“ฉันเดาถูกแล้ว เกี่ยวข้องกับคุณฟู่จริงๆด้วย”ฉู่หลิงเอ๋อยิ้มอย่างจิ้งจอกเจ้าเล่ห์
“ฉันว่าแล้วเชียว เห็นช่วงนี้คุณกินนอนด้วยกันกับคุณฟู่ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็อยู่ด้วยกันตลอดเวลา เหมือนกับแฝดสยามไม่มีผิด……”ฉู่หลิงเอ๋อไม่กลัวเรื่องจะบานปลายใหญ่โต ตรงกันข้าม ฉู่หลิงเอ๋อรู้สึกว่าเรื่องยิ่งใหญ่ยิ่งดี หากให้ไป๋หยูหนิงเห็นธาตุแท้ของเหมียวเหยียนตอนนี้จะเป็นการดีมากๆเลย
ฉู่หลิงเอ๋อเห็นเหมียวเหยียนโกรธแบบใกล้ระงับไม่อยู่แล้ว ดังนั้นเธอจึงจงใจเสริมไฟอีกนิด
เธอจงใจยั่วโมโหเหมียวเหยียน เธอจะดูว่าเหมียวเหยียนถูกเธอยั่วโมโหแล้วจะทำยังไง……
ต้องบอกว่ากระตุ้นอารมณ์โกรธของฉู่หลิงเอ๋อนี้ร้ายกาจมาก
แววตาฉู่หลิงเอ๋อเผยความตื่นเต้นดีใจหลายส่วน เธอรอชมละครเด็ดละครดังอยู่!!