ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1117 การต่อสู้ของถังจื่อโม่ คือพ่อทูนหัว คือปีศาจตัวน้อย(2)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- บทที่ 1117 การต่อสู้ของถังจื่อโม่ คือพ่อทูนหัว คือปีศาจตัวน้อย(2)
“เขา?เขา?เขาก็คือถังจื่อโม่?”กลุ่มคนที่ซุ่มดูอยู่ด้านนอกของคฤหาสน์ตระกูลถังต่างก็ตกตะลึง
ถังจื่อโม่เป็นเพียงแค่เด็กอายุห้าขวบ ?
เด็กอายุแค่ห้าขวบจะเป็นศัตรูหัวใจของลูกพี่ได้ยังไง ?
เด็กสมัยนี้ร้ายกาจขนาดนั้นเชียวเหรอ ?
“นี่ก็คือถังจื่อโม่ที่ลูกพี่ให้เรามาตามหาตัวเหรอ ? ”หัวหน้าทีมแอบกลืนน้ำลายลงคอ อย่างไม่อยากจะเชื่อ “เป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่ง ?”
“ศัตรูหัวใจของลูกพี่ ?”
“ลูกพี่ร้ายกาจขนาดนี้ ศัตรูหัวใจก็ยัง……ไม่ธรรมดา”
“ไม่ธรรมดาบ้าบออะไรละ ตอนนี้เอายังไงกัน ? เราต้องทำยังไงกันต่อ ?”
“ท่านกู้กำชับมา เจอตัวแล้ว เอาตัวกลับไปให้ลูกพี่ ตอนนี้เราก็ต้องไปเอาตัวมาให้ได้ ”ชายหนุ่มที่เที่ยงตรงคนหนึ่งเสนอความเห็นออกมาอย่างทื่อๆ
“แต่ก่อนหน้านั้นลูกพี่บอกว่าจับตัวศัตรูหัวใจ แต่ตอนนี้เป็นเพียงแค่เด็กอายุห้าขวบ แผนเราต้องเปลี่ยนไหม? ?”
“หรือไม่เราลองขอความเห็นของท่านกู้ดู ลักพาตัวเด็กอายุห้าขวบ นี่ไม่ใช่เรื่องที่องค์กรยมบาลอย่างพวกเราควรทำนะ”
“ได้ ฉันจะโทรไปหาท่านกู้เดี๋ยวนี้”หัวหน้าทีมหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดโทรไปหากู้หวูทันที
แต่หัวหน้าทีมโทรไปอยู่หลายครั้ง อีกฝั่งก็ไม่มีคนรับสาย
และในเวลาเดียวกันนี้ เด็กน้อยถังจื่อโม่ก็เดินลงไปยังชั้นล่างกับเฟิ่งเหมียวเหมียว
“คุณย่าน้อย ไม่ต้องคอยตามผม ผมจะไปเดินเล่นที่สวนสักหน่อย” ถังจื่อโม่ออกมาจากห้องคราวนี้ ก็เพื่ออยากจะรู้จุดประสงค์ที่เย่ซือเฉินให้คนมาซุ่มดู เพราะฉะนั้นจะให้คนตามไปด้วยไม่ได้แน่ๆ
เขาต้องออกไปคนเดียวถึงจะถูก อยู่คนเดียวลำพัง เพื่อให้รู้ถึงจุดประสงค์ของกลุ่มคนเหล่านั้น
แน่นอนว่า คนพวกนั้นเป็นคนของเย่ซือเฉิน เพราะฉะนั้นในใจลึกๆของถังจื่อโม่ก็ไม่ได้กังวล หรือหวาดกลัวอะไร
“ได้ งั้นหนูไปเล่นเถอะ ย่าเองก็มีเรื่องที่ต้องทำอยู่เหมือนกัน จะขึ้นไปชั้นก่อน ”เฟิ่งเหมียวเหมียวไม่ได้คิดมากอะไร ถังจื่อโม่เป็นเด็กรู้ความ และอยู่คนเดียวได้ แต่ไหนแต่ไรก็มีความคิดเป็นของตัวเอง คนที่บ้านตระกูลถังล้วนเคารพการตัดสินใจของเด็กๆ เพราะฉะนั้นหากไม่ใช่เรื่องที่ต้องเสี่ยงภัยอันตรายอะไร ทุกคนก็ล้วนตามใจเด็กน้อยถังจื่อโม่กันทั้งนั้น
อีกอย่างเฟิ่งเหมียวเหมียวเองก็อยากจะโทรศัพท์ไปหาถังหยุนเฉิง ถามถังหยุนเฉิงว่าจะกลับมาเมื่อไร
เฟิ่งเหมียวเหมียวเห็นถังจื่อโม่เดินไปที่สวน เดินไปในที่ที่พวกเขามักจะเล่นกัน จากนั้นก็วางใจแล้วเดินขึ้นชั้นบนไป เพราะยังไงที่บริเวณสวนของตระกูลถังก็ยังมีคนอื่นๆอยู่ และตระกูลถังก็ได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา คนภายนอกเข้ามาไม่ได้แน่นอน
ถังจื่อโม่เล่นในสวนก็ถือว่าปลอดภัยมาก
หลังจากที่เฟิ่งเหมียวเหมียวเดินขึ้นไปยังชั้นบนแล้ว ถังจื่อโม่ก็เปลี่ยนทิศทาง ไม่ได้ไปเล่นของเล่น แต่กลับเดินไปยังทิศทางของประตูใหญ่
แน่นอนว่า เด็กน้อยถังจื่อโม่นั้นเป็นคนฉลาด เขารู้ว่าหากถูกพ่อบ้านหรือคนอื่นๆเห็นว่าเขาจะออกไป พวกเขาต้องถามสารพัดคำถาม และไม่ยอมให้เขาออกไปข้างนอกเพียงลำพังแน่
ดังนั้นถังจื่อโม่จึงตั้งใจหลบเลี่ยงพ่อบ้าน และคนอื่นๆในบ้าน แอบเดินไปที่ประตูใหญ่เงียบๆเพียงลำพัง
แน่นอนว่า ถังจื่อโม่รู้ดี หากเขาออกไปดื้อๆแบบนี้ คนที่ซุ่มดูอยู่ด้านนอกก็ต้องสงสัย เพราะฉะนั้นเขาเลยแกล้งหยิบลูกบอลมาลูกหนึ่ง แล้วเล่นมันอยู่สักพัก จากนั้นก็แกล้งทำเป็นโยนลูกบอลนั้นไปยังด้านนอกของประตูใหญ่
จากนั้นเขาก็รีบเดินตรงไปที่ประตูใหญ่ด้วยท่าทีที่ปรกติที่สุด ครั้งนี้ เขามีเหตุผล ว่าเขาจะไปเก็บลูกบอล
“โทรไม่ติด ท่านกู้ไม่รับสาย ” หัวหน้าทีมโทรไม่ติด และร้อนใจขึ้นมา พวกเขาไม่มีเบอร์ของคุณชายสามเย่ แน่นอนว่า พวกเขาก็ไม่กล้าโทรไปขอความเห็นกับคุณชายสามเย่โดยตรงด้วย
“เด็กคนนั้นออกมาแล้ว ? เขาคือถังจื่อโม่ตัวจริงใช่ไหม ? ”ในตอนนี้เหล่าคนที่ซุ่มดูอยู่บริเวณด้านนอกต่างก็เห็นถังจื่อโม่เดินมาที่ตรงประตูใหญ่ และทุกคนต่างก็กลั้นหายใจพร้อมกันอย่างไม่รู้ตัว
“ใช่แน่นอน เมื่อกี้คุณนายถังเป็นคนเรียกชื่อนี้เองกับปาก ไม่ผิดแน่นอน ลูกพี่บอกเองว่าคนคนนี้อยู่ที่ตระกูลถัง ไม่ผิดแน่ และพวกเราก็ซุ่มดูมาสองวันหนึ่งคืนแล้วไม่เห็นผู้ต้องสงสัยคนอื่นเลย เป็นเขาไม่ผิดแน่”
“แล้วตอนนี้เราจะทำยังไงกันดี ?”
ทุกคนต่างเงียบแล้วจ้องมองไปยังเด็กที่อยู่ตรงประตูใหญ่
ทำยังไง ? จะทำยังไงได้ล่ะ?
และในตอนนี้เอง เด็กน้อยถังจื่อโม่ก็เปิดประตูใหญ่ แล้วก้าวเดินออกมา
เด็กน้อยถังจื่อโม่ทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น และไม่ได้กวาดตามองไปรอบๆ เขาเดินตรงไปยังลูกบอลที่โยนออกมา ก้มเก็บลูกบอลขึ้น
หลังจากเก็บลูกบอลขึ้นมาแล้ว ก็หันหลังกลับ เดินไปยังบริเวณสวน
“พวกนายรีบตัดสินใจเถอะ ว่าจะเอายังไง ? เขากำลังจะเดินกลับเข้าไปแล้ว หากเขากลับเข้าไปแล้วคงไม่ออกมาง่ายๆอีกแน่ ถึงตอนนั้นเราจะไม่มีโอกาสอีกเลย เราจะเข้าไปในบ้านตระกูลถังแล้วลักพาตัวคนออกมาไม่ได้หรอกนะ ?”เมื่อมีคนเห็นว่าถังจื่อโม่กำลังจะเดินกลับเข้าไป ก็ร้อนใจขึ้นมาทันที
“ใช่ ใช่ รีบตัดสินใจเถอะ ไม่งั้นเราจะไม่มีโอกาสอีกแล้วนะ โอกาสแบบนี้ถ้าเสียไปแล้วก็จะไม่มีอีก”
“แต่โทรศัพท์ของท่านกู้โทรไม่ติด” หัวหน้าทีมก็ร้อนใจ แต่ตอนนี้สถานการณ์มันวุ่นวายมาก เขาเองก็ไม่กล้าตัดสินใจผลีผลาม
“ตอนที่ท่านกู้ให้เรามาก็สั่งกำชับแล้วว่าให้เอาตัวกลับไป ไม่ผิดแน่ เราเอาตัวกลับไปก่อนค่อยว่ากันดีกว่า เร็วเข้า ไม่อย่างนั้นเขาจะเดินกลับเข้าไปแล้วนะ”
“โอกาสไม่ควรปล่อยให้หลุดมือพลาดแล้วพลาดเลย หัวหน้า คุณรีบตัดสินใจเถอะ ”
“ได้ ลงมือจัดการเลย เอาตัวกลับไปก่อนค่อยว่ากัน ” หัวหน้าทีมแอบถอนหายใจ ในที่สุดก็ตัดสินใจได้ เพราะนี่เป็นความต้องการของลูกพี่ท่านกู้เองก็สั่งกำชับมา ไม่ว่ายังไง เอาตัวคนกลับไปก่อนน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ใช่ อีกฝ่ายเป็นเด็ก และที่พวกเขาทำมันดูจะเกินไปหน่อย แต่พวกเขาก็ไม่คิดที่จะทำร้ายเด็กคนนี้ พวกเขายังดูแลปฏิบัติต่อเด็กน้อยเป็นอย่างดีได้
“เด็กอายุแค่ห้าขวบ เราไม่ต้องไปกันหมดหรอกมั้ง ต้าชุน นายไป นายไปคนเดียวก็พอแล้ว ”หลังจากที่ทุกคนได้ยินคำสั่งการของหัวหน้าทีม ก็ไม่ได้เคลื่อนไหว แต่กลับมองไปที่เด็กหนุ่มหน้าละอ่อนผู้เที่ยงตรงที่เพิ่งเสนอคำแนะนำไปเมื่อครู่
“โอ้ ได้” ต้าชุนเด็กหนุ่มหน้าละอ่อนไม่สังเกตเห็นความผิดปรกติอะไร แต่กลับรีบมุดตัวออกไปอย่างว่าง่าย จากนั้นก็วิ่งตรงไปยังถังจื่อโม่ทันที
ในตอนที่ถังจื่อโม่กำลังจะเดินไปถึงประตูใหญ่ ต้าชุนก็จับตัวถังจื่อโม่เอาไว้ จากนั้นก็หิ้วตัวถังจื่อโม่ออกมา
เด็กน้อยถังจื่อโม่อึ้งไปทันที !!
นี่มัน ? เกิดอะไรขึ้น ?!
เข้ามาจับตัวเขาดื้อๆแบบนี้แล้วยังป่าเถื่อนแบบนี้ ?
นี่มันเรื่องเข้าใจผิดอะไรกันหรือเปล่า ?
แล้วคนที่มาเอาตัวเขาคนนี้ก็คว้าแขนเขาแล้วเดินออกไปเลย ไม่ได้มีการป้องกันอะไร หรือคนคนนี้จะเห็นเขาเป็นแค่เด็กโง่ๆคนหนึ่ง ไม่กลัวว่าเขาจะแหกปากร้องตะโกนเลยงั้นเหรอ ?
อันที่จริงแล้วถังจื่อโม่เองก็ไม่ได้กลัวอะไร เพราะเขารู้ดีว่าคนพวกนี้เป็นคนของเย่ซือเฉิน ไม่ว่ายังไง คนของเย่ซือเฉินก็ไม่ทำร้ายอะไรเขาแน่นอน
แม้ว่าถังจื่อโม่จะไม่ได้กลัวอะไร แต่เขาคิดว่าเขาก็น่าจะต้องแกล้งแสดงละครนิดหน่อย !!!