ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1075 ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ เทพธิดาออกโรงแล้ว (1)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- บทที่ 1075 ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ เทพธิดาออกโรงแล้ว (1)
“คุณนายหลี่ เรื่องเป็นยังไงกันแน่ คุณพูดให้ชัดเจนด้วย?”ดวงตาคุณนายเหว้ยจดจ่ออยู่กับคุณนายวัยกลางคนคนนี้ เห็นได้ชัดว่าคนอื่นไม่อยากพูดอะไร แต่คุณนายหลี่ดันเสนอหน้า ในใจคุณนายเหว้ยรู้ดีว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้ คิดจะกลบเกลื่อนโดยไม่กระจ่างแจ้งเห็นทีคงจะไม่ได้ซะแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นคุณนายเหว้ยเองก็ไม่อยากกลบเกลื่อนเรื่องนี้อย่างไม่กระจ่างด้วย เพราะมันไม่เป็นผลดีต่อฉิงฉิงเอาซะเลย
ท่านจำเป็นต้องรู้ต้นสายปลายเหตุก่อนถึงจะมีวิธีรับมือที่เด็ดกว่า และจะได้หาวิธีสะสางปัญหาด้วย ถึงจะเป็นการช่วยเหลือฉิงฉิงอย่างแท้จริง
ตอนนี้คุณนายเหว้ยไม่อาจคำนึกว่างานเลี้ยงจะดำเนินการอย่างราบรื่นต่อไปได้หรือไม่ ตอนนี้ท่านกำลังคิดหาหนทางที่เป็นประโยชน์ต่อฉิงฉิงมากที่สุด
ฉู่หลิงเอ๋อได้ยินคำพูดของคุณนายเหว้ย ดวงตาทั้งคู่ก็รีบมองไปยังคุณนายหลี่ เธอเองก็อยากรู้มากว่าคนนี้กระจายข่าวอะไร
ไม่เพียงแต่ฉู่หลิงเอ๋อเท่านั้นที่อยากรู้ กระทั่งไป๋หยูหนิงก็ด้วย แน่นอนเวินลั่วฉิงก็ประหลาดใจเล็กน้อย ไม่รู้ว่าไป๋หยิงให้คนนี้กระพือข่าวอะไร
ทว่าเวินลั่วฉิงพอจะทายได้ว่าต้องเกี่ยวกับเรื่องห้าปีก่อนแน่ๆ
เรื่องที่เกิดขึ้นห้าปีก่อนเป็นแผนการของไป๋หยิง ตอนนี้เธอโดนวางยา ตอนแรกคือหมดสติไม่รู้เรื่องอะไร ซึ่งระหว่างที่เธอหมดสติ ไป๋หยิงกับผู้ชายหลายคนก็อยู่ในห้องด้วย เวินลั่วฉิงไม่รู้ว่าตอนที่เธอสลบ ไป๋หยิงทำอะไรบ้าง
ต่อมาเธอก็หนีเข้าไปในห้องของเย่ซือเฉิน ซึ่งเหตุการณ์ต่อจากนั้นเธอเองก็ไม่รู้ตัวเลยสักนิด
พวกนี้อาจกลายเป็นพิษภัยได้
เดิมทีเวินลั่วฉิงคิดว่าเรื่องนี้จบไปตั้งนานแล้ว คาดไม่ถึงว่าผ่านมาห้าปีจะเกิดกระแสคลื่นลมได้อีก
อีกทั้งเวลานี้เธอยังเป็นฝ่ายรับอีกต่างหาก
ดังนั้นข่าวที่ไป๋หยิงให้คนเผยแพร่กลายเป็นกุญแจสำคัญของเรื่อง
“เรื่องที่เธอทำเอง เธอรู้ดีกว่าใคร คุณนายเหว้ยให้เธอพูดเองสิค่ะ……”คุณนายหลี่มองเวินลั่วฉิงด้วยแววตาดูถูกเหยียดหยามอย่างฉายชัดอีกครั้ง
“คุณนายหลี่ สิ่งที่ท่านพูดเกรงว่าจะไม่ใช่การกระทำของฉิงฉิงนะ แต่มีคนจงใจปรักปรำ ดังนั้นจึงเชิญคุณนายหลี่พูดสักหน่อย”คุณนายเหว้ยแทรกบทพูดของคุณนายหลี่ บัดนี้ท่าทางคุณนายเหว้ยนั้นชัดเจนเกินพอแล้ว ท่านเชื่อมั่นใจตัวเวินลั่วฉิงเป็นอย่างยิ่ง
“ปรักปรำหรือ?หลักฐานคามือ ดูก็รู้ว่าเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่การปรักปรำอะไรทั้งนั้น”คุณนายหลี่เบะปากอย่างเด่นชัด “พวกเรามีตา รู้ดำรู้แดงดี”
“หากคุณนายเหว้ยไม่เชื่อก็ดูเองเถอะค่ะ”ระหว่างที่คุณนายหลี่พูดก็หันไปมองผู้ชายปลิ้นปล้อนคนนั้น “หลักฐานอยู่ในมือเขาค่ะ”
“หลักฐานอะไร?”คุณนายเหว้ยรีบหันไปมองผู้ชายปลิ้นปล้อนคนนั้นด้วย น้ำเสียงเคร่งขรึมชั่วพริบตา“นายปล่อยข่าวปรักปรำฉิงฉิงยังไง?”
“คุณนายเหว้ยผมไม่ได้ปรักปรำนะ ผมพูดความจริง”ณ ตอนนี้ผู้ชายปลิ้นปล้อนมีความกล้าหาญเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเสแสร้งหรือเป็นจริง สรุปก็คือดูแล้วมีความกล้าเล็กน้อยจริงๆ
“งั้นนายลองบอกความจริงที่นายว่ามาสิ ไม่ต้องเก็บซ่อนอะไรทั้งนั้น และไม่ต้องแอบให้คนอื่นดูลับๆด้วย เอาออกมาดูกันซึ่งๆหน้าเลย”คุณนายเหว้ยเป็นผู้เฉลียวฉลาด ถึงแม้ก่อนหน้านี้ท่านจะไม่เข้าใจเหตุการณ์ แต่รู้ดีว่าผู้ชายคนนี้ต้องให้คนอื่นดูของในมือหลายคนแล้ว
ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่ตอนนี้จะสยบข่าว ถึงแม้จะทำได้สำเร็จ แต่ก็จะยิ่งทำให้คนสงสัยมากขึ้น ซึ่งทำปล่อยให้คนอื่นใช้เป็นข้ออ้างในการทำลายฉิงฉิงได้
ดังนั้นไม่สู้ทำความเข้าใจให้หมด จากนั้นค่อยหาทางแก้ไขจะดีกว่า จะได้คืนความบริสุทธิ์ให้แก่ฉิงฉิง
ท่านไม่เชื่อว่าเรื่องปลอมจะกลายเป็นจริงได้
คนที่ได้ดูหลักฐานในมือผู้ชายก่อนหน้านี้ เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายเหว้ยก็ต้องตะลึงพรึงเพริด คาดไม่ถึงว่าคุณนายเหว้ยจะเปิดเผยสู่สายตาผู้คนในสถานการณ์เช่นนี้ หากถูกเปิดเผยเมื่อไหร่ต้องไม่เป็นผลดีต่อเวินลั่วฉิงแน่
ก่อนหน้านี้คุณนายเหว้ยปกป้องเวินลั่วฉิงเสียขนาดนั้น ทำไมตอนนี้ถึงทำเช่นนี้กัน?
ผู้ชายคนนี้ก็อึ้งเช่นกัน มองคุณนายเหว้ยด้วยความฉงนใจ ตามไม่ทันไปชั่วขณะ
“เอาออกมาเถอะ ไม่ต้องซ่อนแล้ว”คุณนายเหว้ยเห็นผู้ชายคนนี้อึ้งจนไม่เคลื่อนไหว มุมปากเผยความเย้ยหยันหลายส่วน
ผู้ชายปลิ้นปล้อนกะพริบตารัวๆ ภารกิจของเขาในวันนี้ก็คือกระจายวิดีโอที่อยู่ในมือของตน โดยพยายามให้คนเห็นมากที่สุด แน่นอน ทางที่ดีคือให้นักข่าวที่มาร่วมงานเห็นด้วย จะได้เปิดเผยสู่สาธารณชนเลยทีเดียว
ซึ่งข้อเรียกร้องของคุณนายเหว้ยตรงกับความต้องการเขามาก เขาไม่มีทางปฏิเสธอยู่แล้ว ผู้ชายปลิ้นปล้อนเอามือถือออกมายื่นให้กับคุณนายเหว้ย “หลักฐานอยู่ในนี้ทั้งหมด”
“ดี หากพวกนี้ไม่ใช่ความจริง ฉันจะให้นายเจอดีแน่”คุณนายเหว้ยไม่ได้รับมือถือทันทีทันใด แต่เป็นการยิ้มเย็นเยียบใส่เขา
มือผู้ชายที่จับมือถือสั่นสะท้านอย่างเด่นชัด จนมือถือเกือบร่วงหล่นลงพื้น
“คุณนายเหว้ย จริงหรือเท็จยังไง แค่ให้ทุกคนดูก็รู้กันหมดไม่ใช่หรือ?”ไป๋หยิงที่ยืนอยู่ในฝูงคนเดินเข้ามา ใบหน้าเธอประดับรอยยิ้มไว้ เพียงแต่แววตาที่มองมายังเวินลั่วฉิง กลับเจือความโหดเหี้ยมดุจงูพิษ
ผู้ชายที่ถดถอยเล็กน้อยยืนตัวตรงขึ้น พลางยื่นมือถือไปด้านหน้า
“ในเมื่อจะดู งั้นก็ให้ทุกคนดูด้วยกันเลยสิ งั้นฉายบนจอใหญ่เสียเลย ทุกคนจะได้ดูชัดๆ”เฉิงโหรวโหรวข่มกลั้นอารมณ์ไม่อยู่ เดิมทีแผนการพวกเธอก็คือเปิดวิดีโอบนจอใหญ่อยู่แล้ว เพียงแต่ต่อมาเกิดเรื่องขึ้นเล็กน้อย พวกเธอจึงเปลี่ยนแผนเพื่อความปลอดภัย
ในเมื่อตอนนี้คุณนายเหว้ยต้องการดูให้กระจ่าง งั้นก็เปิดดูบนจอใหญ่บนเวทีเถอะ
คุณนายเหว้ยหันไปมองเฉิงโหรวโหรว พลางถลึงตาใส่เฉิงโหรวโหรว มุมปากยกโค้งขึ้นเล็กน้อย “องค์หญิงองค์กรโกสต์ซิตี้หรือ?”
“ใช่ ฉันคือองค์หญิงองค์กรโกสต์ซิตี้”เฉิงโหรวโหรวชื่นชอบสถานะของเธอในตอนนี้เป็นอย่างยิ่ง เธอชอบท่าทางที่เคารพเทิดทูนของคนอื่นที่สุด
“ถึงแม้ฉันไม่เคยเห็นหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ แต่ฉันก็เคยได้ยินเรื่องของเขามานับต่อนับแล้ว”คุณนายเหว้ยยังคงมองมายังเฉิงโหรวโหรว มุมปากที่ยกโค้งขึ้นเผยรอยยิ้มออกมา“หัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้มีลูกสาวอย่างคุณ ฉันรู้สึกขายหน้าแทนเขาเหลือเกิน”
คุณนายเหว้ยมีสมญานามว่าเป็นนักฝีปากกล้า คนที่ไม่เข้าตาท่านหรือเรื่องที่ไม่ถูกใจท่าน ปกติท่านจะถกเถียงกลับไปทันที ซึ่งคนในเมืองจิ๋นคุ้นชินเป็นอย่างดี
ทว่าไม่มีใครนึกถึงว่าคุณนายเหว้ยถึงกล้าปะทะฝีปากกับองค์หญิงองค์กรโกสต์ซิตี้ แถมยังพูดจาไม่น่าฟังขนาดนี้อีก
อันที่จริง คนส่วนมากในงานเลี้ยงก็ดูแคลนท่าทางจอมปลอมเฉิงโหรวโหรวเช่นกัน ถึงกระนั้นเฉิงโหรวโหรวก็เป็นองค์หญิงองค์กรโกสต์ซิตี้ จึงไม่มีใครกล้าสร้างความเคืองใจ ดังนั้นตั้งแต่เริ่มงานเลี้ยงจนถึงตอนนี้ ทุกคนก็ชื่นชมเฉิงโหรวโหรวโดยที่ขัดต่อความรู้สึกตัวเอง
ถ้อยคำของคุณนายเหว้ยถือว่าพูดแทนใจทุกคน องค์หญิงองค์กรโกสต์ซิตี้ไม่ได้วิเศษวิโสอะไรจริงๆ
ท่าทางเสแสร้ง เห่อกับคำสรรเสริญลาภยศ ไม่มีอะไรดี หัวจรดเท้าก็มีแต่ท่าทางและราศีคนชั้นต่ำ
“คุณหมายความว่ายังไง?คุณกล้าด่าฉัน?”เดิมทีเฉิงโหรวโหรวก็เป็นคนไร้สมองอยู่แล้ว แถมเธอยังให้ความสำคัญกับการมองของคนอื่นด้วย เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายเหว้ย“คุณกล้าด่าฉันหรือ ฉันคือองค์หญิงองค์กรโกสต์ซิตี้เชียวนะ”
คำพูดของเฉิงโหรวโหรวขณะนี้เป็นการลดคุณค่าของตัวเองอย่างแท้จริง
ทว่า ถึงอย่างไรเธอก็เป็นองค์หญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้ ไม่ได้ใครไม่ยำเกรงอำนาจขององค์กรโกสต์ซิตี้เลย ดังนั้นวินาทีนี้ทุกคนเริ่มเป็นห่วงคุณนายเหว้ยขึ้นมา
“องค์หญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้?”คุณนายเหว้ยกลับหัวเราะเยาะออกมาเสียงดัง“คนอื่นกลัวคุณ แต่ฉันไม่กลัว องค์หญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้ คุณมาปั่นป่วนในงานเลี้ยงของตระกูลเหว้ยมีเจตนาอะไรกันแน่?ให้ฉันส่งคุณไปตรวจสอบให้แน่ชัดที่สถานีตำรวจไหม?”
“ฉัน ฉันสร้างความปั่นป่วนตอนไหน……”เฉิงโหรวโหรวใจหายใจคว่ำกับฤทธิ์เดชของคุณนายเหว้ย เมื่อเธอได้ยินว่าไปสถานีตำรวจ ในใจเธอก็ยิ่งกลัว เป็นความกลัวแบบฉบับกินปูร้อนท้อง
เพราะพวกเธอบ่งการสร้างความวุ่นวายจริงๆ
ทุกคนเห็นท่าทางของเฉิงโหรวโหรวก็อึ้ง คนนี้คือองค์หญิงองค์กรโกสต์ซิตี้หรือ?
ทำไมไร้น้ำยาขนาดนี้?
แค่นี้ก็หวาดหวั่นแล้วหรือ?
“หากองค์หญิงไม่ได้ก่อเรื่องก็ดีที่สุด หากฉันสืบได้ว่าเรื่องวันนี้เกี่ยวข้องกับองค์หญิง ถึงแม้จะเป็นองค์กรโกสต์ซิตี้ก็ต้องให้คำอธิบายเรื่องนี้กับฉันด้วย”ปกติคุณนายเหว้ยเป็นคนแข็งแกร่งจนไม่กลัวฟ้ากลัวดินอยู่แล้ว ถึงองค์กรโกสต์ซิตี้จะเก่งกาจเพียงใด เพื่อฉิงฉิงแล้ว เรื่องนี้จะปล่อยให้ผ่านไปไม่ได้
“คุณนายเหว้ยองค์หญิงของพวกเราแค่มาร่วมงานเลี้ยง จะสร้างปัญหาในงานได้อย่างไร เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเราค่ะ”ไป๋หยิงเห็นท่าทางของเฉิงโหรวโหรวแล้ว แทบอยากจะฆ่าเฉิงโหรวโหรวทิ้งเลย ช่างเป็นลาโง่ที่ไม่เคยทำสิ่งใดสำเร็จ มีแต่ความพ่ายแพ้อย่างเดียว