ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1074 ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ (2)
ตอนนี้กลายเป็นเรื่องเอิกเกริกแล้ว เวินลั่วฉิงก็ไม่ต้องระแวงด้านนี้อีกต่อไป
“คุณว่าอะไรนะ?ฆ่าปิดปากอะไรกัน?คุณมีอะไรคู่ควรให้พวกเราฆ่าคุณปิดปากล่ะ”ฉู่หลิงเอ๋อเบิกตากว้าง จ้องเขม็งผู้ชายคนนี้ ฆ่าปิดปากเหรอ?ผู้ชายคนนี้พูดซี้ซั้วอะไรกัน?
“ผมรู้ว่าเวินลั่วฉิงไม่อยากยอมรับเรื่องที่เคยทำเมื่อห้าปีก่อน ดังนั้นตอนที่ผมไปหาเธอแกล้งทำเป็นไม่รู้จักผม เธอไม่อยากให้เรื่องห้าปีก่อนถูกเปิดโปง ดังนั้นเลยอยากฆ่าปิดปาก”ผู้ชายคนนั้นมองเวินลั่วฉิงด้วยใบหน้าเคียดแค้น ฝีมือการแสดงสมจริงมาก
ฉู่หลิงเอ๋ออึ้ง เรื่องห้าปีก่อน?ผู้ชายคนนี้รู้เรื่องห้าปีก่อน?
ผู้ชายคนนี้หมายถึงเรื่องฉิงฉิงกับคุณชายสามเย่เหรอ?
เรื่องนั้นเกี่ยวพันหลายด้าน ไม่เหมาะที่จะเปิดเผยในสถานที่แบบนี้ ฉู่หลิงเอ๋อเม้มปาก ทว่าฉู่หลิงเอ๋อไหวพริบไว เธอนึกถึงแววตาที่ทุกคนมองเวินลั่วฉิง ซึ่งไม่เหมือนรู้เรื่องเวินลั่วฉิงกับคุณชายสามเย่เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเด็กผู้หญิงที่วิ่งมาเรียกฉิงฉิงว่าแม่โดยที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนอีก
ดังนั้นผู้ชายคนนี้ไม่ได้พูดถึงเรื่องฉิงฉิงกับคุณชายสามเย่แน่นอน
ฉู่หลิงเอ๋อนึกความเป็นไปได้อยู่หนึ่งอย่าง เพียงแต่ความเป็นไปได้นั้นพิสดารเกินไป เธอเองก็คลางแคลงใจว่าตัวเองคาดการณ์ผิดพลาดหรือไม่
“คุณแม่ค่ะ คุณเป็นคุณแม่ของฉัน……”เด็กอายุประมาณห้าขวบกอดขาเวินลั่วฉิงแนบแน่น มองเวินลั่วฉิงพลันพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนเยาว์ไร้เดียงสายิ่ง
อันที่จริงเด็กห้าขวบยังไม่ได้ประสีประสาอะไร คนอื่นพร่ำสอนเธออย่างไร เธอก็ทำตามอย่างนั้น
เด็กห้าขวบก็ไม่รู้ว่าการกระทำของตนจะส่งผลเสียต่อผู้อื่นเช่นไรบ้าง
เวินลั่วฉิงมองนัยน์ตาใสซื่อของเด็ก พลางยิ้มเบาๆ เธอรู้ว่าเด็กเป็นผู้บริสุทธิ์ ดังนั้นเธอไม่มีทางใส่อารมณ์กับเด็กคนนี้หรอก
ฉู่หลิงเอ๋อเห็นเวินลั่วฉิงไม่อธิบาย ทางตรงกันข้ามยังส่งยิ้มให้เด็กอีก เธอจึงรู้สึกร้อนใจ เกรงว่าฉิงฉิงแสดงท่าทีเช่นนี้จะทำให้คนเข้าใจผิดได้?
ทว่าฉู่หลิงเอ๋อก็รู้ว่าเด็กคนนี้อายุน้อยมาก คงพูดอะไรกับเด็กไม่รู้เรื่องหรอก
ฉู่หลิงเอ๋อจึงอยากกล่อมเด็กไปอีกทาง
“ใช่ เธอคือแม่ของหนู เธอคลอดหนูแล้วแต่ไม่เลี้ยงดูหนู ทั้งยังไม่ยอมรับหนูอีก หนูใกล้จะห้าขวบแล้ว เธอก็ไม่เคยมาเยี่ยมหนูสักครั้งเลย”เพียงแต่ฉู่หลิงเอ๋อยังไม่ได้เข้าใกล้ตัวเด็ก ผู้ชายที่กระพือข่าวเมื่อสักครู่ตะโกนพูดอีกครั้ง
ผู้คนได้ยินถ้อยคำของผู้ชาย ต่างพากันมองเวินลั่วฉิงด้วยแววตาที่เปลี่ยนไปอย่างเด่นชัด
“คุณพูดเหลวไหลอะไร?ไม่มีหลักฐานอะไรก็พูดมั่วๆ”ฉู่หลิงเอ๋อหยุดเดิน หันไปมองผู้ชายคนนั้น คนรนหาที่ตายคนนี้มาจากไหนกัน?
“ใครบอกว่าผมไม่มีหลักฐาน ผมมีหลักฐาน และไม่ได้มีหลักฐานเดียวด้วย”ผู้ชายคนนั้นเดินมายังศูนย์กลางห้องโถง สีหน้าลำพองใจยิ่ง
เวินลั่วฉิงเงยหน้ามองผู้ชายแวบหนึ่ง ทว่าไม่ได้พูดอะไร อารมณ์ทางใบหน้าก็ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆทั้งสิ้น
“คุณมีหลักฐานอะไร?”ฉู่หลิงเอ๋อเป็นคนใจร้อน ไม่อาจอดกลั้นได้ และฉู่หลิงเอ๋อไม่เข้าใจจริงๆว่าผู้ชายคนนี้ถือดีเช่นไรถึงพูดอย่างนี้?
ผู้ชายคนนี้บอกว่าเด็กคนนี้คือลูกของฉิงฉิง?ทำไมเขาถึงกล้าพูดอย่างนี้?
เรื่องอย่างนี้จะพูดเรื่อยเปื่อยได้หรือไร?
บัดนี้ไป๋หยูหนิงไม่ได้อยู่ห่างจากผู้ชายคนนี้มากนัก เธออยากถีบเขาตายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ผู้ชายคนนี้พูดเหลวไหลเห็นๆ ช่างไร้ยางอาย น่าขยะแขยงยิ่งนัก
ทว่าเวลานี้ไป๋หยูหนิงยังพอจะใจเย็นอยู่ เมื่อสักครู่ผู้ชายคนนี้เอ่ยคำว่าฆ่าปิดปาก หากเธอทำอะไรกับผู้ชายคนนี้จริงๆ ไม่เพียงแต่ช่วยฉิงฉิงไม่ได้ ทั้งยังเป็นการทำร้ายฉิงฉิงอีกด้วย
ถึงแม้ไป๋หยูหนิงจะรู้สึกโกรธขึ้ง แต่ก็ยังคงข่มอารมณ์ไว้ ไป๋หยูหนิงเดินกลับหาเวินลั่วฉิง
“ฉิงฉิง ดูเหมือนคนนี้เตรียมละครชุดใหญ่ไว้นะ”ไป๋หยูหนิงรับรู้ได้ว่าเรื่องวันนี้ไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้เธอคิดง่ายเกินไป
“อืม เป็นละครชุดใหญ่จริงๆ”เวินลั่วฉิงหันไปมองไป๋หยูหนิงด้วยสีหน้าราบเรียบดั่งก้อนเมฆล่องลอย สายลมพัดโบก
อันที่จริงเวลานี้เวินลั่วฉิงเองก็ไม่รู้ว่าหลักฐานที่ผู้ชายแอบอ้างคืออะไร เวินลั่วฉิงรู้จักเล่ห์กลของไป๋หยิงดี ดังนั้นจึงรู้ว่าเรื่องวันนี้ไม่ธรรมดา ณ ตอนนี้ผู้ชายกล้าโวยวายขนาดนี้ คาดว่าในมือคงจะมีสิ่งที่เรียกว่า‘หลักฐาน’จริงๆ
ทว่าถึงจะเป็นแบบนี้ เธอก็ยังคงใจเย็นเฉกเช่นปกติ หรืออาจจะพูดว่า ยิ่งเป็นแบบนี้เธอยิ่งต้องใจเย็น
“เรื่องเด็กคนนี้เป็นยังไงกันแน่?”ไป๋หยูหนิงมองเด็กที่ยังคงกอดขาเวินลั่วฉิงอยู่
“คงไม่เคยเห็นแม่ของตัวเอง ดังนั้นจึงถูกใช้เป็นเครื่องมือ”เวินลั่วฉิงมองไปยังเด็กผู้หญิงอีกครั้ง เด็กอายุน้อยมาก ไม่รู้เหนือรู้ใต้ ผู้ใหญ่สอนสั่งเช่นไรเธอก็ต้องทำตามเช่นนั้นอยู่แล้ว
ทว่าบางครั้งการกระทำของเด็กจะยิ่งน่าเชื่อถือกว่า อย่างเช่นเวลานี้เด็กผู้หญิงอุ้มเธอแล้วขานเรียกว่าคุณแม่ เหตุการณ์เช่นนี้เพียงพอให้ผู้คนเชื่อได้แล้ว
เพราะอย่างไรเสียทุกคนก็รู้ว่าเด็กเล็กเท่านี้ไม่มีทางพูดปดเด็ดขาด
“คุณแม่ คุณแม่……”เด็กผู้หญิงกอดเวินลั่วฉิงแนบแน่นไม่อยากปล่อยมือ พลางเรียกคุณแม่ไม่หยุดหย่อน ภายในน้ำเสียงมีความปรารถนาอย่างยิ่งยวด
ไป๋หยูหนิงแอบถอนหายใจหนึ่งเฮือก หากเป็นเช่นนี้ คงเป็นไปไม่ได้ที่จะเสาะหาความจริงกับเด็กผู้หญิงคนนี้
“เกิดอะไรขึ้น?นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”คุณนายเหว้ยที่ทราบเรื่องก็รีบมา เมื่อเห็นภาพตรงหน้าก็อึ้งไปถนัดตา โดยเฉพาะเวลาที่เห็นเด็กผู้หญิงกอดเวินลั่วฉิงแน่นๆแล้วเรียกว่าคุณแม่ ทันใดนั้นคุณนายเหว้ยมีความรู้สึกบางอย่างที่ว่าไม่รู้ว่าอยู่แห่งหนใด
ท่านรู้ว่าฉิงฉิงมีลูก แต่ไม่ใช่เด็กผู้หญิงคนนี้อย่างแน่นอน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
“ขอโทษด้วยค่ะคุณน้า เกรงว่าจะสร้างความวุ่นวายให้ท่านอีกแล้วนะคะ”เวินลั่วฉิงแอบถอนหายใจ มองคุณนายเหว้ยด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิด หากรู้แต่แรกว่าจะเกิดเรื่องมากมายเช่นนี้ วันนี้เธอก็จะไม่มาร่วมงานแล้ว
เพราะเป็นงานเลี้ยงพิเศษที่จัดขึ้นเพื่อฉลองมู่หรงดัวหยางเข้าบริหารในบริษัทเว้ยคังกรุ้ป ตอนนี้ดูท่าจะถูกเธอทำลายงานซะแล้ว
“พูดโง่ๆอะไรกันจ๊ะ”คุณนายเหว้ยพึ่งเดินมาถึง ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ท่านได้ยินว่าเด็กผู้หญิงที่อุ้มเวินลั่วฉิงเรียกว่าคุณแม่ คุณนายเหว้ยก็รู้ว่าเรื่องวันนี้ไม่ได้ง่ายๆเสียเลย
คุณนายเหว้ยยังเข้าใจว่า เกิดเรื่องมากมายในงานเลี้ยงวันนี้ เกรงว่าคงไม่อาจดำเนินงานเลี้ยงได้อย่างราบรื่นแล้วละ
ทว่าท่านไม่มีทีท่าโกรธเคืองเวินลั่วฉิงเลยสักนิดเดียว ท่านรู้ว่าไม่ใช่ความผิดของฉิงฉิงของท่านแต่อย่างใด
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?ใครเป็นคนก่อกวน?”คุณนายเหว้ยตบมือเวินลั่วฉิงเบาๆ จากนั้นก็หันไปมองผู้คน บัดนี้น้ำเสียงของคุณนายเหว้ยเผยความจริงจังหลายส่วน“ก่อกวนในงานเลี้ยงตระกูลเหว้ยของพวกเราติดต่อกันหลายครั้ง ทำไม?รู้สึกว่าตระกูลเหว้ยของพวกเรารังแกง่ายหรือ?”
ประโยคนี้ของคุณนายเหว้ยเรียกได้ว่าไม่เกรงใจอะไรทั้งสิ้นแล้ว แน่นอนเจตนาออกหน้าแทนเวินลั่วฉิงนั้นเด่นชัดมาก
ผู้ชายที่กระพือข่าวของเวินลั่วฉิงเมื่อสักครู่นี้เห็นอากัปกิริยาของคุณนายเหว้ยร่างกายก็อดขดตัวไม่ได้ เห็นได้ชัดว่ารู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย
เพราะกินปูนร้องท้อง ทว่าเขานึกได้ว่าองค์กรโกสต์ซิตี้เป็นคนมาหาเขา ส่วนลึกของหัวใจก็เกิดความกล้าหาญเล็กน้อย มีองค์กรโกสต์ซิตี้คอยหนุนหลัง เขามีอะไรต้องกลัวกัน
“คุณนายเหว้ย พวกเรารู้ว่าท่านปกป้องคุณเวิน แต่เรื่องที่คุณเวินก่อขึ้นเอง ไม่ว่าคุณจะปกป้องอย่างไรก็ไร้ประโยชน์นะคะ”คุณนายใส่เสื้อสีแดงชาด แต่งหน้าเข้มหนาเอ่ยปากพูด ระหว่างที่เธอพูดยังมองเวินลั่วฉิงอย่างจงใจแวบหนึ่ง แววตาที่ถากถางเหยียดหยามนั้นไม่ได้ปิดบังได้
“พวกคุณว่าจริงหรือเปล่า?”คุณนายคนนี้หันไปมองผู้หญิงคนอื่น อยากให้คนอื่นเห็นดีเห็นงามด้วย
ก่อนหน้านี้ผู้หญิงเหล่านี้วิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้อย่างเมามันกันทุกคน
ทว่าตอนนี้ผู้หญิงเหล่านั้นเห็นสายตาของคุณนายเหว้ยก็ไม่กล้าส่งเสียงคล้อยตามคุณนายคนนี้ แต่ละคนพากันถอยหลังหลายก้าวด้วยจิตใต้สำนึก เห็นได้ชัดว่าไม่อยากแกว่งเท้าหาเสี้ยน
ไม่มีใครกล้าบาดหมางกับบริษัทคังเว้ยกรุ้ปในเมืองจิ๋นเลย ยิ่งไม่อยากเป็นอริกับคุณนายเหว้ย
“พวกคุณกลัวอะไรกัน?เมื่อกี้พวกคุณพูดน้ำไหลไฟดับอยู่เลยไม่ใช่หรือ?”คุณนายวัยกลางคนเห็นแต่ละคนรู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหางก็โมโหอยากก่นด่า ทว่าก็ยังอดเก็บกลั้นไว้
เพราะสถานที่แบบนี้จำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์ไว้ด้วย
“คุณนายหลี่ เรื่องเป็นยังไงกันแน่ คุณพูดให้ชัดเจนด้วย?”ดวงตาคุณนายเหว้ยจดจ่ออยู่กับคุณนายวัยกลางคนคนนี้ เห็นได้ชัดว่าคนอื่นไม่อยากพูดอะไร แต่คุณนายหลี่ดันเสนอหน้า ในใจคุณนายเหว้ยรู้ดีว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้ คิดจะกลบเกลื่อนโดยไม่กระจ่างแจ้งเห็นทีคงจะไม่ได้ซะแล้ว