ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1116 การต่อสู้ของถังจื่อโม่ คือพ่อทูนหัว คือปีศาจตัวน้อย(1)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- บทที่ 1116 การต่อสู้ของถังจื่อโม่ คือพ่อทูนหัว คือปีศาจตัวน้อย(1)
แน่นอนว่าถังจื่อโม่เองก็คิดว่าตัวเองน่าจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อนดีที่สุด
ที่น้องสาวพูดนั้นถูก เขาต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อนถึงจะรู้ว่าเย่ซือเฉินต้องการจะทำอะไร เขาต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อนถึงจะควบคุมทุกอย่างเอาไว้ได้
เขาจะอยู่เฉยๆแบบนี้ไม่ได้ เขาก็ไม่อยากที่จะต้องหลบอยู่แต่ในห้องแบบนี้ เขาหลบอยู่แต่ในห้องมาสองวันกับอีกหนึ่งคืนแล้ว เขาอึดอัดจะตายอยู่แล้ว ยังดีที่มีน้องสาวอยู่เป็นเพื่อน
เด็กน้อยถังจื่อโม่รู้ดีว่าแอบซ่อนตัวอยู่แบบนี้ไม่ใช่วิธีที่ดีอะไร อีกทั้ง เขาก็ซ่อนตัวได้ไม่นานหรอก
“เยี่ยมไปเลย”ถังจื่อซีได้ยินที่พี่ชายตัวเองตอบรับ จากหน้าตาที่น้อยใจทันใดนั้นก็ยิ้มแย้มออกมา ดีจริงๆ ในที่สุดพี่ชายก็จะได้เจอกับพ่อแล้ว
อันที่จริงแล้วสองสามวันที่ผ่านมานี้พ่อก็ได้ส่งข้อความมาหาเธอและได้ถามเธอถึงเรื่องของพี่ชายด้วย แน่นอนว่าพ่อไม่รู้สถานะของพี่ชาย พ่อถามเธอแค่ว่าที่บ้านตระกูลถังยังมีบุคคลอื่นอีกหรือเปล่า
เธอเข้าใจความหมายที่พ่ออยากจะสื่อ อันที่จริงเธอก็อยากจะบอกพ่อ แต่เพราะพี่ชายได้กำชับเอาไว้ว่าอย่าบอกพ่อ เธอพูดไม่ได้ และก็ไม่อยากจะโกหกพ่อด้วย เพราะฉะนั้นในหลายวันมานี้เธอก็แทบจะไม่คุยกับพ่อเท่าไร
ในช่วงสองสามวันนี้เธออึดอัดแทบตาย
“พี่ค่ะ งั้นเราออกไปตอนนี้กัน ให้พวกเขาเห็นพี่”ถังจื่อซีพูดแล้วก็ทำเลย ดึงมือพี่ชายตัวเองออกมาทันที
เมื่อวานตอนที่ลุงกลับมาก็บอกพี่ว่าด้านนอกของคฤหาสน์ตระกูลถังมีคนแอบซุ่มดูอยู่ ลุงบอกว่าคนพวกนี้เป็นคนของเย่ซือเฉิน มาเพื่อหาตัวพี่ชาย
หลังจากนั้นพี่ก็ปิดประตูหน้าต่างผ้าม่านทุกบานเพื่อไม่ให้ใครได้เห็น จากนั้นก็เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง เพราะฉะนั้นคนของพ่อจึงไม่เห็นพี่ชายของเธอ
ขอแค่พี่ชายเธอออกไปจากห้องนี้ คนของพ่อก็จะเห็นพี่ชายของเธอแน่นอน
ถังจื่อโม่เห็นใบหน้าดีอกดีใจของน้องสาว ใบหน้าที่กระตือรือร้น มุมปากของเขาอดไม่ได้ที่จะกระตุก เจ้าเด็กคนนี้เมื่อกี้แค่แกล้งหรอกเหรอ ดูก็รู้ว่าเธอจงใจ
แต่ยังไงเสีย ครั้งนี้ถังจื่อโม่ไม่ได้ปฏิเสธ แต่ถังจื่อโม่ไม่ได้ให้ถังจื่อซีออกไปพร้อมเขา แต่เลือกเดินออกไปคนเดียว เพราะยังไงเขาก็เป็นแค่เด็กอายุห้าขวบ ความอดทนของเด็กก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน เขาก็ไม่อยากที่จะหลบซ่อนตัวอยู่แต่ในห้องตลอดเวลา
“เฮ้ เจอแล้ว……”ถังจื่อโม่ที่เดินออกจากห้องได้ไม่นาน คนที่ใช้เครื่องตรวจจับสัญญาณระยะไกลทางด้านนอกของตระกูลถังก็สังเกตเห็นทันที
“เกิดอะไรขึ้น?”เดิมทีจากที่ต่างคนต่างทำงานของตัวเอง ตรวจเช็กอย่างละเอียดอีกรอบแล้วจะถอนตัวกลับเมื่อได้ยินเสียงให้สัญญาณ ต่างก็ล้อมวงกันเข้ามา“เห็นแล้วเหรอ ? เห็นอะไร ? ”
“เห็นคนแปลกหน้า ไม่น่าจะใช่คนของตระกูลถัง อย่างน้อยก็ไม่ใช่หนึ่งในคนที่ท่านกู้ให้พวกเขาดูรูปคนในครอบครัวตระกูลถัง”ชายคนนั้นได้ส่งภาพหน้าจอมอนิเตอร์ให้คนที่เหลือได้ดู“พวกนายดูสิ ที่ตรงโถงทางเดิน ”
“นี่มันก็แค่เด็กคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ?” ทุกคนที่เห็นหน้าจอมอนิเตอร์ต่างก็ตกตะลึง “นี่คือหาเจอแล้วเหรอ ? ที่ลูกพี่ให้หาไม่ใช่เด็ก”
“แต่ทำไมตระกูลถังถึงมีเด็กเล็กแบบนี้ได้ ?”ใครบางคนอดไม่ได้ที่จะถามคำถามออกมา
เรื่องของถังจื่อซี คุณชายสามเย่ไม่ได้ป่าวประกาศให้คนนอกได้รู้ คนในองค์กรยมบาลนอกจากกู้หวูแล้ว คนอื่นก็ไม่มีใครรู้
เพราะฉะนั้นเรื่องที่คุณชายสามเย่มีลูกแล้วพวกเขาเองก็ไม่รู้เช่นกัน!!
“ก็ใช่นะสิ ตระกูลถังมีเด็กเล็กอย่างนี้ได้ยังไง ? แล้วเด็กนี่เป็นลูกของใครกัน ? ”
“คงไม่ใช่ลูกคนที่สองของถังหยุนเฉิงหรอกนะ ? ใครบางคนพูดอย่างทีเล่นทีจริงออกมา
“คุณนายถังอายุห้าสิบแล้วนะ ไม่น่าจะเป็นไปได้ไหม ? หรือถ้าเป็นลูกคนที่สองของถังหยุนเฉิงจริง เรื่องนี้ก็น่าจะถูกเปิดเผยไปนานแล้ว ไม่น่าจะปิดบังเอาไว้ เพราะมันเป็นเรื่องที่น่ายินดี ”
“หรือจะเป็นลูกนอกสมรสของถังหลิน ?”
“อันนี้น่าจะเป็นไปได้ ถังหลินก็อายุสามสิบแล้ว เด็กคนนี้ดูไปก็น่าจะราวๆห้าขวบได้ ถ้าเทียบกันแล้วก็น่าจะมีความเป็นไปได้อยู่ ”
ทุกคนต่างก็คิดว่าทางนี้น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด
“แล้วทำไมต้องเป็นลูกนอกสมรสของถังหลิน ทำไมไม่ใช่ของคุณหนูใหญ่ถัง อายุอานามของคุณหนูใหญ่ถังก็มีความเป็นไปได้อยู่นะ”มีใครบางคนแสดงความเห็นต่างออกมาอย่างแผ่วเบา
“นายอยากตายหรือไง ? หากเป็นลูกของคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง ลูกพี่ไม่บ้าตายไปแล้วเหรอ?”
“นายก็ช่างกล้าคิดนะ……”
“ก็ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นลูกของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังกับลูกพี่ของเรานะ เด็กคนนั้นหน้าตา……”บุคคลนั้นเถียงออกมาเสียงเบาโดยไม่รู้ตัว
คนคนนั้นอยากจะพูดว่าเด็กคนนั้นดูไปแล้วหน้าตาก็เหมือนลูกพี่มาก แต่เพราะนี่มันเครื่องตรวจจับสัญญาณระยะไกล และแสงในโถงทางเดินนั้นก็มืดมาก ภาพที่ออกมาก็ไม่ได้ชัดเจนเท่าไร และถังจื่อโม่ในตอนนี้ก็สวนใส่แว่นดำด้วย
เมื่อได้ยินคำพูดของคนคนนั้น ทุกคนต่างก็เงียบไปชั่วขณะ จากนั้นต่างก็มองหน้ากันไปมา สีหน้าของแต่ละคนต่างก็ตื่นตระหนกตกใจ
คงไม่ใช่เรื่องจริงหรอกมั้ง ?
“นี่พวกนายกำลังคิดบ้าอะไรกัน ? คุณหนูใหญ่ถังก็คือคุณหนูใหญ่ตระกูลเวิน ลูกพี่กับคุณหนูใหญ่ตระกูลเวินเพิ่งจะแต่งงานกันไปได้ไม่กี่เดือน คุณหนูใหญ่ตระกูลเวินกับลูกพี่รู้จักกันได้ไม่ถึงครึ่งปี จะมีลูกโตขนาดนี้ได้ยังไง เพราะฉะนั้นเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของลูกพี่กับคุณถังแน่นอน ”
“ใช่ เห็นด้วย ไม่ใช่ลูกของคุณหนูใหญ่ถังแน่นอน น่าจะเป็นของถังหลินมากกว่า ”
“หรือบางที อาจจะเป็นแขกของตระกูลถังก็ได้”
“พวกนายไม่ต้องพูดเรื่องเด็กอีกแล้ว อย่าลืมเรื่องสำคัญ งานของเราคือหาตัวถังจื่อโม่ ”
“ใช่ ใช่ หาตัวถังจื่อโม่ รีบหาตัวถังจื่อโม่เถอะ ”
“จื่อโม่ลูกรัก ในที่สุดหนูก็ออกจากห้องจนได้ ” คนที่ควบคุมรีโมทเครื่องจับสัญญาณได้ย้ายจอภาพไปทางอื่น ในจังหวะนี้เอง เฟิ่งเหมียวเหมียวก็เดินขึ้นชั้นบนมาพอดี เมื่อเห็นถังจื่อโม่ เฟิ่งเหมียวเหมียวก็ยกยิ้มแล้วเดินเข้าไปหา
ทุกคนที่ได้ยินคำว่าจื่อโม่ลูกรักต่างก็อึ้งไปเล็กน้อย ทันใดนั้นก็ราวกับโดนจี้จุด นิ่งแข็งค้างไปไม่ขยับเคลื่อนไหว
เมื่อครู่พวกเขาได้ยินอะไร ? จื่อโม่ลูกรัก ?
ใช่คนเดียวกับถังจื่อโม่หรือเปล่า ?
ใช่ถังจื่อโม่คนเดียวกันกับที่ลูกพี่ให้ตามหาตัวไหม ?
แล้วจื่อโม่ลูกรักนี่มันอะไรกัน ?
“เร็ว รีบย้อนกล้องกลับไป”หลังจากที่หัวหน้าทีมได้สติ ก็รีบตะโกนบอก
ชายคนนั้นก็ย้อนกล้องหันไปจับภาพที่ถังจื่อโม่อีกครั้ง แน่นอนว่า ในตอนนี้เฟิ่งเหมียวเหมียวก็ได้เดินเข้ามาแล้ว ยืนอยู่ตรงหน้าของถังจื่อโม่
“จื่อโม่ลูกรัก ไหนหนูบอกว่าช่วงนี้จะอยู่แต่ในห้อง ไม่ออกไปไหนไง ?”เฟิ่งเหมียวเหมียวมองดูถังจื่อโม่ ในตอนที่เฟิ่งเหมียวเหมียวพูดก็ยังได้เอามือลูบไปที่ศีรษะของถังจื่อโม่ด้วย
เฟิ่งเหมียวเหมียวไม่รู้ว่าเด็กคนนี้กำลังทำอะไร ? สองสามวันมานี้เอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้อง กินข้าวก็ให้คนเอาเข้าไปให้ ถังจื่อโม่อยู่ในห้อง ถังจื่อซีก็จะอยู่เป็นเพื่อนพี่ชายด้วย เด็กทั้งสองคนต่างก็ไม่ออกไปไหน
แต่ ถังจื่อโม่เป็นเด็กที่รู้ความ ทุกคนจึงเคารพการตัดสินใจของเขา แน่นอนว่า ตอนนี้เมื่อเห็นถังจื่อโม่ออกมาจากห้องเองแบบนี้ เฟิ่งเหมียวเหมียวก็ต้องดีใจเป็นพิเศษ