ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1152 การคิดเพ้อเจ้อที่แท้จริง (2)
“เรื่องนี้ผมเองก็ไม่ชัดเจนเหมือนกัน แต่ช่วงไม่กี่ปีมานี้เย่ซือเฉินก็ดูแลบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ป คงจะไม่น่ามีกำลังและจิตใจไปพัฒนากิจการอะไรได้มากนักหรอกมั้ง? ผมคิดว่าน่าจะมีไม่มากนัก?” เจิ้งฉงเพียงแค่คาดคะเนไปตามสถานการณ์โดยทั่วไปเพียงเท่านั้น
“แต่เมื่อกี้เลขาหลิวบอกว่าเรื่องของบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปนั้นสำหรับเย่ซือเฉินแล้วถือว่าเป็นเรื่องเล็ก ในเมื่อเรื่องของบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปเป็นเรื่องเล็กสำหรับเย่ซือเฉินแล้ว ถ้าอย่างนั้นทรัพย์สินของเย่ซือเฉินก็คงจะมีไม่น้อยเลยใช่ไหม?” เฉิงโหรวโหรวที่คิดง่ายๆมาตลอดนั้นครั้งนี้กลับฉลาดขึ้นมาเสียอย่างนั้น ยังรู้จักที่จะวิเคราะห์การคาดคะเนนี้อีกด้วย
แน่นอนว่า คงจะไม่พูดไม่ได้ว่าการวิเคราะห์ในเวลานี้ของเฉิงโหรวโหรวนั้นถูกต้องเป็นอย่างมาก ทรัพย์สินของเขาอีกที่หนึ่งนั้นก็คงจะไม่มากเกินไปกว่าบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ป
“เลขาหลิวจะต้องคุยโวโอ้อวดเอาไว้อย่างแน่นอน เย่ซือเฉินมีความสามารถ แต่ทรัพย์สินอื่นก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะเกินไปจากบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ป” เจิ้งฉงปฏิเสธคำพูดของเฉิงโหรวโหรว จากที่เขาดูแล้วนั้น นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยเสียด้วยซ้ำ
เฉิงโหรวโหรวเม้มปากเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรอีก เฉิงโหรวโหรวที่ปกติแล้วไม่ได้ฉลาด เวลานี้ในหัวนั้นกลับมีความคิดมากมายแวบขึ้นมา
บริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปใหญ่โตขนาดนี้ ดีขนาดนี้ แต่เย่ซือเฉินกลับไม่ให้ความสำคัญอย่างนั้นหรือ? จะต้องมีทรัพย์สินอื่นๆอีกไม่น้อยอย่างแน่นอน
เย่ซือเฉินสามารถพัฒนาบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปให้ใหญ่โตได้ขนาดนี้ ดีขนาดนี้ และยังสามารถสร้างกิจการเป็นของตัวเองได้ นั่นก็แสดงว่าเย่ซือเฉินนั้นมีความสามารถเป็นอย่างมากนั่นเอง
ถ้าหากเธอแต่งงานกับเย่ซือเฉิน บางทีก็เป็นความคิดที่ไม่เลวเลยเหมือนกัน
แต่ความดูดีของหัวหน้าน้อย ครั้งแรกที่เธอเห็นหัวหน้าน้อยก็รู้สึกชอบมากเป็นพิเศษ ในใจของเธอยังคงตัดใจจากหัวหน้าน้อยไม่ได้ อา ลำบากใจจริงๆ เธอควรจะเลือกอย่างไรดี?
เธอจะเลือกใครดี?
“นั่งลงรอก่อนดีกว่า เย่ซือเฉินไม่รู้ว่าจะมาถึงเมื่อไหร่” เจิ้งฉงไม่รู้ความคิดในเวลานี้ของเฉิงโหรวโหรว เห็นว่าเฉิงโหรวโหรวยืนเหม่ออยู่ตรงนั้นแล้ว จึงส่งเสียงตะโกนเรียกเธอออกมา
เจิ้งฉงรู้สถานะของเฉิงโหรวโหรว เพราะถึงอย่างไรนี่ก็คือไป๋หยิงออกแบบเอาไว้ ตั้งแต่แรกเขาก็รู้แล้ว อีกทั้งตอนแรกนั้นเขาเองก็คอยช่วยอยู่ด้วยเช่นกัน
ดังนั้นต่อหน้าคนนอกแล้วเจิ้งฉงยังนับว่าให้ความเคารพกับเฉิงโหรวโหรวอยู่บ้าง ส่วนตอนที่ไม่มีคนนอก เจิ้งฉงกลับไม่ได้ให้ความสำคัญกับเฉิงโหรวโหรวเลย
เฉิงโหรวโหรวกำลังคิดเรื่องของตัวเองอยู่นั้น เธอคิดอย่างเพลิดเพลินมากเกินไป คิดไม่ถึงว่าจะไม่ได้ยินคำพูดของเจิ้งฉง ดังนั้นเธอก็ยังคงยืนเหม่อลอยอยู่ตรงนั้น ไม่ไหวติง
“รีบมานั่งสิ คุณเอาแต่ยืนเหม่อยู่ตรงนั้น คนอื่นเห็นเข้ามันดูไม่ดี” เจิ้งฉงเห็นเธอไม่ขยับ จึงขมวดคิ้วขึ้น แล้วส่งเสียงเรียกเธออีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้น้ำเสียงของเขานั้นแสดงความรำคาญออกมาอย่างเห็นได้ชัด
ถ้าหากตอนนี้เฉิงโหรวโหรวยังเป็นเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้นี้อยู่ เขายังจะต้องใช้ประโยชน์จากเฉิงโหรวโหรว เขาไม่อยากที่จะมาพูดคำพูดที่ไร้สาระกับเธอ เธอโง่มากเกินไป เซ่อมากเกินไป อะไรๆก็ไม่รู้เรื่อง อะไรๆก็ทำไม่เป็น ไม่มีความสามารถในการมองแยกแยะได้เลยแม้แต่นิดเดียว
“อ่อ” เฉิงโหรวโหรวรู้ว่าเจิ้งฉงรู้ถึงสถานะที่แท้จริงของเธอ ดังนั้นเวลานี้อยู่ต่อหน้าเขานั้น เธอเองก็ไม่กล้าที่จะวางมาดเป็นเจ้าหญิงเช่นกัน จึงเดินไปอย่างว่าง่าย แล้วนั่งลง
หลังจากนั่งลงมาแล้วนั้น เฉิงโหรวโหรวก็นั่งหลังค่อมด้วยความเคยชิน
“คุณนั่งตัวตรงๆ” เจิ้งฉงเห็นท่าทางของเธอแล้ว ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอีกครั้ง ตอนแรกที่ไป๋หยิงหาตัวเฉิงโหรวโหรวมานั้น ก็เป็นเพราะเฉิงโหรวโหรวมีลักษณะท่าทางเหมือนกับลูกสาวของหัวหน้าที่อยู่ในรูปวาดนั้นมาก
ตอนแรกที่เขาเห็นเฉิงโหรวโหรวครั้งแรก มองดูแล้วเหมือนมากจริงๆ แต่ไม่รู้ทำไม ตอนนี้กลับหาลักษณะท่าทางนั้นไม่เจอเลยแม้แต่นิดเดียว
ตอนที่เฉิงโหรวโหรวเพิ่งจะมานั้น ยังมีความหยิ่งทะนงอยู่บ้างเล็กน้อย ดังนั้นจึงมีลักษณะท่าทางที่เหมือนกับลูกสาวในภาพวาดของหัวหน้า
หากว่ากันตามเหตุผลแล้ว ตอนนี้เฉิงโหรวโหรวกลายมาเป็นเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ แล้วก็เคยเจอกับสถานการณ์มาบ้างแล้วเช่นกัน ควรจะมีการปลูกฝังมาบ้างไม่มากก็น้อย
แต่เรื่องราวกับกลายเป็นตรงกันข้าม ตอนนี้เฉิงโหรวโหรวกลับยิ่งมีลักษณะท่าทางที่ไม่เรียบร้อย ยิ่งจะปิดบังเอาไว้ไม่ได้แล้ว
ถ้าหากให้หัวหน้าเห็นเฉิงโหรวโหรวในตอนนี้ เกรงว่าจะยิ่งรู้สึกสงสัย
เขาเองก็ไม่เข้าใจ เป็นเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ ทำไมกลับยิ่งมีลักษณะท่าทางที่ไม่เรียบร้อยแบบนี้กัน?
เจิ้งฉงไม่เข้าใจตรงจุดนี้ แต่จริงๆแล้วจุดนี้ก็ไม่ได้เข้าใจยากเท่าไรนัก
ตอนนี้ความทะยานอยากของเฉิงโหรวโหรวนั้นก็ยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ อยากได้อยากมีมากขึ้น แต่ความสามารถของเธอนั้นมีอยู่จำกัด ความสามารถที่มีจำกัด ก็มักจะอยากจะออกหน้า อยากจะแสดงตัวเองออกมา
ประกอบกับที่ไป๋หยิงบอกเธอเอาไว้ว่าเวินลั่วฉิงถึงจะเป็นเจ้าหญิงที่แท้จริงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ เธอก็อดที่จะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับเวินลั่วฉิงไม่ได้ เธอเอาตัวเองไปเทียบกับเวินลั่วฉิง ถึงแม้ว่าปากจะไม่ยอม แต่กลับยิ่งไม่มีความมั่นใจ
ความสามารถมีจำกัด ความมั่นใจไม่เพียงพอ แล้วทั้งยังมีความรีบร้อนเกินไปอีก เรื่องที่ทำนั้นก็จะให้ความรู้สึกมีลักษณะท่าทางที่ไม่เรียบร้อยมากเป็นพิเศษอยู่แล้ว
ครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงของเจิ้งฉงนั้นเป็นการออกคำสั่ง ท่าทางก็ดูไม่ดีเป็นอย่างมากเช่นกัน แต่เฉิงโหรวโหรวนั้นกลับไม่กล้าพูดออกมาเลยแม้แต่คำเดียว อีกทั้งยังนั่งตัวตรงอย่างว่าง่ายอีกด้วย
“รอพบเย่ซือเฉินแล้ว คุณก็จะต้องนั่งตัวตรง ยืดตรงช่วงหลังและเอว เย่ซือเฉินไม่ใช่บุคคลธรรมดาๆทั่วไป ไม่ใช่จะตบตาได้ง่ายๆแบบนั้น” เจิ้งฉงรู้สึกไม่วางใจจริงๆ อดที่จะกดเสียงลงต่ำเพื่อเป็นการสั่งเธอไม่ได้
“อืม ฉันรู้แล้ว” ดวงตาของเฉิงโหรวโหรวนั้นกะพริบลงเล็กน้อย แล้วพยักหน้าติดต่อกัน แล้วก็นั่งยืดตัวให้ตรงมากยิ่งขึ้น
ถึงแม้ว่าในเวลานี้ภายในห้องรับรองแขกจะไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย แต่เจิ้งฉงนั้นก็ไม่กล้าเอ่ยพูดออกมามากนัก กลัวว่าข้างๆห้องนั้นจะมีคนได้ยินเข้า
และยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงคนนี้โง่มากเกินไป ซื่อมากเกินไป เขาเองก็กลัวว่าเธอจะพลาดด้วยเช่นกัน
เจิ้งฉงไม่ได้เอ่ยพูดออกมาอีก เฉิงโหรวโหรวเองก็ไม่กล้าเอ่ยพูดออกมาเช่นกัน เธอนั่งยืดตัวตรงอยู่บนเก้าอี้ตลอด ความรู้สึกนั้นเหมือนกับนักเรียนกำลังถูกลงโทษอยู่อย่างไรอย่างนั้น
เจิ้งฉงเห็นท่าทางของเธอแล้ว ในใจนั้นก็ถอนหายใจออกมา ริมฝีปากขยับ อยากจะพูดอะไรแต่สุดท้ายแล้วก็กลั้นเอาไว้แทน
ทั้งสองคนไม่ได้พูดคุยกัน เวลานั้นภายในห้องรับรองแขกก็กลายเป็นเงียบลงมาก ทั้งสองคนนั่งรอกันเงียบๆอยู่แบบนั้น
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เย่ซือเฉินยังไม่ปรากฏตัวขึ้น สี่สิบนาทีผ่านไปแล้ว เย่ซือเฉินก็ยังไม่ปรากฏตัวขึ้น และหนึ่งชั่วโมงผ่านไป เย่ซือเฉินก็ยังคงไม่ปรากฏตัวขึ้นเช่นเคย
“เย่ซือเฉินคนนี้หมายความว่ายังไงกันแน่? ทำไมถึงยังไม่มาอีก?” เดิมทีแล้วความอดทนของเจิ้งฉงก็มีขีดจำกัดอยู่แล้ว สงบสติอารมณ์เอาไว้ไม่ได้ รอจนหนึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่เห็นเย่ซือเฉิน เขาก็โมโหขึ้นมาในทันที
“เย่ซือเฉินเห็นพวกเราองค์กรโกสต์ซิตี้เป็นอะไรกัน? ถ้าเขายังไม่มาอีก พวกเราก็กลับ” เจิ้งฉงยื่นมือออกมาทุบโต๊ะที่อยู่ทางด้านหน้า เห็นได้ชัดว่าโมโหอยู่ไม่เบาเลย
“รออีกซักหน่อย คงใกล้จะมาแล้วล่ะ” ครั้งนี้เฉิงโหรวโหรวค่อนข้างจะข่มความโมโหเอาไว้ได้ และยังกลับเป็นฝ่ายปลอบใจเจิ้งฉงอีกด้วย
“ผมเป็นถึงผู้รับผิดชอบขององค์กรโกสต์ซิตี้แห่งเมืองAเชียวนะ เคยหงุดหงิดโมโหแบบนี้เสียที่ไหนกัน เย่ซือเฉินนี่เกินไปแล้ว” เจิ้งฉงมองไปยังเฉิงโหรวโหรว คิ้วขมวดเข้าหากันจนแทบจะหนีบแมลงวันตายได้อยู่แล้ว : “ผมไม่ควรร่วมมือกับแผนการอะไรนั่นของคุณเลย ผมไม่เข้าใจว่าสรุปแล้วคุณกับไป๋หยิงคิดยังไงกันแน่ ทำไมจะต้องมา….”
อาจจะเป็นเพราะเจิ้งฉงโมโหมากเกินไป เสียงของเขานั้นจึงสูงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
และในเวลานี้เองนั้น ในที่สุดทางด้านนอกห้องรับรองแขกก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น
“ไม่ต้องพูดแล้ว มีคนมา” เฉิงโหรวโหรวรีบผลักเจิ้งฉงเอาไว้ ขัดคำพูดของเขาขึ้น
เจิ้งฉงเองก็ได้ยินความเคลื่อนไหวที่อยู่ทางด้านนอกเช่นกัน ต่อให้เฉิงโหรวโหรวไม่ขัดขึ้น เขาก็จะต้องไม่พูดขึ้นอีกอยู่แล้ว
เจิ้งฉงหยุด แล้วเงยหน้าขึ้นมองไปยังประตู เห็นตอนที่เดินเข้ามาแล้วนั้น รูม่านตาของเจิ้งฉงก็หดลงด้วยจิตใต้สำนึก
ถึงแม้ว่าเมื่อครู่นี้เจิ้งฉงจะตะโกนขึ้นมาเสียงดังมาก แต่เมื่อเห็นเย่ซือเฉินที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นมาในเวลานี้ ก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาในทันที ในใจของเขานั้นแอบรู้สึกขัดเคืองขึ้นมาบ้าง คำพูดของเขาเมื่อครู่นี้ไม่รู้ว่าเย่ซือเฉินจะได้ยินหรือเปล่า?
ดีที่เขาพูดยังไม่จบ สิ่งที่เขาพูดไปก่อนหน้านี้ยังไม่ได้มีเรื่องสำคัญหลุดออกมา
“ประธานเย่ ในที่สุดคุณก็มาแล้ว พวกเรารอคุณเป็นครึ่งวันแล้ว” ในที่สุดเจิ้งฉงก็ยังเคยเห็นเหตุการณ์ใหญ่ๆมาก่อน จึงรีบลุกขึ้นยืน เป็นการต้อนรับ
เวลานี้เฉิงโหรวโหรวเองก็เห็นเย่ซือเฉินที่เดินเข้ามาในห้องรับรองแขก ทันใดนั้นเอง เฉิงโหรวโหรวก็ตกตะลึงไปเลย หลังจากที่เธอได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับเย่ซือเฉินที่ไป๋หยิงเคยพูดเอาไว้ เธอก็ได้เข้าไปหาข้อมูลเกี่ยวกับเย่ซือเฉินเอาไว้โดยเฉพาะ
แต่เธอหาได้ไม่มากนัก บนอินเตอร์เน็ตนั้นแม้แต่รูปถ่ายทางด้านหน้าของเย่ซือเฉินก็ยังไม่มีซักรูปเลยเสียด้วยซ้ำ รูปถ่ายของเย่ซือเฉินบนอินเตอร์เน็ตมีแต่รูปแอบถ่าย ส่วนมากจะเป็นรูปถ่ายจากทางด้านหลัง อีกทั้งยังไม่ชัดอีกด้วย
เธอได้ยินมาว่าครั้งที่แล้วเป็นเพราะเรื่องของเวินลั่วฉิง เย่ซือเฉินถึงได้จัดงานแถลงข่าวขึ้นโดยเฉพาะ บนอินเตอร์เน็ตนั้นมีคลิปวีดิโอที่เกี่ยวข้องอยู่ด้วย แต่เธอกลับหาไม่เจอ อาจจะเป็นเพราะถูกจัดการไปแล้ว
ดังนั้น เฉิงโหรวโหรวจึงไม่รู้ว่าสรุปแล้วเย่ซือเฉินหน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่
ตอนนี้ เฉิงโหรวโหรวได้เห็นเย่ซือเฉินแล้วนั้น เพียงชั่วขณะเดียว ก็หลงเขาไปเสียแล้ว
เย่ซือเฉินคนนี้ดูดีมากเกินไปแล้ว ความดูดีของเขานั้นไม่ใช่แบบเดียวกันกับหัวหน้าน้อย แต่เฉิงโหรวโหรวรู้สึกว่าเย่ซือเฉินมีเสน่ห์และน่าหลงใหลมากกว่าหัวหน้าน้อย
และในช่วงเวลานี้เอง เธอก็ตัดสินใจได้ ว่าเธอจะแต่งงานกับเย่ซือเฉิน เธอจะต้องแต่งงานกับเย่ซือเฉินให้ได้อย่างแน่นอน ดังนั้น เธอจะต้องยั่วยวนเย่ซือเฉินมาอยู่ในมือให้ได้ ไม่คิดที่จะปล่อยเย่ซือเฉินไปอีกอยู่แล้ว