ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1188 คุณชายสามเย่รู้ความจริงแล้ว (1)
แต่ตอนนี้ผู้ดูแลกลับรู้สึกว่าเหตุผลนี้ดีมาก ยิ่งใหญ่มาก มากพอที่จะทำให้คนไม่สามารถโต้แย้งได้
ซ่างกวนหงเองก็มองไปยังรูปภาพที่ตัวเองวาด ช่วงเวลานี้ที่จู่ๆในหัวของเขาก็มีลักษณะท่าทางของเธอขึ้นมา ท่าทางของเธอจากที่เลือนรางเข้ามาสู่ในหัวของเขาค่อยๆกลายเป็นชัดเจนขึ้น และเขาก็ยังแน่ใจว่าเป็นเธออีกด้วย
ตอนนั้นถึงแม้ว่าเขาจะถูกวางยา ความรู้สึกเลือนราง แต่ถึงอย่างไรเขากับเธอก็อยู่ด้วยกันมาเป็นเวลานานขนาดนั้น อีกทั้งยังทำเรื่องที่สนิทสนมกันขนาดนั้น เขาคิดว่าเขาจะต้องเห็นลักษณะท่าทางของเธออย่างชัดเจนในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งอย่างแน่นอน เพียงแต่เป็นเพราะยาจึงทำให้หลังจากที่เขาฟื้นขึ้นมาแล้วนั้นจำอะไรไม่ได้เลย
หลังจากที่ได้เห็นรูปของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังในครั้งนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าจะดูพิเศษอยู่บ้าง ถึงแม้จะชอบคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง แต่ตอนนั้นเขาไม่ได้เอาคุณหนูใหญ่ตระกูลถังกับคนๆนั้นในความทรงจำมาเชื่อมเข้าด้วยกัน
เพียงแต่ต่อมานั้น ในหัวของเขาก็ค่อยๆมีรูปร่างหน้าตาของเธอปรากฏขึ้น
ลักษณะท่าทางของเธอเหมือนกับขุดขึ้นมาจากจุดที่อยู่ลึกที่สุดในความทรงจำของเขา หรือบางทีคงจะพูดได้ว่าถูกส่งออกมาจากจิตใต้สำนึกลึกๆก็ได้เช่นกัน เห็นรูปถ่ายของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังอาจจะเป็นหนึ่งดัชนี แต่เขาจะไม่เอาทั้งสองคนมาพูดปะปนกันอย่างเด็ดขาด
เขารู้อย่างชัดเจนดีว่าที่เขาวาดนั้นคือคนนั้นในความทรงจำของเขา
ดังนั้นวันนี้ที่เขาพยายามวาดรูปเธออย่างสุดชีวิต ก็ต้องการที่จะวาดลักษณะท่าทางของเธอออกมา แล้วเก็บเอาไว้จะไม่ได้ไม่ต้องลืมอีก
หลังจากที่วาดเสร็จแล้วนั้น เขาถึงได้พบว่าคนในรูปวาดนั้นเหมือนกับคุณหนูใหญ่ตระกูลถังเป็นอย่างมาก แต่เป็นเช่นนี้ เขาก็ไม่ได้รู้สึกสงสัยอะไรมาก่อนเลยเช่นกัน เขารู้ว่าที่เขาวาดนั้นไม่ใช่คุณหนูใหญ่ตระกูลถัง
แล้วก็ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเขาเห็นรูปถ่ายของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังแล้วถึงได้วาดรูปบุคคลที่อยู่ในความทรงจำคนนั้นออกมามีลักษณะท่าทางเหมือนคุณหนูใหญ่ตระกูลถังด้วยเช่นกัน
นั่นเป็นไปไม่ได้เป็นอันขาด คนนั้นคือผู้หญิงที่เขารักมาก ทุกๆส่วนรูปลักษณะเขาใช้ใจในการวาดออกมา ไม่ผิดอย่างแน่นอน
ดังนั้น สำหรับประโยคนี้ของผู้ดูแลจ้ง เขาจึงเห็นด้วยเป็นอย่างมาก
คุณหนูใหญ่ตระกูลถังกับเธอในความทรงจำนั้นเหมือนกันมากขนาดนั้น เพราะฉะนั้นคุณหนูใหญ่ตระกูลถังอาจจะเป็นลูกสาวของเธอจริงๆ
ผู้ดูแลจ้งได้ยินคำพูดของหัวหน้าตัวเองแล้วกลับดูตกตะลึงไปอย่างเห็นได้ชัด ผู้ดูแลจ้งปักใจเชื่อมาตลอดว่าหัวหน้าของตัวเองวาดคุณนายตามลักษณะท่าทางของคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง
ผู้ดูแลจ้งแอบถอนหายใจออกมา เมื่อครู่นี้เขาเพิ่งจะรีบร้อนหาเหตุผล คิดไม่ถึงว่าหัวหน้าจะจริงจังขนาดนี้ จนทำให้ผู้ดูแลจ้งไม่รู้จะพูดอะไรออกมาเลย
ตอนนี้ผู้ดูแลจ้งเพียงแค่หวังว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังจะเป็นลูกสาวของหัวหน้าจริงๆ
เย่ซือเฉินอยู่ด้วยกับกับเด็กๆทั้งสองคนที่ตระกูลถังอยู่พักหนึ่ง เนื่องจากเรื่องการแก้ไขปัญหาเรื่องการแต่งงานนั้นเย่ซือเฉินหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงมาตลอด แล้วก็ไม่ยอมปรึกษากับทุกคนด้วยเช่นกัน คนอื่นๆเองก็ไม่ได้เอ่ยพูดอะไรกันอีก
หลังจากที่เย่ซือเฉินออกมาจากตระกูลถังแล้ว ก็ต่อสายหาเลขาหลิวขึ้น : “เรื่องที่ฉันให้นายไปทำเรียบร้อยแล้วหรือยัง?”
เดิมทีเย่ซือเฉินไม่อยากจะทำเรื่องนี้อย่างรีบร้อนมากนัก แต่คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่กลับบีบบังคับเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
“ได้ประมาณนึงแล้วครับ ยังเหลือขั้นตอนสุดท้ายอยู่นิดหน่อยครับ ถ้าหากท่านประธานรีบล่ะก็ ผมจะไปเร่งให้อีกนะครับ วันนี้คงจะไม่มีปัญหา” เลขาหลิวที่อยู่ทางปลายสายรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง แต่กลับตอบกลับท่านประธานของตัวเองอย่างรวดเร็ว
“อืม ดีมาก!” เย่ซือเฉินตอบรับด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ เดิมทีเขาคิดว่าคงไม่เร็วขนาดนั้น ประสิทธิภาพในการจัดการงานของเลขาหลิวนั้นยังคงสูงมากอยู่เหมือนเดิม
“ท่านประธาน จะต้องทำแบบนี้ใช่ไหมครับ” เลขาหลิวลังเล ยังลองหยั่งเชิงเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
เลขาหลิวเองก็รู้ว่าหลายปีมานี้ท่านประธานไม่ได้ผ่านมาง่ายๆเลย แต่เมื่อก้าวนี้ได้ก้าวออกไปแล้ว ท่านประธานจะไม่สามารถย้อนกลับมาได้อีก ถึงตอนนั้นจะต้องเป็นที่ดึงดูดกันอย่างฮือฮาแน่นอน ทุกคนยังไม่รู้เลยเสียด้วยซ้ำว่าจะพูดถึงท่านประธานกันอย่างไร
“นายจัดการให้เรียบร้อยก่อนแล้วกัน” เย่ซือเฉินไม่ได้ตอบกลับไปตรงๆ เขาตัดสินใจแล้ว แต่บางคำพูดเขาก็ไม่อยากจะพูดออกมา ถึงแม้ว่าเรื่องเหล่านั้นที่คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ทำนั้นจะเกินไป แต่เขานึกถึงสิ่งที่ตัวเองจะต่อทำต่อไปนั้น ในใจก็รู้สึกจริงจังและหนักแน่นขึ้นมา
“ครับ ผมทราบแล้วครับ” เลขาหลิวได้ยินน้ำเสียงที่จริงจังและหนักแน่นของท่านประธานแล้วจึงไม่ได้เอ่ยถามต่อ
หลังจากที่เย่ซือเฉินวางสายไปแล้ว ก็นั่งอยู่ในรถคนเดียว ไม่ได้รีบขับรถออกไป แต่กลับนั่งเอนพิงเบาะทางด้านหลัง แล้วค่อยๆหลับตาลง ดวงตาทั้งสองข้างปิดลงแล้วก็สามารถปกปิดทุกๆอารมณ์ของเขาได้ ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
เย่ซือเฉินคงท่าทางเช่นนี้เอาไว้เป็นเวลานาน ไม่ขยับ ถึงแม้ว่าจะตัดสินใจทำลงไปแล้ว แต่ในใจก็ยังคง…….
และในเวลานี้เอง จู่ๆเสียงโทรศัพท์ของเย่ซือเฉินก็ดังขัดการคิดไตร่ตรองของเขาขึ้นมา
เย่ซือเฉินลืมตาขึ้นมา ในเวลานั้นราวกับไม่รับรู้เรื่องราวอะไรมากมายขนาดนั้น เขางงงวยอยู่พักหนึ่ง หลังจากนั้นถึงได้หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เห็นว่าเป็นกู้หวูโทรเข้ามา เขาก็รู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง แล้วกดรับสายอย่างรวดเร็ว
ถ้าไม่มีเรื่องอะไรพิเศษกู้หวูจะไม่โทรหาเขาในเวลาแบบนี้ โดยเฉพาะหลังจากที่ผ่านเรื่องการลักพาตัวถังจื่อซีไปเมื่อคืนนี้
“เจ้านายครับ ผมเจอกับปัญหานึง รู้สึกว่ามันแปลกๆอยู่บ้าง ก็เลยโทรมารายงานเจ้านายครับ” กดรับสายแล้ว เสียงของกู้หวูก็ดังขึ้นมา เพียงแต่ดูเหมือนไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไร
“ปัญหาอะไร?” เย่ซือเฉินขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย กู้หวูบอกว่ามีปัญหา ก็คงไม่มีทางที่จะไม่เกี่ยวกับเรื่องปัญหาสำคัญ
“ผมพบว่าไอ้หนอนพาคนมาค้นหาทุกพื้นที่ทั่วทั้งเมืองA ดูเหมือนว่าจะกำลังหาใครอยู่ ไอ้หนอนเป็นคนของคุณปู่เย่ ผมเดาว่าคุณปู่เย่อาจจะให้เขาหาตัวใครอยู่” และนี่คือสาเหตุที่กู้หวูโทรหาเย่ซือเฉิน คุณปู่เย่ต้องการหาตัวคน กู้หวูก็จะต้องให้เจ้านายของตัวเองรู้ด้วยอยู่แล้ว
“รู้ไหมว่าพวกเขากำลังหาใครอยู่?” ดวงตาของเย่ซือเฉินหรี่ลงเล็กน้อย น้ำเสียงก็ดูเคร่งขรึมลงอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน เวลานี้คุณปู่เย่ให้ไอ้หนอนไปหาคนอย่างนั้นหรือ? คุณปู่เย่ต้องการหาใครกัน?
“ผมยังไม่รู้ครับ เมื่อเจอสถานการณ์นี้ ก็เลยโทรมาหาเจ้านายก่อน จะให้ผมจับตัวคนมาถามไหมครับ”
ความจริงแล้วกู้หวูก็ไม่รู้เรื่องราวที่เป็นรูปธรรมเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่ได้รีบร้อน แล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่โดดเด่นออกมาเป็นพิเศษด้วยเช่นกัน
เพราะถึงอย่างไรเรื่องที่คุณปู่เย่ให้ไอ้หนอนทำนั้นก็ไม่ใช่ครั้งสองครั้งแล้ว
“นายจับเอาตัวไอ้หนอนมา คนอื่นๆคงจะไม่รู้รายละเอียด จับตัวมาได้แล้วก็พาไปที่องค์กรยมบาลได้เลย ฉันจะไปที่นั่นตอนนี้แหล่ะ ฉันจะเป็นคนถามเอง” ในใจของเย่ซือเฉินนั้นมีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ก่อนหน้านี้คุณปู่เย่เพิ่งจะประกาศเรื่องแต่งงานของเขากับเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ไป ตอนนี้ก็รีบเร่งให้ไอ้หนอนไปหาตัวคนอีก
อีกทั้งเรื่องที่คุณปู่เย่ให้ไอ้หนอนทำนั้น ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ไม่มีใครรู้ ต้องไม่ใช่เรื่องที่ดีอย่างเด็ดขาด
ในสถานการณ์เช่นนี้คุณปู่เย่ต้องการจะหาตัวใคร? มีหนึ่งคำตอบที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นมาในหัวของเย่ซือเฉิน
แต่เขาหวังว่าจะไม่ใช่แบบที่เขาคิด หวังว่าจะไม่ใช่แบบนั้น
“โอเคครับ ผมรู้แล้ว ผมจะไปจับตัวเขามาเดี๋ยวนี้ ผมจะไปจับตัวเขามาด้วยตัวเอง จะต้องจับตัวคนกลับมาได้แน่ๆครับ” กู้หวูได้ยินเจ้านายตัวเองพูดว่าจะมาถามด้วยตัวเองนั้น ก็มีความจริงจังขึ้นมาในทันที แล้วตัดสินใจที่จะไปจับตัวคนนั้นมาด้วยตัวเอง
หลังจากที่เย่ซือเฉินวางสายไปแล้ว ใบหน้าของเขาดูมืดมนจนน่าตกใจ เวลานี้เขาไม่สนใจที่จะหลับตาเพื่อพักสายตาอีกแล้ว เขารีบขับรถมุ่งไปยังองค์กรยมบาลอย่างรวดเร็ว เวลานี้ในใจของเขายังมีความหวังอยู่เล็กน้อย หวังว่าจะไม่ใช่แบบที่ตัวเองคิด
ไอ้หนอนเป็นพวกอันธพาล ถึงแม้ช่วงหลายปีมานี้จะใช้ชีวิตอยู่ได้ไม่เลวเลยนั้น แต่กลับไม่ใช่คู่ต่อสู้ขององค์กรยมบาลอยู่ดี และยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ไอ้หนอนกำลังพาคนไปตามหาตัวคน และกู้หวูก็ออกโรงเอง ไม่ต้องใช้เวลานานเลยก็จับตัวได้แล้ว
“พวกแกทำอะไรน่ะ? พวกแกกล้าจับตัวฉันอย่างนั้นหรือ พวกแกไม่รู้จักไปสืบรึไงว่าฉันเป็นใคร?” ไอ้หนอนถูกคนที่กู้หวูพามาจับตัวได้ แล้วรู้สึกมึนงงไปเลย แน่นอนว่าเป็นพวกอันธพาล ช่วงเวลาสำคัญก็จะต้องพูดจาให้ดูโหดอยู่แล้ว
“พาตัวไป” กู้หวูขี้เกียจต้องมาพูดไร้สาระกับเขา เจ้านายสั่งเอาไว้ว่าให้จับตัวคนมาให้ได้แล้วพาไปที่องค์กรยมบาลเลย เขาพาตัวคนกลับไปได้ก็จบงานแล้ว
“พวกแกกล้าจับฉันไปอย่างนั้นหรือ? ฉันบอกพวกแกให้นะ ฉันเป็นคนของตระกูลเย่”ถึงแม้ว่าไอ้หนอนจะเป็นพวกอันธพาล แต่เขาก็ชัดเจนดีว่าแรงสยบของตระกูลเย่นั้นยิ่งใหญ่มาก อีกทั้งในช่วงหลายปีมานี้เขาทำเรื่องต่างๆให้กับคุณปู่เย่ ก็นับว่าเป็นคนของตระกูลเย่ด้วยเช่นกัน
กู้หวูได้ยินคำพูดของเขา ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา คนของตระกูลเย่? เขานี่หน้าใหญ่เสียจริงๆ
ทำเรื่องแย่ๆให้กับคุณปู่เย่ไม่กี่เรื่องก็กลายเป็นคนของตระกูลเย่แล้วอย่างนั้นหรือ?
เขาอยู่กับเจ้านายมาขนาดนี้ เขายังไม่กล้าพูดว่าตัวเองเป็นคนของตระกูลเย่เลย
และแน่นอนว่า กู้หวูเองก็รู้สึกเป็นเรื่องที่ยากที่จะเป็นคนของตระกูลเย่อะไรนั่น เพราะเขารู้สึกว่าเจ้านายของตัวเองก็ไม่ค่อยจะสมัครใจที่จะเป็นคนของตระกูลเย่นัก แต่เกิดเรื่องนี้ขึ้นเจ้านายเองก็ไม่สามารถเลือกได้เช่นกัน
“พวกแกเป็นใคร?” ไอ้หนอนเห็นว่าคำขู่ของเขาไม่เป็นผลเลยแม้แต่นิดเดียว คนพวกนี้ไม่ขยับ ยังคงจับตัวเขาเอาไว้เหมือนเดิม แล้วลากเขาขึ้นรถไป