ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1156 วิธีการของคุณชายสามเย่ มีความระมัดระวังสูง (2)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- บทที่ 1156 วิธีการของคุณชายสามเย่ มีความระมัดระวังสูง (2)
เขาเย่ซือเฉินเคยกลัวเสียที่ไหนกัน?
“เย่ซือเฉิน ฉันจริงใจนะ ฉันอยากจะแต่งงานกับคุณจริงๆ ฉันแต่งงานกับคุณได้จริงๆ ฉันไม่ได้หลอกคุณนะ แล้วฉันก็จะไม่หลอกคุณด้วย คุณเชื่อฉันสิ ว่าฉันจริงใจนะ” เนื่องจากว่าเฉิงโหรวโหรวคิดเอาไว้ว่าจะยั่วเย่ซือเฉินให้มาอยู่ในมือแล้วก็จะค่อยทิ้งเขา ดังนั้นจึงคิดว่าเย่ซือเฉินไม่เชื่อความบริสุทธิ์ใจของเธอ
ก่อนหน้านี้เธอเคยมีความคิดแบบนั้น แต่ตอนนี้เธอบริสุทธิ์ใจแล้วจริงๆ
เย่ซือเฉินได้ยินคำพูดของเฉิงโหรวโหรวแล้ว ดวงตาที่เยือกเย็นแวบมองอย่างเย็นชา ถ้าหากไม่กลัวจะสกปรกมือของตัวเอง ตอนนี้เขาก็จะจับเจ้าหญิงโง่ๆคนนี้โยนออกไปเสียเลย
แน่นอนว่าสำหรับคำพูดของเฉิงโหรวโหรวในเวลานี้ เย่ซือเฉินก็ไม่มีการตอบรับใดๆทั้งสิ้น
“เย่ซือเฉินคุณไปได้ยินอะไรมาใช่ไหม? ก็เลยเข้าใจผิด? เย่ซือเฉิน คุณเชื่อฉัน คุณต้องเชื่อฉันนะ ฉันยอมรับว่าก่อนหน้านี้ฉันมีความคิดที่ว่าจะยั่วยวนคุณให้มาอยู่ในกำมือก่อนแล้วค่อยทิ้งคุณ…….” เฉิงโหรวโหรวคิดว่าเย่ซือเฉินไปได้ยินอะไรมาก่อนแล้ว ถึงแม้ว่าเธอเคยพูดความคิดแบบนั้นกับไป๋หยิง แต่เย่ซือเฉินไม่ใช่ว่าเก่งมากหรอกหรือ? ไม่แน่ว่าจะได้ยินเรื่องอะไรมาก่อนแล้วก็ได้?
ดังนั้นเฉิงโหรวโหรวเพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจของตัวเองออกมา จึงตัดสินใจสารภาพความจริง เพื่อรับความเชื่อใจของเย่ซือเฉิน
เจิ้งฉงได้ยินคำพูดของเฉิงโหรวโหรวแล้ว ก็รู้สึกตกตะลึง ดวงตาคู่นั้นของเจิ้งฉงมองไปยังเฉิงโหรวโหรว แล้วจ้องมองเธอเอาไว้ สายตานั้นเหมือนกับเห็นสัตว์ประหลาดอย่างไรอย่างนั้น
ตอนนี้เย่ซือเฉินโมโหเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เย่ซือเฉินได้ให้บอร์ดี้การ์ดมาจับตัวพวกเขาโยนออกไป ไม่คิดว่าตอนนี้เฉิงโหรวโหรวจะพูดแบบนี้กับเย่ซือเฉิน?
เฉิงโหรวโหรวบ้าไปแล้วหรือเปล่า?
เธอไม่ต้องการชีวิตตัวเองแล้วใช่ไหม?
เดิมทีเย่ซือเฉินที่มีใบหน้าเย็นชาอยู่แล้ว ตอนที่ได้ยินคำพูดของเฉิงโหรวโหรว ดวงตาก็กะพริบไหวเล็กน้อย ดูแล้วนี่คงจะเป็นละครฉากใหญ่เสียแล้ว!!
ยั่วยวนเขาให้มาอยู่ในกำมือก่อน? หลังจากนั้นค่อยสลัดเขาทิ้งอย่างนั้นหรือ?
ในสมองของเจ้าหญิงองค์นี้เกรงว่าจะมีแต่ปูนเต็มไปหมดแล้วหรือเปล่า?!
เลขาหลิวที่เพิ่งพาบอร์ดี้การ์ดมานั้นก็ตกตะลึงไป มุมปากอดที่จะกระตุกขึ้นมาไม่ได้
เมื่อครู่เขาได้ยินอะไร? ได้ยินว่าอะไรกัน?
เมื่อครู่นี้เจ้าหญิงนั่นบอกว่าจะยั่วยวนท่านประธานในมาอยู่ในกำมือก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อยสลัดท่านประธานทิ้งอย่างนั้นหรือ?
พระเจ้า! นี่มันเกิดสถานการณ์อะไรขึ้นกัน?!
ยังจะยั่วยวนท่านประธานของเขาให้มาอยู่ในกำมือ? ใครให้ความมั่นใจนี้กับเธอกัน?
และยังคิดที่จะสลัดท่านประธานทิ้งหลังจากที่ยั่วยวนได้แล้ว ใครให้ความกล้าขนาดนี้กับเธอ?
คนที่กล้าจะสลัดท่านประธานของเขาออกได้นั้น นอกจากคุณผู้หญิงแล้วก็ไม่มีใครอื่นได้อีกแล้ว!!
เขาออกมาก็ไม่นานนี่ ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้? เลขาหลิวรู้สึกว่าช่วงเวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงกว่า โลกทั้งใบราวกับเปลี่ยนไปเป็นภาพลวงตาเลยอย่างไรอย่างนั้น
มิน่าล่ะ ท่านประธานถึงได้หาบอร์ดี้การ์ดมาเอาตัวพวกเขาออกไป
“แต่ฉันได้เห็นคุณครั้งแรกฉันก็เปลี่ยนความคิดแล้ว เพราะว่าฉันเห็นคุณแวบแรก ฉันก็ชอบคุณแล้ว ชอบคุณมากๆ เพราะฉะนั้นฉันจะแต่งงานกับคุณ” แต่เฉิงโหรวโหรวกลับไม่เข้าใจถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากคำพูดเหล่านั้นของเธอ เธอยังจะแสดงความจริงใจของตัวเองออกมาต่อ
เธอคิดว่าเธอสารภาพกับเย่ซือเฉินแล้ว หลังจากนั้นค่อยแสดงความคิดของตัวเองออกมา เย่ซือเฉินก็จะเชื่อเธอ และยอมรับเธอ
ครั้งนี้เย่ซือเฉินขี้เกียจแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาเสียด้วยซ้ำ สำหรับของเล่นที่ปัญญาอ่อนแบบนี้ เขาไม่อยากจะเสียเวลาแล้วจริงๆ
“อย่า อย่าเชียวนะครับ” เลขาหลิวรีบเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว เลขาหลิวเข้าใจท่านประธานของตัวเองดี สถานการณ์เช่นนี้ท่านประธานจะต้องขี้เกียจพูดอะไรออกมาแล้วอย่างแน่นอน แต่ท่านประธานไม่พูด คำพูดบางอย่างเขาก็จำเป็นจะต้องเอ่ยพูดออกมาให้ชัดเจน หลีกเลี่ยงว่าเจ้าหญิงอะไรนี่จะมาพูดจาเหลวไหลที่นี่ หากรู้ไปถึงหูของคุณผู้หญิงเข้า แล้วทำให้คุณผู้หญิงเข้าใจผิดก็คงจะไม่ดี
“เจ้าหญิง….ใช่ไหมครับ?” เลขาหลิวเดินมาตรงหน้าของเฉิงโหรวโหรวทันที : “ขอให้คุณอย่าชอบท่านประธานของผมเลยนะครับ อย่าได้มาทำร้ายท่านประธานของพวกเราเลย”
“ฉันจะทำร้ายเขาได้อย่างไร ฉันอยากจะแต่งงานกับเขา ฉันเป็นถึงเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้เชียวนะ เพียงแค่เขาแต่งงานกับฉัน…….” เห็นได้ชัดว่าเฉิงโหรวโหรวยังไม่เข้าใจความหมายของเลขาหลิว ยังคงเน้นย้ำกับความคิดของตัวเอง
“ครับ ครับ คุณคือเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ แต่ท่านประธานของเรามีครอบครัวแล้ว ดังนั้น ไม่ว่าคุณคือเจ้าหญิงอะไร ขอให้คุณระวังในการกระทำและคำพูดของตัวเองด้วยนะครับ อย่ามาทำร้ายท่านประธานของเราเลย” เลขาหลิวได้พูดออกมาอย่างชัดเจนแล้ว ตรงไปตรงมาเป็นอย่างมาก เขากลัวว่าเจ้าหญิงที่สมองมีปัญหาคนนี้ฟังไม่เข้าใจ
“เท่าที่ฉันรู้มา เย่ซือเฉินยังไม่ได้แต่งงาน ไม่สิ ควรจะพูดว่าเขาหย่าแล้ว ดังนั้นตอนนี้เขาก็ยังโสด ไม่ได้มีครอบครัวอะไรเสียหน่อย เพราะฉะนั้นก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเรื่องที่ฉันจะแต่งงานกับเขา” ครั้งนี้เฉิงโหรวโหรวฟังเข้าใจแล้ว แต่เธอก็ยังคงไม่ยอมง่ายๆ เย่ซือเฉินเก่งขนาดนี้ เก่งกว่าหัวหน้าน้อยเสียอีก เธอจะต้องแต่งงานกับเย่ซือเฉินให้ได้อย่างแน่นอน
เลขาหลิวอึ้งไป ดวงตาคู่นั้นมองไปยังเฉิงโหรวโหรว สีหน้าท่าทางนั้นแปลกไปอยู่บ้าง แล้วจู่ๆเลขาหลิวก็รับรู้ได้ว่าพูดหลักการและเหตุผลกับเจ้าหญิงองค์นี้แล้ว เหมือนกับการสีซอให้ควายฟังอย่างไรอย่างนั้น
เวลานี้เย่ซือเฉินได้ยืนขึ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเดินออกไปทางด้านนอก เห็นได้ชัดว่าไม่อยากจะสนใจเรื่องที่นี่แล้ว วันนี้เดิมทีเขาวางแผนเอาไว้ว่าจะไปหาลูกชายและลูกสาวของตัวเอง อีกทั้งวันนี้เวินลั่วฉิงก็จะกลับมาจากเมืองจิ๋นอีกด้วย เขารับปากเอาไว้แล้วว่าจะไปรับเธอ
เขาคิดว่าคนขององค์กรโกสต์ซิตี้มาที่บริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปจะมีเรื่องอะไรเสียอีก เขาคิดว่าจะได้พบอะไรบางอย่าง คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นสถานการณ์เช่นนี้
รู้ว่าจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก เขาจะไม่มีทางมาเสียเวลาเป็นอันขาด
“พวกนายยังยืนอึ้งอะไรกันอยู่ ยังไม่พาคนออกไปอีก” เลขาหลิวเห็นว่าท่านประธานของตัวเองกำลังเดินไปแล้ว และพูดกับเจ้าหญิงองค์นี้ไม่ได้ ดังนั้นจึงสั่งให้บอร์ดี้การ์ดมาไล่คนไป และนี่ก็คือความหมายของท่านประธานด้วย
ตั้งแต่แรกเริ่มก็ไม่ควรจะมาเสียเวลาพูดไร้สาระกับเจ้าหญิงองค์นี้แล้ว ควรจะไล่ออกไปได้แล้ว
บอร์ดี้การ์ดที่มาด้วยกันกับเลขาหลิวนั้นก็อึ้งไปด้วยเช่นกัน ได้ยินคำพูดของเลขาหลิวก็รีบตอบรับ หลังจากนั้นก็เดินไปตรงหน้าเจิ้งฉงและเฉิงโหรวโหรว : “เชิญทั้งสองท่านครับ”
ท่าทางของบอร์ดี้การ์ดนั้นยังนับว่ามีความเกรงใจอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าท่านประธานจะบอกว่าให้เอาคนออกไป แต่ไม่ลงมือได้ พวกเขาก็จะพยายามไม่ลงมือ
“เย่ซือเฉิน คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ ฉันไม่ไป คุณต้องฟังฉันพูดให้จบก่อน เพียงแค่คุณแต่งงานกับฉัน ฉันจะทำให้คุณได้ในสิ่งที่คุณต้องการทั้งหมด” เฉิงโหรวโหรวเวลานี้ไม่รู้ว่าไปเอาความมั่นใจมาจากที่ไหน ไม่คิดว่าจะมาคุยโวโอ้อวดต่อหน้าเย่ซือเฉินอย่างไม่มีที่สิ้นสุดแบบนี้ อาจจะเป็นเพราะว่าเห็นว่าเย่ซือเฉินจะออกไป และบอร์ดี้การ์ดก็มาไล่เธอจริงๆ ดังนั้นเธอจึงรู้สึกร้อนใจเป็นอย่างมาก
เย่ซือเฉินไม่แม้แต่จะหยุดเดิน ไม่ได้มองเฉิงโหรวโหรว แล้วเดินออกไปเลย
“เย่ซือเฉิน คุณจะต้องเสียใจ ฉันจะทำให้คุณต้องมาเสียใจทีหลัง” เฉิงโหรวโหรวเห็นว่าเย่ซือเฉินไม่ได้สะทกสะท้านอะไรกับคำพูดของเธอ ยังคงเดินจากไปแล้ว เธอก็ยิ่งรู้สึกร้อนรน แล้วเอ่ยพูดคำพูดขู่ออกมา
“เย่ซือเฉิน ถึงตอนนั้นคุณจะต้องรู้สึกเสียใจแล้วก็มาขอร้องฉัน ฉันจะไม่ตอบรับคุณง่ายๆแบบนั้นแล้วนะ” เวลานี้เฉิงโหรวโหรวไม่รู้ว่าคิดอย่างไร แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าเพื่อเป็นการกู้หน้าของเธอกลับมา หรือในใจของเธอคิดแบบนี้จริงๆ