ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1159 ลูกสาวแท้ๆของเขา (2)
“ฆ่าคน? ประเทศของเราเป็นประเทศที่มีกฎหมายนะ จะมาฆ่าคนง่ายๆแบบนี้ ต่อให้เป็นเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ ตอนนี้เธออยู่ในประเทศของพวกเรา ก็จะต้องเคารพกฎหมายของเราสิ”
“พวกเธอพูดจาเหลวไหลอะไรกัน องค์กรโกสต์ซิตี้ไม่ใช่ที่พวกเธอคิดกันแบบนั้น กฎเกณฑ์ขององค์กรโกสต์ซิตี้และระบบก็เข้มงวดมาก ไม่ฆ่าคนไปทั่วหรอก” คนที่บอกว่าไปหาข้อมูลขององค์กรโกสต์ซิตี้มานั้นอดที่จะส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้
“แต่ว่าเจ้าหญิงองค์นี้ดูแล้วน่าตกใจจัง อีกทั้งดูแล้วเธอก็ไม่ได้เหมือนเจ้าหญิงอะไรนั่นด้วย”
“ทำไมฉันถึงไม่เหมือนเจ้าหญิง? พวกเธอไสหัวไปกันเดี๋ยวนี้เลยนะ” เฉิงโหรวโหรวลุกขึ้นยืน แล้วตวาดใส่พวกเด็กผู้หญิงที่พากันวิพากษ์วิจารณ์เธอเมื่อครู่นี้
เฉิงโหรวโหรวทนฟังไม่ได้มากที่สุดก็คือการที่ได้ยินคนอื่นพูดว่าเธอไม่เหมือนเจ้าหญิง ในใจของเธอเองนั้นรู้ดีว่าตัวเองปลอมตัวมา ดังนั้นเธอจึงกลัวว่าคนอื่นจะรู้เข้า
“ดุจัง” เด็กผู้หญิงสองสามคนนั้นตกใจ แล้วรีบหลบให้
เวลานี้ข้อเท้าของเฉิงโหรวโหรวดีขึ้นไม่น้อยแล้ว เธอลุกขึ้นยืนได้อย่างไม่มีปัญหา เธอสบสายตาที่เยาะเย้ยของทุกคน รู้สึกเพียงแค่ความโมโหที่พุ่งมาอยู่ตรงหน้าอก แล้วตวาดออกมาเสียงดังอย่างไม่สนใจภาพลักษณ์อีกครั้ง : “พวกเธอหลีกไป ไสหัวไปให้หมด”
คนที่มุงดูกันอยู่นั้นถูกเธอตวาดแบบนี้ เห็นเธอมีท่าทางบ้าคลั่ง ก็พากันถอยออกมาโดยจิตใต้สำนึก
“เจ้าหญิงอะไรกัน ฉันดูแล้วเหมือนเป็นคนบ้ามากกว่า ไม่อย่างนั้นจะถูกบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปโยนออกมาได้ยังไง”
เฉิงโหรวโหรวกัดฟันด้วยความเกลียดชัง ดวงตาคู่นั้นจ้องมองไปยังคนที่ล้อมมุงดูกันอยู่อย่างรุนแรง : “ฉันไม่ใช่คนบ้า พวกเธอนั่นแหล่ะบ้า”
คนที่มามุงดูเหล่านี้เดิมทีแค่อยากจะมาดูให้สนุกๆ เห็นเฉิงโหรวโหรวที่มีท่าทางเหมือนคนบ้าตอนนี้แล้ว มีสองสามคนที่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วเริ่มถ่ายรูปเอาไว้ และแม้กระทั่งมีบางคนที่ถ่ายเป็นคลิปวิดีโอเอาไว้ด้วย
“อย่าถ่าย ไม่อนุญาตให้ถ่าย พวกเธอห้ามถ่ายนะ” เฉิงโหรวโหรวเห็นว่ามีคนถ่ายรูป ก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา ต่อให้เฉิงโหรวโหรวไม่ค่อยได้เปิดหูเปิดตา แต่ก็รู้ว่าโลกอินเตอร์เน็ตนั้นน่ากลัวมากแค่ไหน ถ้าหากวันนี้เธอถูกถ่ายรูปไปลงอินเตอร์เน็ตในสภาพนี้ เธอก็คงจะจบเห่แล้ว
ถึงตอนนั้น เธอจะต้องถูกทุกคนหัวเราะเยาะอย่างแน่นอน และต่อไปหากเธอได้ไปร่วมงานเลี้ยงอะไรอีก ทุกคนก็จะเยาะเย้ยเธอด้วยเช่นกัน
ภายใต้ความวิตกกังวลนี้ของเฉิงโหรวโหรว เธอคิดอยากจะไปแย่งโทรศัพท์มือถือของสองสามคนนั้นที่เพิ่งจะถ่ายรูปเอาไว้ แต่คนที่เพิ่งจะถ่ายรูปไปนั้นไม่ได้มีแค่คนเดียว ก่อนหน้านี้เฉิงโหรวโหรวก็ข้อเท้าพลิกอยู่ก่อนแล้ว ถึงแม้จะไม่หนัก แต่ก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่บ้าง ดังนั้นจึงไม่ได้เร็วนัก
สองสามคนนั้นถ่ายรูปถ่ายคลิปเอาไว้ถ่ายต่อไปแล้วพลางถอยหลังไปด้วย ไม่ได้กลัวเฉิงโหรวโหรวอยู่แล้ว
ยิ่งเฉิงโหรวโหรวเป็นแบบนี้ ทุกคนก็ยิ่งอยากจะถ่ายรูปเอาไว้ ถ่ายแล้วโพสต์ลงอินเตอร์เน็ต ให้ทุกคนได้ดูว่าท่าทางของเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้นั้นเป็นอย่างไร
เจิ้งฉงเองก็ลงมาในเวลานี้เช่นกัน เห็นท่าทางที่จนตรอกของเฉิงโหรวโหรว เจิ้งฉงก็เลี่ยงออกมา เขาไม่ได้สนใจเฉิงโหรวโหรว แล้วรีบออกมาเพียงคนเดียว
เฉิงโหรวโหรวตามอยู่นาน แต่ก็ไม่สามารถตามตัวได้เลยแม้แต่คนเดียว ร้อนรนจนเหงื่อท่วมตัว เธอไม่ได้ตามไป แต่แล้วก็มีสติขึ้นมาบ้าง
ถึงแม้ว่าเฉิงโหรวโหรวจะไม่มีสมอง แต่กลับเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ว่าเธอจะไม่สามารถพูดอะไรไปทั่วได้เป็นอันขาด มิเช่นนั้นแล้วจะถูกโพสต์ลงบนอินเตอร์เน็ต ผลลัพธ์ที่ตามมานั่นอันตรายเป็นอย่างมาก
และเฉิงโหรวโหรวเองก็เข้าใจ ว่าเธอตามต่อไปแบบนี้ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่แล้ว จะเป็นการขายหน้ามากยิ่งขึ้นไปเพียงเท่านั้น
เฉิงโหรวโหรวแอบหายใจออกมา ฉลาดขึ้นมาครั้งหนึ่งแล้ว ก็ไม่ได้ตามไปต่อ แล้วหันหลังกลับออกไป
เวลานี้เฉิงโหรวโหรวเองก็ไม่ได้ปิดบังอะไรอีกแล้ว เพราะถึงอย่างไรเมื่อครู่นี้ทุกคนก็เห็นกันหมดแล้ว ตอนนี้หากจะอำพรางตัวอีกก็ไม่มีความหมายอะไรแล้วเช่นกัน
หลังจากที่เฉิงโหรวโหรวกลับออกไปแล้วนั้น ก็มีคนเอารูปถ่ายที่ถ่ายเอาไว้และคลิปวิดีโอเมื่อครู่นี้ส่งลงบนอินเตอร์เน็ต
และผ่านไปไม่นาน ก็มีพาดหัวข่าวขึ้นมา – เจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ถูกบอร์ดี้การ์ดบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปจับโยนออกมา
ข่าวแบบนี้ ทุกคนก็ให้ความสนใจมาโดยตลอดอยู่แล้ว โดยเฉพาะองค์กรโกสต์ซิตี้ที่ลึกลับไม่ค่อยปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน เนื่องจากว่าช่วงนี้มีข่าวเกี่ยวกับเจ้าหญิงที่เพิ่งได้ตัวกลับมาเผยแพร่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ทุกคนก็ต่างรู้สึกสงสัยมาโดยตลอดว่าเจ้าหญิงองค์นี้เป็นอย่างไรกันแน่
ตอนแรกที่เฉิงโหรวโหรวได้ทำการตรวจดีเอ็นเอกับซ่างกวนหงองค์กรโกสต์ซิตี้ก็ได้ออกมาเปิดเผยและยอมรับข่าวของเฉิงโหรวโหรว ทางเมืองAเจิ้งฉงเป็นคนรับผิดชอบ ดังนั้นตอนนั้นรายงานออกมาอย่างละเอียด ได้ออกสื่อมากมายเช่นกัน
ตอนนั้นทั้งเมืองก็เป็นการพูดถึงที่ร้อนแรงมาก หลายๆคนก็ล้วนแต่อิจฉาเจ้าหญิงที่ถูกหาตัวกลับมายังองค์กรโกสต์ซิตี้นี้มาก
ตอนนี้เห็นเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ถูกบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปโยนออกมา หลายๆคนก็รู้สึกตกตะลึง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เกี่ยวกับตระกูลเย่ แทบจะทุกคนในเมืองAล้วนรู้ดี เกี่ยวกับคุณชายสามเย่ประธานบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ป ทุกคนต่างก็รู้กันทั้งนั้น
“คุณชายสามเย่นี่ทะเลาะกับองค์กรโกสต์ซิตี้จริงๆแล้วหรือ? คุณชายสามเย่ตรงไปตรงมาเสียจริงๆ”
“คุณชายสามเย่จับตัวเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้โยนออกมา นั่นก็คือไม่ได้เห็นความสำคัญขององค์กรโกสต์ซิตี้เลย คุณชายสามเย่ร้ายกาจไปหน่อยหรือเปล่า?”
“คุณชายสามเย่คิดจะทำอะไร? ใช่ว่าต้องการจะยึดองค์กรโกสต์ซิตี้คืนหรือเปล่า? รวมองค์กรโกสต์ซิตี้ให้เป็นปึกแผ่นอย่างนั้นหรือ?”
“คุณชายสามเย่องอาจสง่าผ่าเผยมาก”
“คุณชายสามเย่ ฉันสนับสนุนคุณรวมองค์กรโกสต์ซิตี้ให้เป็นปึกแผ่น จัดการเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้เลย”
“ข้างบนตาบอดไปแล้ว คนแบบนี้คุณชายสามเย่จะเอาอย่างนั้นหรือ อย่ามาทำให้ตาของคุณชายสามเย่ต้องแปดเปื้อนเลย”
“คุณชายสามเย่จับโยนออกไปแบบนั้นแล้ว ยังจะจัดการอะไรอีก”
“เจ้าหญิงองค์นี้อัปลักษณ์ไปหน่อยจริงๆ อย่าว่าแต่คุณชายสามเย่จะไม่ชอบเลย ฉันก็ไม่ชอบเหมือนกัน”
“คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้จะเป็นแบบนี้ ยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้จริงๆ”
“ฉันได้ยินมาว่าหัวหน้าแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้สง่าผ่าเผย มีพรสวรรค์อันน่าอัศจรรย์ หากว่ากันตามเหตุตามผลแล้วเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ก็ไม่ควรจะเป็นแบบนี้สิ? นี่คงจะไม่ใช่เจ้าหญิงตัวปลอมหรอกใช่ไหม?”
“อาจจะเป็นไปได้ รู้สึกว่าหัวหน้าแห่งองค์กรควรจะไปตรวจดีเอ็นเอนะ”
“ข้างบนจะไร้เดียงสาเกินไปแล้ว การจะยอมรับเจ้าหญิงได้จะยอมรับไปทั่วได้ยังไงกัน คงจะมีการตรวจดีเอ็นเอแล้ว มังกรกำเนิดลูก9ตัวก็ยังไม่เหมือนกันได้เลย เข้าใจรึเปล่า!”
เกี่ยวกับคำวิพากษ์วิจารณ์บนอินเตอร์เน็ตนั้นก็มีมากมายหลากหลายเต็มไปหมด
ในห้องภาพของซ่างกวนหง
“หัวหน้าครับ เฉิงโหรวโหรวไปที่บริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปมา หลังจากนั้นก็ถูกบอร์ดี้การ์ดของตระกูลเย่จับโยนออกมาครับ” ผู้ดูแลเอาข่าวบนอินเตอร์เน็ตมาแล้วยื่นส่งไปตรงหน้าซ่างกวนหง
แต่ซ่างกวนหงกลับไม่แม้แต่จะเหลือบมองเลยเสียด้วยซ้ำ ยังคงตั้งใจวาดรูปต่อเช่นเดิม
“หัวหน้า เรื่องนี้จะต้องจัดการหรือเปล่าครับ?” ผู้ดูแลเห็นว่าหัวหน้าไม่มีปฏิกิริยา คิดแล้วนั้นก็อดที่จะเอ่ยถามขึ้นมาไม่ได้ : “ตอนนี้เรื่องนี้สร้างความวุ่นวายมาก จะไม่ดีต่อองค์กรของพวกเรานะครับ”
“ไม่ต้อง” แต่เห็นได้ชัดว่าซ่างกวนหงไม่ได้สนใจเลย ดวงตาเขาไม่ไหวติง ดวงตาคู่นั้นยังคงจดจ้องอยู่บนรูปภาพนั้นอยู่ตลอด
ลึกๆในใจของผู้ดูแลนั้นแอบถอนหายใจออกมา เรื่องแบบนี้ เพียงแค่หัวหน้าเอ่ยพูดขึ้นมาประโยคเดียว ก็จะสามารถจัดการได้ในทันที รับประกันได้เลยว่าข่าวบนอินเตอร์เน็ตเหล่านั้นจะหายวับไปในทันที
แต่เห็นได้ชัดว่าหัวหน้าไม่ได้คิดอยากที่จะสนใจเฉิงโหรวโหรวเลยเสียด้วยซ้ำ
แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องของคนอื่นเลย เฉิงโหรวโหรวเป็นคนทำตัวเองทั้งนั้น
“เธอไปทำอะไรที่ตระกูลเย่?” ไม่รู้ว่าซ่างกวนหงนึกถึงอะไรอยู่ จู่ๆถึงได้หยุดมองรูปภาพนั้น แล้วมองมายังผู้ดูแล