ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1162 หัวหน้าลงมือ ใครจะสู้ไหว (2)
ถังหลินจงใจหยุดพูด ทว่าไม่รอให้เย่ซือเฉินตอบ เขาก็รู้ว่าเย่ซือเฉินไม่ตอบแน่นอน เขามองเย่ซือเฉินพลันกล่าวด้วยเสียงยิ้มแย้ม “เมื่อก่อนผมไม่เคยเห็นคุณรับฉิงฉิงมาก่อนเลย ไม่เคยเห็นคุณเอาอกเอาใจฉิงฉิงมาก่อน ตอนนี้ฉิงฉิงมีลูกชายลูกสาวให้คุณแล้วคุณถึงกับเอาอกเอาใจขนาดนี้เชียวเหรอ มุ่งเป้ามาที่ลูกชัดๆ ไม่ใช่เพราะฉิงฉิงอย่างเดียว”
“ถังหลินพอได้แล้ว บัญชีของคุณผมยังไม่ได้คิดเลย”เย่ซือเฉินส่งเสียงในที่สุด ถังหลินพูดเกินไปแล้ว ความรักที่เขามีต่อเวินลั่วฉิงไม่มีทางแตกต่างเพราะมีหรือไม่มีลูกหรอก เมื่อก่อนเขารู้ว่าเวินลั่วฉิงมีลูกไม่ได้ เขาเลยตัดสินใจอย่างหนักแน่นว่าจะไม่มีลูก
เมื่อก่อนเขาไม่เคยมารับเวินลั่วฉิงที่สนามบินจริงๆ และไม่เคยเอาอกเอาใจเวินลั่วฉิงมาก่อน ทว่าโทษเขาได้ไหมล่ะ?
ตระกูลถังของพวกเขากันเขาอย่างกับกันหมาป่าอย่างไรอย่างนั้น ไม่ให้เขากับหน้าเวินลั่วฉิงเจอกัน ไม่อยากเอาอกเอาใจเวินลั่วฉิงแต่ก็ไม่มีโอกาสเจอหน้ากันเลย
แน่นอนตอนนี้รู้ว่าตัวเองมีลูกชายลูกสาวคู่หนึ่ง เขาก็มีความสุขจริง ดีใจจริง และเซอร์ไพรส์มากจริงๆ
ไม่เพียงแต่เพราะเขาได้เป็นพ่อคนแล้ว สาเหตุที่สำคัญกว่าก็คือเป็นลูกของเขากับเวินลั่วฉิง
เธอคลอดลูกให้เขา!!
“ขนาดนั้นเชียว?”ถังหลินเม้มปากเล็กน้อย“ลูกชายลูกสาวเป็นของคุณ ไม่หนีไปไหนหรอก……”
“พวกเขากลับมาอยู่บ้านตระกูลถังนานแค่ไหนแล้ว?”เย่ซือเฉินตัดบทถังหลินกะทันหัน พลางถามโดยตรงหนึ่งประโยค เย่ซือเฉินพึ่งนับพ่อนับลูกกับเย่ซือเฉินเมื่อคืน เย่ซือเฉินรู้ว่าช่วงนี้ถังจื่อโม่พักอยู่ที่บ้านตระกูลถังโดยตลอด เพียงแต่ไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่นานแค่ไหนแล้ว?
ตอนที่เวินลั่วฉิงกลับไปอยู่ในบ้านตระกูลถังใหม่ๆ เด็กๆทั้งสองคนน่าจะยังไม่มาอยู่ด้วย เพราะตอนเวินลั่วฉิงกลับไป ทางตระกูลถังได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับเวินลั่วฉิงขึ้น ซึ่งหากตอนนั้นเด็กทั้งสองอยู่ด้วยจริงๆ ตระกูลถังคงไม่อาจซ่อนเด็กไว้ได้
“อันที่จริงตอนที่ฉิงฉิงกลับมาช่วยไขคดีของตระกูลถัง พวกเราก็อยากรับเด็กๆกลับมาแล้ว ตอนนั้นประเด็นสำคัญคือถูกถังไป๋เชียนขัดขวาง ถังไป๋เชียนรู้ว่าฉิงฉิงเป็นลูกหลานตระกูลถัง แต่เขาไม่เพียงแต่ไม่บอกฉิงฉิงเท่านั้น เขายังกีดกั้นไม่ให้ผมตามหาฉิงฉิงเจอด้วย ดังนั้นผมกลัวถังไป๋เชียนใช้เด็กทั้งสองคนเป็นเครื่องมือเพื่อทำอะไรบางอย่างกับฉิงฉิง”รอยยิ้มบนใบหน้าของเลือนหาย มีความจริงจังหลายส่วน
เย่ซือเฉินได้ยินถังหลินกล่าวนัยน์ตาพลันทำหน้ากลุ้มเล็กน้อย“แต่ตอนนั้นคุณไม่ได้รับตัวเด็กทั้งสองกลับมา?”
ถังหลินบอกว่าตอนที่เวินลั่วฉิงช่วยไขคดีก็คิดจะพาเด็กทั้งสองกลับมา แต่เมื่อเวินลั่วฉิงทำคดีผ่านไปหลายวัน จนกระทั่งคลี่คลายแล้วเสร็จและตระกูลถังได้จัดงานเลี้ยงให้กับเวินลั่วฉิง แต่ก็ยังไม่ได้รับตัวเด็กทั้งสองกลับมา
“ใช่ ความจริงยืนยันว่าผมไม่ได้ตีตนไปก่อนไข้ กังวลอย่างไร้เหตุผล ตอนนั้นเพราะถังไป๋เชียนเข้าแทรกแซง จึงไม่อาจรับเด็กๆกลับมาอย่างราบรื่น แต่โชคดีที่ตอนนั้นถังไป๋เชียนไม่กล้าทำอะไรที่เกินเลย และบวกกับตอนนั้นเด็กทั้งสองอยู่กับเยว่หงหลิน ตอนนั้นถังไป๋เชียนอยากให้เยว่หงหลินพาเด็กกลับไปที่อเมริกา แต่เยว่หงหลินยืนกรานจะส่งเด็กกลับมา”ถังหลินนึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้นสีหน้าพลันเคร่งเครียดเล็กน้อย ตอนนั้นหากไม่ใช่เยว่หงหลิน ถังไป๋เชียนคงพาตัวกลับประเทศ M จากนั้นก็ให้เด็กทั้งสองผู้เป็นแก้วตาดวงใจอยู่ในประเทศM
“ถังไป๋เชียน”เย่ซือเฉินกระดกมุมปากยิ้มเย็น เขาคาดไม่ถึงว่าถังไป๋เชียนถึงกับอยากเก็บลูกชายลูกสาวของเขาไว้
“แน่นอน เป็นเพราะคุณให้คนจับตามองถังไป๋เชียน เขาเลยไม่กล้าทำอะไรเกินเลย”ถังหลินรู้เรื่องที่เย่ซือเฉินทำเป็นอย่างดี ดังนั้นเขาก็รู้ว่าการที่ถังไป๋เชียนไม่ใช้วิธีแรงๆพาเด็กทั้งสองคนกลับไป ส่วนหนึ่งก็มาจากความหวาดกลัวเย่ซือเฉิน
“เห็นทีว่าผมจะเมตตาถังไป๋เชียนเกินไปแล้ว”เย่ซือเฉินหรี่ตาขึ้น ตอนนั้นหลังจากที่เวินลั่วฉิงหย่ากับเขา ถังไป๋เชียนก็ขัดขวางเขาตามหาเวินลั่วฉิงทุกวิถีทาง
เพียงแต่ถังไป๋เชียนเคยช่วยเหลือเวินลั่วฉิง เวินลั่วฉิงจึงเห็นถังไป๋เชียนเหมือนคนในครอบครัว ตอนนั้นเขาไม่อยากให้เวินลั่วฉิงลำบากใจ ดังนั้นจึงไม่ได้ทำอะไรกับถังไป๋เชียน
“ตอนนี้คุณยังให้คนจับตามองถังไป๋เชียนอีกหรือเปล่า?”ถังหลินถามหนึ่งประโยคกะทันหัน
“ไม่มี”เย่ซือเฉินเลิกคิ้ว“หลังฉิงฉิงกลับมา ถังไป๋เชียนก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ฉิงฉิงก็รู้เรื่องที่ถังไป๋เชียนทำกับเธอบางส่วน เลยไม่คิดกลับอเมริกาอีก ผมเลยไม่ให้คนจับตามองเขาแล้ว”
“ถังไป๋เชียนคนนี้มีความอดกลั้นสูง ผมรู้สึกไม่วางใจเล็กน้อย เกรงว่าจะทำอะไรที่ส่งผลเสียต่อฉิงฉิงอีก”ถังหลินรู้จักถังไป๋เชียนดี ดังนั้นสีหน้าของถังหลินในตอนนี้มีความหนักอึ้งนิดๆ
“ผมให้คนไปจับตามองต่อ”เย่ซือเฉินชะงักชั่วครู่ ทำให้ถังหลินรู้สึกอย่างนี้ได้ และเรื่องนี้เกี่ยวโยงไปถึงเวินลั่วฉิงกับลูกทั้งสองคน เขาจึงไม่กล้าประมาทเลินเล่อแม้แต่นิดเดียว
“อืม ให้คนจับตามองแล้วสบายใจกว่า”ถังหลินพยักหน้าเบาๆ เขาไม่ได้เป็นกระต่ายตื่นตูม แต่สำหรับบางเรื่องก็ควรระมัดระวังไว้บ้างจะดีกว่า
“ใช่แล้ว ได้ยินมาว่าวันนี้คุณให้คนโยนองค์หญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้ออกไปเหรอ?”ถังหลินไม่คุยเรื่องถังไป๋เชียนต่อ ในเมื่อเย่ซือเฉินให้คนจับตามองแล้วก็ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน เพราะเขาเชื่อมั่นใจความสามารถของเย่ซือเฉิน เพียงแต่ถังหลินรู้สึกประหลาดใจที่เย่ซือเฉินโยนองค์หญิงองค์กรโกสต์ซิตี้ออกจากประตูบริษัท
“เธอไปขัดใจอะไรคุณเหรอ?”ถังหลินไม่ใช่ประเภทสอดรู้สอดเห็น ทว่าเรื่องนี้แปลกเกินไป เพราะเย่ซือเฉินไม่ใช่คนที่โกรธอะไรง่ายๆ หากองค์หญิงคนนั้นไม่ล้ำเส้นของเย่ซือเฉิน เย่ซือเฉินคงไม่ทำอย่างนั้นเด็ดขาด
เพราะทั้งเขาและเย่ซือเฉินรู้อำนาจขององค์กรโกสต์ซิตี้ดี ตั้งตัวเป็นอริกับองค์กรโกสต์ซิตี้อย่างนี้ ไม่ว่าจะสำหรับเขาหรือสำหรับเย่ซือเฉินล้วนไม่เป็นผลดีด้วยกันทั้งสิ้น
คดีของตระกูลถังสองครั้งก่อน ล้วนเกี่ยวข้องกับองค์กรโกสต์ซิตี้ทั้งนั้น ซึ่งพวกเขาสืบเรื่องนี้เสมอมา เมื่อวานซืนฉิงฉิงโทรมาบอกเขาว่า ในองค์กรโกสต์ซิตี้มี ‘คนรู้จักเก่า’ของเธออยู่หนึ่งคน และ‘คนรู้จักเก่า’ของฉิงฉิงคนนี้นี่เองที่ใช้อำนาจขององค์กรโกสต์ซิตี้โจมตีพวกเขา
นั้นหมายถึงไม่ใช่ทั้งองค์กรโกสต์ซิตี้ที่เป็นศัตรูกับพวกเขา
ทว่าตอนนี้เย่ซือเฉินโยนองค์หญิงองค์กรโกสต์ซิตี้ออกนอกประตู เกรงว่าคงต้องปะทะกับองค์กรโกสต์ซิตี้ทั้งองค์กรอย่างเต็มรูปแบบซะแล้ว
แน่นอน ถังหลินไม่มีทีท่าตำหนิเย่ซือเฉินเลยสักนิด เขากับเย่ซือเฉินเป็นสหายสนิทกันมายี่สิบกว่าปี เขารู้จักเย่ซือเฉินดี รู้ว่าเย่ซือเฉินต้องมีเหตุผลแน่
เพราะอย่างไรเสียเย่ซือเฉินก็ไม่อยากเป็นศัตรูกับทั้งองค์กรโกสต์ซิตี้อยู่แล้ว
เขาไม่รู้ว่าองค์หญิงองค์กรโกสต์ซิตี้ทำอะไร ถึงทำให้เย่ซือเฉินโกรธขนาดนี้
“เธอจะให้ผมแต่งงานกับเธอ!!”เย่ซือเฉินไม่ปิดบังถังหลิน บอกให้รู้ตรงๆ!!