ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1143 ความโอ้อวดของคุณชายสามเย่(2)
ความดีใจหลังตกตะลึงทำให้อารมณืของเขาดีขึ้นมาทันที แต่ว่า ถังจื่อโม่เป็นเด็กที่ทระนงตน ถึงแม้เวลานี้เขาจะอารมณ์ดี เขาก็ไม่แสดงออกมาชัดเจน ให้เย่ซือเฉินรู้ไม่ได้เด็ดขาด
เขาจะยอมรับเย่ซือเฉินแค่เพราะเย่ซือเฉินชมแค่คำเดียวไม่ได้เด็ดขาด อีกทั้งเมื่อกี้เย่ซือเฉินชมว่าเขาทำได้ดี นั่นแค่อธิบายได้ว่าเย่ซือเฉินยอมรับในความสามารถของเขา ไม่ได้หมายความว่าเย่ซือเฉินชอบลูกชายคนนี้
“หึ” ถังจื่อโม่คิดถึงตรงนี้ อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงหึเบาๆ จากนั้นจงใจหันหน้าไปนอกหน้าต่าง ไม่หันไปมองเย่ซือเฉิน
แค่ว่า ตอนที่ถังจื่อโม่หันหน้าไปนั้น มุมปากของเขาอดไม่ได้ที่จะยกขึ้น
เย่ซือเฉินเห็นท่าทีกระมิดกระเมี้ยนของถังจื่อโม่ ชะงักเล็กน้อย จากนั้นมุมปากของเขาก็ยกขึ้นอย่างชัดเจน เด็กยังไงก็เป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ ฉลาดแค่ไหน เก่งแค่ไหน ก็ยังมีความเป็นเด็ก
แต่ว่า ถังจื่อโม่ที่เป็นแบบนี้ทำให้คุณชายสามเย่รู้สึกพอใจมากยิ่งกว่า ถึงแม้เขาจะยอมรับในความสามารถของลูกชายตนเอง ถึงแม้เขาจะภาคภูมิใจในความสามารถของลูกชาย
แต่คุณชายสามเย่อยากจะให้ลูกชายของเขามีความสุขในแบบที่เด็กควรมี คุณชายสามเย่อยากจะให้ลูกเป็นเหมือนเด็กคนอื่นที่ไม่มีเรื่องอะไรต้องกังวล ทำสิ่งที่ตัวเองชอบด้วยความใสซื่อ ไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเอง และยิ่งไม่จำเป็นต้องบีบบังคับตัวเอง
ภายในใจของคุณชายสามเย่ก็เข้าใจ สาเหตุที่ถังจื่อโม่มีความเข้มแข็งและหนักแน่นมากกว่าเด็กทั่วไป ล้วนเป็นเพราะที่ผ่านมาไม่มีเขา
เพราะพ่อคนนี้ไม่ได้อยู่ด้วย เด็กที่ควรจะไร้ความกังวลจึงมีความเป็นผู้ใหญ่ตั้งแต่เด็ก เขาไม่เพียงแต่ดูแลตัวเอง แต่ยังคิดที่จะปกป้องแม่และน้องสาวของตน ดังนั้นเขาจึงทำให้ตัวเองแปรเปลี่ยนเป็นคนที่เข้มแข็ง ทั้งยังหนักแน่นที่จะเข้มแข็งแบบนั้นตลอดเวลา
เย่ซือเฉินคิดถึงตรงนี้ รู้สึกปวดใจ
แค่ว่า ตอนนี้ภายในใจของถังจื่อโม่ยังคงต่อต้านเขา ถังจื่อโม่ยังไม่ยอมรับเขา
ดังนั้นเรื่องนี้จึงต้องค่อยเป็นค่อยไป ร้อนใจไม่ได้ และห้ามเร่งรีบ เขาต้องค่อยๆเปิดปมในใจของถังจื่อโม่ ทำให้ถังจื่อโม่ยอมรับเขาด้วยความสมัครใจ
เย่ซือเฉินไม่ได้พูดอะไรอีก ถังจื่อโม่ก็เงียบมาโดยตลอด แต่ว่าบรรยากาศระหว่างทั้งสองคนดูผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัด ไม่ได้อึมครึมเหมือนก่อนขึ้นรถแล้ว
ตอนไปถึงบ้านตระกูลถัง ถังจื่อโม่เปิดประตูรถด้วยตนเอง ลงจากรถ แต่ว่าถังจื่อโม่กลับไม่ได้รีบร้อนที่จะจากไป เดินไปตรงหน้ารถ เขามองไปที่เย่ซือเฉิน ครุ่นคิด อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น:“คุณจะแต่งงานกับคุณแม่ไหมครับ?”
“แน่นอน” เย่ซือเฉินมองไปที่เขา ยิ้มอ่อนโยน:“เรื่องนี้ต้องถามด้วยเหรอ?”
เรื่องนี้ต้องถามด้วยเหรอ? เขาปักใจรักเธอมานานแล้ว ชีวิตนี้นอกจากเธอแล้วเขาไม่คิดจะแต่งงานกับใคร ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เขารู้เรื่องลูกทั้งสองคน เธอมีลูกให้เขาถึงสองคน
“ฉันแต่งงานกับแม่ของนาย นายมีความคิดยังไงบ้าง?” เย่ซือเฉินรู้ว่าถังจื่อโม่ถามแบบนี้ต้องมีเหตุผลแน่ๆ เขาอยากรู้ว่าถังจื่อโม่คิดยังไงกับเรื่องนี้
ถังจื่อโม่มองไปที่เย่ซือเฉิน ใบหน้าของเขาเคล้าไปด้วยความลังเลอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากของเขาขยับอยู่หลายครั้ง ลังเลอยู่หลายครั้ง หลังจากนั้นจึงพูด:“คุณดูแลแม่กับน้องของผมให้ดีก็พอแล้ว ไม่ต้องสนใจผม”
เย่ซือเฉินรักแม่มาก ข้อนี้เขารู้ดี เย่ซือเฉินชอบน้องสาวมาก ข้อนี้เขาเองก็รู้ดี
มีแค่เขา ที่เป็นเหมือนคนนอก เย่ซือเฉินไม่ชอบเขา แต่ว่าไม่เป็นไร ขอแค่เย่ซือเฉินดีกับแม่ ดีกับน้องก็พอแล้ว เขาดูแลตัวเองได้ เหมือนเมื่อก่อน
เมื่อก่อนเขาสามาาถดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่าหลังจากนี้ก็ดูแลตัวเองได้
เพราะถึงอย่างไรเขาก็ต้องเติบโต
ทันทีที่ถังจื่อโม่พูดจบ ไม่รอให้เย่ซือเฉินตอบ ก็หมุนตัวหันหลังวิ่งกลับเข้าไปในบ้านตระกูลถัง ถึงแม้เมื่อกี้ถังจื่อโม่จะพูดออกมาง่ายๆ แต่ภายในใจของเขากลับมีความกลัวเล็กน้อย เขากลัวจะได้ยินเย่ซือเฉินรับปากข้อเสนอของเขาอย่างง่ายดาย
เขารู้ว่าเย่ซือเฉินไม่ชอบเขา ดังนั้นเขาจึงไม่อยากฟังคำตอบของเย่ซือเฉิน
เย่ซือเฉินหยุดชะงัก เด็กคนนี้กำลังคิดอะไรกันแน่?
อะไรคือการบอกว่าให้เขาดูแลแม่กับน้องให้ดีก็พอแล้ว ไม่ต้องสนใจเขา?
เขาจะไม่สนใจถังจื่อโม่ได้เหรอ? ถังจื่อโม่เป็นลูกชายของเขา? เป็นลูกแท้ๆ!
ตอนที่เย่ซือเฉินดึงสติกลับมานั้นพบว่าถังจื่อโม่วิ่งเข้าไปในบ้านตระกูลถังแล้ว เขาไม่ได้ร้องเรียกถังจื่อโม่ และไม่ได้พูดอะไรอีก
เห็นได้ชัดว่าภายในใจของถังจื่อโม่มีปม ไม่สามารถผ่านปมนี้ไปได้ง่ายๆแน่นอน ดังนั้นต้องใช้เวลาในการค่อยๆแก้ไข
ถึงแม้ถังจื่อโม่จะไม่อยากฟังคำตอบของเย่ซือเฉิน แต่ว่าตอนที่เขาวิ่งเข้าไปในบ้านตระกูลถัง เย่ซือเฉินไม่แม้แต่จะร้องเรียกเขา และเย่ซือเฉินก็ไม่ได้พูดอะไรกับเขา
ถังจื่อโม่กลับมาเศร้าอีกครั้ง ดูท่าเย่ซือเฉินจะไม่ชอบเขาแม้แต่น้อยจริงๆ ดูเหมือนข้อเสนอของเขาเมื่อกี้จะเป็นไปตามความต้องการของเย่ซือเฉิน ดังนั้นเย่ซือเฉินจึงเงียบ ไม่พูดอะไร
หลังจากถังจื่อโม่เดินเข้าไปในบ้านตระกูลถังก็ก้าวเดินเร็วขึ้น วิ่งเข้าไปในห้องโถงใหญ่ทันที
“จื่อโม่ หลานอยู่ในห้องไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงวิ่งเข้ามาจากด้านนอก?” เฟิ่งเหมียวเหมียวที่ยังอยู่ในห้องโถงใหญ่เห็นถังจื่อโม่วิ่งเข้ามาก็ตกตะลึงเล็กน้อย:“หลานไปไหนมา? ทำไมถึงวิ่งจนหายใจหอบแบบนี้ครับ?”
“คุณย่าน้อยครับ ผมไม่เป็นอะไรครับ ผมออกไปเล่นด้านนอกมาพักหนึ่งครับ” เวลานี้ถังจื่อโม่อารมณ์ไม่ดี ไม่อยากอธิบายมากมาย แต่ว่าถังจื่อโม่ไม่ได้ลืมมารยาทพื้นฐาน:“คุณย่าน้อยครับ ผมขึ้นไปนอนก่อนนะครับ”
“จ๊ะๆๆ” เฟิ่งเหมียวเหมียวเป็นคนละเอียดอ่อน เธอดูออกว่าถังจื่อโม่อารมณ์ไม่ดี ดังนั้นจึงไม่ได้ถามอะไรอีก
ถังจื่อโม่รีบขึ้นไปชั้นบน เพียงแต่ตอนที่เดินไปถึงประตูหน้าห้องตนเอง เขาเดินช้าลงอย่างเห็นได้ชัด เขายืนอยู่หน้าประตู ลังเลพักหนึ่ง จากนั้นเปิดประตูห้อง เดินเข้าไป วินาทีที่เดินเข้าไปในห้อง ถังจื่อโม่พยายามข่มอารมณ์ของตนเองเอาไว้
ถังจื่อโม่รู้ว่าน้องสาวต้องรอเขาอยู่ในห้องแน่นอน เขาไม่อยากให้น้องสาวเห็นว่าเขาหงุดหงิด เขาไม่อยากให้น้องสาวเป็นห่วง
เป็นจริงตามนั้น ทันทีที่เปิดประตูห้อง ถังจื่อซีเห็นเขาก็รีบวิ่งมาด้วยความดีใจ:“พี่คะ ในที่สุดพี่ก็กลับมา”
“พี่คะ พี่ไปเจอคุณพ่อมาเหรอคะ? ความสัมพันธ์ของพี่กับคุณพ่อเป็นยังไงบ้างคะ?” สิ่งที่ถังจื่อซีเป็นกังวลที่สุดก็คือความสัมพันธ์ระหว่างพี่ชายกับพ่อ เพราะสิ่งนี้ตัดสินว่าครอบครัวของพวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันเมื่อไหร่
“เจอแล้ว” ตอนที่ถังจื่อโม่พูดถึงเย่ซือเฉิน อารมณ์ของเขาหม่นหมองลงอย่างชัดเจน แต่ว่าอยู่ต่อหน้าน้องสาวของตนเอง เขาไม่สามารถแสดงออกมามากจนเกินไป
“ถ้าอย่างนั้นพี่กับพ่อยอมรับเป็นพ่อลูกกันแล้ว” ดวงตาของถังจื่อซีเปล่งประกาย เสียงของเธอเคล้าไปด้วยความดีใจ
ในเมื่อพี่กับพ่อเจอหน้ากันแล้ว ถ้าอย่างนั้นต้องยอมรับเป็นพ่อลูกกันแล้วแน่นอน
ถังจื่อโม่:“……”
เขากับเย่ซือเฉินเจอกันแล้ว แต่ว่าสถานการณ์ระหว่างเขากับเย่ซือเฉินถือว่ายอมรับเป็นพ่อลูกกันแล้วหรือยัง?