ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1072 เป็นพ่อแท้ๆจริงๆ (3)
เฉิงหรวนหรวนชอบความรู้สึกเช่นนี้ที่สุด บัดนี้เธอลืมเลือนสิ่งที่ไม่ได้ดั่งใจเมื่อสักครู่แล้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ความหลงระเริงและความลำพองใจ
เฉิงโหรวโหรวยังมองวินลั่วฉิงกับฉู่หลิงเอ๋อเป็นครั้งคราวอย่างห้ามใจไม่ได้ แววตานั้นประกายแสงความโอ้อวดและกระหยิ่งใจอย่างฉายชัด
ดูเหมือนไป๋หยูไม่ได้ทำอะไร แค่อยู่ข้างๆเฉิงโหรวโหรวเท่านั้น
ทว่าอันที่จริงแผนการของเธอเริ่มดำเนินการแล้ว ดำเนินการแอบเงียบๆ
เพียงแต่เพราะไป๋หยิงปรับเปลี่ยนแผนการ การเคลื่อนไหวจึงไม่ค่อยโจ่งแจ้งนัก เวินลั่วฉิงยังไม่พบอะไรในขณะนี้
“เธอลำพองอะไรกัน?มีอะไรให้ลำพองใจ?ก็แค่องค์หญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้เอง?ทั้งองค์กรและหัวหน้าองค์กรนั้นเก่งกาจ แต่เธอมีอะไรหรือ?มีดีตรงที่มีพ่อเท่านั้นไม่ใช่หรือ?”ปกติฉู่หลิงเอ๋อก็ดูถูกคนประเภทฉู่หลิงเอ๋อ เมื่อเห็นฉู่หลิงเอ๋อมองเธอด้วยแววตาโอ้อวดก็อดหัวเราะร่วน
“พ่อของเธอไม่ใช่คนทั่วไปไง เธอบังเกิดเกล้าของเธอเป็นหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ ดังนั้น เธอยังมีคุณสมบัตินี้อยู่”ไป๋หยูหนิงก็ดูแคลนคนอย่างเฉิงโหรวโหรวเช่นกัน ลำพังสถานะนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เฉิงโหรวโหรวกระหยิ่มใจแล้ว
“ก?มีอะไรวิเศษวิโสกัน ท่าทางของเธอไม่เหมือนกับหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้เลย ไม่แน่ว่าจะหาผิดคนแล้วก็ได้ ถึงแม้ด้วยความสามารถของหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้จะมีความเป็นไปได้น้อยที่จะตรวจสอบผิดพลาด แต่โลกนี้ทุกอย่างก็ไม่แน่เสมอไป ใครจะรับรองได้ว่าไม่มีจุดรั่วไหลล่ะ?”ถึงแม้ฉู่หลิงเอ๋อจะมีอคติกับเฉิงโหรวโหรว แต่ฉู่หลิงเอ๋อรู้สึกจากใจจริงว่าลูกสาวองค์กรโกสต์ซิตี้ไม่น่าจะเป็นอย่างเฉิงโหรวโหรว
“ฉันรู้ว่าเธอขัดลูกกะตาคุณ แต่ไม่มีทางเป็นอย่างที่คุณพูดหรอก”สำหรับงานแล้วไป๋หยูหนิงจะเป็นคนใจเย็น โดยความรู้สึกส่งตัวจะไม่ส่งผลต่อการวิเคราะห์ของตัวเองแต่อย่างใด
ไป๋หยูหนิงรู้สึกว่าไม่มีทางเป็นอย่างที่ฉู่หลิงเอ๋อกล่าวอย่าแน่นอน
“ฉันก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ฉันก็รู้สึกว่าลูกสาวขององค์กรโกสต์ซิตี้ไม่น่าจะเป็นอย่างเธอเช่นนี้”ฉู่หลิงเอ๋อเบะปาก สีหน้าฉายความน่าสงสารหลายส่วน
“แล้วคุณคิดว่าลูกสาวหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ควรเป็นยังไง?”ไป๋หยูหนิงเห็นท่าทางของฉู่หลิงเอ๋อก็อดหัวเราะไม่ได้ บางครั้งฉู่หลิงเอ๋อก็เหมือนเด็กจริงๆ
“ฉันรู้สึกว่าลูกสาวหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ก็ต้องเหมือนฉิงฉิงของพวกเรา”ดวงตาฉู่หลิงเอ๋อเปล่งประกาย จากนั้นก็หันไปมองเวินลั่วฉิง พูดด้วยความมีเหตุมีผลหนึ่งประโยค
ถึงแม้ฉู่หลิงเอ๋อจะมีอย่างมีเหตุผล แต่พูดด้วยความรู้สึกส่วนตัวเป็นหลัก
แค่พูดลอยๆเท่านั้น ไม่ได้เอาจริงเอาจังแต่อย่างใด
ทว่าไป๋หยูหนิงได้ยินฉู่หลิงเอ๋อพูดก็อึ้งทันที ไป๋หยูหนิงมองไปยังเวินลั่วฉิงโดยที่ไม่ได้พูดอะไร และไม่ได้โต้เถียงฉู่หลิงเอ๋อเหมือนสองประโยคก่อนหน้านี้แล้ว
คุณฟู่ก็เงยหน้ามองเวินลั่วฉิงด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปเป็นแปลกประหลาดหลายส่วน
เดิมทีฉู่หลิงเอ๋อก็แค่พูดเรื่อยเปื่อยเท่านั้น แต่เมื่อเห็นการตอบสนองของทั้งสองคน สายตาของฉู่หลิงเอ๋อก็จดจ่ออยู่ที่เวินลั่วฉิง
“พวกคุณมองฉันอย่างนี้ทำไม?”เวินลั่วฉิงไม่ได้คิดอะไรมาก เห็นทุกคนมองตัวเองเช่นนี้ก็อดหัวเราะไม่ได้“ฉู่หลิงเอ๋อแค่พูดไปงั้นๆ ดูการตอบสนองของพวกคุณสิ?”
“ฉันรู้สึกว่าคำพูดของฉู่หลิงเอ๋อเข้าท่าดี ฉันรู้สึกว่าลูกสาวองค์กรโกสต์ซิตี้ก็ควรเป็นอย่างคุณนี่แหละ”ไป๋หยูหนิงเป็นคนใจเย็นสุขุมต่อเรื่องงาน ไม่ใช้ความรู้สึกเข้าแทรก แต่บัดนี้กลับคล้อยตามวาจาของฉู่หลิงเอ๋อ
“คุณก็ร่วมเล่นเหลวไหลกับหลิงเอ๋ออีกคนแล้ว”เวินลั่วฉิงอดส่ายหัวไม่ได้ สองคนนี้เริ่มพูดจริงจัง
ฉู่หลิงเอ๋อขมวดคิ้วเบาๆ จากนั้นก็กระซิบกับเวินลั่วฉิงกะทันหัน“ฉิงฉิง เวินจือฝางเป็นพ่อแท้ๆของคุณหรือเปล่า?แม่ของคุณเข้าใจผิดหรือเปล่า?”
ฉู่หลิงเอ๋อพูดติดตลก มีเจตนาล้อเล้นเท่านั้น
เวินลั่วฉิงได้ยินคำพูดของฉู่หลิงเอ๋อก็อึ้ง ครั้งก่อนด้วยเย่โป๋เหวินเป็นเหตุ เธอจึงตรวจดีเอ็นเอพิสูจน์ได้ว่าเวินจือฝางไม่ใช่พ่อแท้ๆของเธอ
ทว่าเธอบอกเรื่องนี้ให้เฉพาะเย่ซือเฉินกับถังหลินทราบ คนอื่นไม่ได้บอก
ตอนนี้ตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าพ่อบังเกิดเกล้าของตนคือใคร แต่เธอก็ไม่ได้ไปสืบสาวหาความจริงและไม่อยากจะสืบด้วย
คุณแม่จากโลกไปนานแล้ว จึงไม่รู้จะเริ่มสืบตรงไหนดี ยิ่งไปกว่านั้นก่อนที่คุณแม่จะลาโลกไป คุณแม่ให้เธอกลับไปอยู่ในบ้านตระกูลเวิน ซึ่งแสดงว่าคุณแม่ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องคุณพ่อมากเท่าไหร่
ส่วนพ่อแท้ๆของเธอหลายปีมานี้ก็ไม่เคยปรากฏกาย กระทั่งคุณแม่เสียชีวิตเขาก็ไม่ได้ปรากฏกาย เธอรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องไปหาคนนั้น
ทว่าถึงแม้เวินลั่วฉิงไม่รู้ว่าใครคือพ่อผู้ให้กำเนิดตัวเอง เธอก็ไม่คิดว่าหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้จะเกี่ยวข้องอะไรกับตน
“ฉิงฉิง ใจลอยอะไร?”ฉู่หลิงเอ๋อเห็นเวินลั่วฉิงไม่มีปฏิกิริยาใดๆครึ่งค่อนวัน จึงมองหน้าด้วยความสงสัย “คุณคิดอะไรอยู่?คิดซะเคลิ้มเชียว?”
“ไม่มีอะไร วันหลังไม่ต้องล้อเล่นอย่างนี้อีกนะ”ถึงแม้เวินลั่วฉิงจะไม่เคยสืบ และไม่เคยตามหาพ่อบังเกิดเกล้า แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่ใส่ใจเลยสักนิด
ถึงอย่างไรก็เป็นญาติที่ผูกพันทางสายเลือดกับเธอ เธอจะไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อยได้อย่างไร?
“ออ ไม่ล้อเล่นแล้ว ไม่ล้อเล่นแล้ว”ฉู่หลิงเอ๋อเห็นสีหน้าเข้มงวดของเวินลั่วฉิงก็รีบกล่าวคำขอโทษ“ฉิงฉิง ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดแล้ว คุณอย่าถือสาเลย”
ฉู่หลิงเอ๋อรู้เรื่องส่วนตัวของเวินลั่วฉิงดี ฉู่หลิงเอ๋อจึงคิดว่าถ้อยคำเมื่อสักครู่ทำร้ายจิตใจเวินลั่วฉิงเข้าซะแล้ว
“ฉันไม่เป็นอะไร”เวินลั่วฉิงไม่ได้เสียใจ เศร้าใจด้วยเรื่องในอดีต เธอรู้ว่าคุณแม่ไม่อยากเห็นเธอทุกข์ใจ สาเหตุที่คุณแม่ส่งไปอยู่ในบ้านตระกูลเวินก่อนเสียชีวิตก็เพราะต้องการให้เธอมีที่พึ่งพิง
ไม่ว่าสมาชิกคนอื่นในครอบครัวตระกูลเวินจะคิดเช่นไร แต่คุณปู่เวินนั้นจริงใจและเป็นห่วงเธอจริงๆ คุณแม่คงรู้จุดนี้ตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นจึงส่งเธอไปยังบ้านตระกูลเวิน
เวินลั่วฉิงไม่รู้ว่าคุณแม่ของเธอเคยไปหาพ่อแท้ๆตอนที่ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่เวินลั่วฉิงกับคุณแม่นั้นหลบเย่โป๋เหวินมาโดยตลอด สุดท้าย ทั้งๆที่คุณแม่รู้ว่าเธอไม่เคยลูกหลานบ้านตระกูลเวิน แต่ก็ไม่เคยคิดจะฝากฝังเธอไว้กับเย่โป๋เหวินเลย
ก่อนคุณแม่จะล้มป่วยหนัก ไม่ว่าจะลำบากยากเย็นเพียงใด คุณแม่ก็เลี้ยงดูเธอผู้เดียวเสมอ
เวินลั่วฉิงนึกถึงเรื่องราวในอดีตก็เหม่อลอยเล็กน้อย ดังนั้นเธอไม่ได้สังเกตเห็นว่า มีคนหนึ่งกำลังถ่ายรูปของเธอแล้วกระจายข่าวของเธอ พวกที่ได้รับข้อความต่างก็มองมายังเวินลั่วฉิงด้วยสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไป …