ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1190 ความโมโหของคุณชายสามเย่ ผลลัพธ์ที่ตามมารุนแรงมาก (1)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- บทที่ 1190 ความโมโหของคุณชายสามเย่ ผลลัพธ์ที่ตามมารุนแรงมาก (1)
“รีบๆพูดมา อย่ามาไร้สาระอยู่” กู้หวูรู้สึกงุนงงอยู่บ้าง การกระทำที่อุกอาจโหดร้ายอย่างไรกัน เวลานี้กู้หวูรู้สึกว่าคำพูดของไอ้หนอนนั้นดูจะเกินจริงไปบ้าง คนๆนี้รู้หรือเปล่าว่าอะไรคือการกระทำที่อุกอาจโหดร้าย?
ไอ้หนอนมองไปยังเย่ซือเฉิน เนื่องจากว่าเวลานี้เย่ซือเฉินใส่หน้ากากเอาไว้อยู่ ดังนั้นไอ้หนอนจึงมองไม่เห็นสีหน้าท่าทางบนใบหน้าของเย่ซือเฉิน ไอ้หนอนรับรู้เพียงแค่ว่าสายตาของคนๆนี้นั้นน่ากลัว น่ากลัวมาก ราวกับสามารถจะฆ่าคนได้ตลอดเวลาอย่างไรอย่างนั้น
ไอ้หนอนหัวใจหล่นวูบลงไปโดยไม่รู้ตัว ภายใต้สายตาแบบนั้น เขาไม่กล้ามีอะไรปิดบังทั้งสิ้น : “คุณปู่เย่บอกว่าหลังจากที่ผมหาเด็กผู้หญิงคนนั้นเจอแล้ว ก็เอาตัวเธอส่งไปต่างประเทศ หาคนดูแลเด็กผู้หญิงคนนั้น ไม่ให้เด็กผู้หญิงคนนั้นกลับมาได้อีก….”
“อะไรนะ?” กู้หวูนั้นรู้สึกอึ้งไปหมดแล้ว ถึงแม้ว่ากู้หวูจะเป็นคนพูดมาก แต่เขาก็ไม่เคยที่จะพูดไปทั่วในช่วงเวลาสำคัญๆมาก่อนอยู่แล้ว แต่เวลานี้เขากลับส่งเสียงอุทานออกมา ขัดคำพูดของไอ้หนอน
“คุณปู่เย่รู้สถานะของเด็กผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า? ฉันหมายถึงว่า คุณปู่เย่รู้ว่าเธอกับ……”กู้หวูอยากจะรู้ว่าคุณปู่เย่รู้หรือเปล่าว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นคือลูกของตระกูลเย่
“เขารู้”เวลานี้มุมปากของเย่ซือเฉินยกขึ้นมาเล็กน้อย ยกขึ้นเป็นการยิ้มเยาะที่เยือกเย็น แน่นอนว่าคุณปู่เย่รู้อยู่แล้ว วันนั้นที่บริษัทตระกูลเย่กรุ้ปคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่เคยเจอหน้ากับจื่อซีมาแล้ว อีกทั้งจื่อซียังโทรหาเขาในตอนนั้นอีกด้วย และตอนนั้นเขาเองก็พูดกับคุณปู่เย่และคุณย่าเย่อย่างชัดเจนไปแล้ว
แน่นอนว่า จากความเข้าใจที่เขามีต่อคุณปู่เย่และคุณย่าเย่ คุณปู่เย่จะต้องให้ไปตรวจดีเอ็นเออย่างแน่นอน ผลการตรวจดีเอ็นเอนั้นใช้เวลาเพียงวันเดียวก็ได้ผลออกมา ดังนั้นคุณปู่เย่และคุณย่าเย่ก็ชัดเจนในสถานะของจื่อซีตั้งแต่แรกแล้ว
“เขารู้แล้วแต่ก็ยังจะส่งตัวเด็กไป แล้วยังจะไม่ให้เด็กกลับมาอีกเนี่ยนะ? นี่เขาจะพรากเด็กไปจากพ่อแม่เชียวนะ เด็กก็ยังเล็กขนาดนี้ เขาคิดได้ยังไงกัน? แล้วอีกอย่างเขายังให้คนแบบไอ้หนอนทำเรื่องเหล่านั้นอีก?” เดิมทีกู้หวูคิดว่าไอ้หนอนพูดว่าเป็นการกระทำที่โหดร้ายนั้นดูจะเกินไปเสียด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้กู้หวูกลับรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาแล้ว
ทั้งๆที่คุณปู่เย่รู้ว่าเด็กคนนั้นเป็นเลือดเนื้อของตระกูลเย่ ทำไมพวกเขาถึงสามารถทำกับเด็กอย่างโหดร้ายได้ขนาดนี้กัน อีกทั้งคนอย่างไอ้หนอนทำอะไรก็ไม่ได้น่าเชื่อถืออยู่แล้ว
ไอ้หนอนจะส่งเด็กไปที่แบบไหน? แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะดูแลเด็กได้ดีอีก? กลัวเพียงว่าเด็กอาจจะตายระหว่างทางก่อนเสียมากกว่า
กู้หวูรู้มาโดยตลอดคุณปู่เย่ทำอะไรก็มักจะเกินไปอยู่แล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเกินไปถึงขนาดนี้
มุมปากของเย่ซือเฉินเม้มเข้าหากัน ไม่ได้เอ่ยพูดออกมาอีก เวลานี้มือทั้งสองข้างที่อยู่ข้างตัวเขานั้นกำแน่นไม่หยุด แน่นเสียจนเส้นเลือดผุดขึ้นมา ราวกับว่าหลอดเลือดจะระเบิดออกมาอย่างไรอย่างนั้น
ตอนแรกนั้นเขาก็เดาเอาไว้แล้ว แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่าคุณปู่เย่จะทำเกินไปถึงขนาดนี้ ไม่คิดว่าจะส่งตัวลูกออกไป แยกออกจากพวกเขา
บอกว่าให้คนดูแลอะไรนั่น ความจริงแล้วเป็นการเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดมากกว่า เพื่อไม่ให้ลูกได้กลับมา
ให้คนแบบไอ้หนอนไปจัดการ จะต้องไม่ได้พาเด็กส่งออกนอกไปประเทศที่ดีๆอย่างแน่นอน กลัวว่าจะส่งไปอยู่ในที่ๆยากจนและล้าหลังแบบนั้นมากกว่า ไม่แน่ว่าจะยังมีความวุ่นวายจากสงครามอีกด้วย ชีวิตของลูกก็จะสามารถรับประกันได้ยากแล้ว
ต่อให้ลูกสามารถมีชีวิตอยู่ได้ แต่จากตามความหมายของคุณปู่เย่แล้ว ก็คือให้คนเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดไปตลอดชีวิตนั่นเอง ไม่ให้ลูกได้ออกมาข้างนอกเลย? ไม่ให้ลูกได้ไปโรงเรียน? ไม่ให้ลูกได้มีเพื่อน?
เย่ซือเฉินเพียงแค่คิดถึงเรื่องพวกนั้น ในใจก็รู้สึกเจ็บปวดเสียจนยากที่จะรับได้ เขาไม่รู้เลยจริงๆว่าคุณปู่เย่จะตัดสินใจทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้ นั่นเป็นถึงสายเลือดของตระกูลเย่เชียวนะ
ในใจของเย่ซือเฉินนั้นอดที่จะหัวเราะเยาะออกมาไม่ได้ สายเลือดของตระกูลเย่!
เขาเองก็เป็นสายเลือดของตระกูลเย่เหมือนกัน แต่เพื่อผลประโยชน์ของตระกูลเย่ คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่เคยที่จะเป็นห่วงเขาจริงๆเสียที่ไหนกัน?
ความจริงแล้วคุณปู่เย่และคุณย่าเย่ก็ปฏิบัติกับเขาอย่างโหดร้ายเช่นกัน ตอนนั้นก็เคยแยกเขากับแม่ออกจากกันไป ไม่ให้เขาได้เจอกับแม่ของเขาอีก
เขาไม่ควรที่จะกอดความหวังใดๆเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ส่วนเรื่องนี้ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง
“ถ้าอย่างนั้นคุณ……งั้นเวินลั่วฉิงล่ะ เมื่อกี้นายไม่ได้บอกว่าคุณปู่เย่ให้หาตัวเวินลั่วฉิงให้เจอด้วยไม่ใช่หรือ? ถ้าอย่างนั้นหลังจากที่หาตัวเวินลั่วฉิงเจอแล้ว คุณปู่เย่บอกว่าจะทำอะไรไหม? ให้เวินลั่วฉิงไปอยู่ดูแลลูกด้วยกันหรือเปล่า?” กู้หวูรู้สึกว่าต่อให้คุณปู่เย่จะโหดร้ายซักแค่ไหนก็คงจะไม่มีทางไม่สนใจความเป็นความตายของเด็กตระกูลตัวเองหรอก ไม่ใช่ว่าไอ้หนอนบอกว่าคุณปู่เย่ก็ให้พวกเขาหาตัวเวินลั่วฉิงให้ได้อย่างนั้นหรือ?
ไม่แน่ว่าคุณปู่เย่คิดจะให้เวินลั่วฉิงตามไปดูแลลูกด้วยกันก็ได้
ถ้าหากเป็นแบบนี้ อย่างน้อยๆคุณปู่เย่ก็ยังนึกถึงครอบครัวอยู่บ้างเล็กน้อย ถึงอย่างไรเด็กคนนึงมีแม่ของตัวเองอยู่ข้างๆกายด้วยก็ไม่ได้เลวร้ายจนเกินไป
“ไม่ใช่ คุณปู่เย่ไม่อยากจะให้เด็กอยู่กับเวินลั่วฉิง จึงต้องการที่จะแยกพวกเขาออกจากกัน คุณปู่เย่กังวลว่าเวินลั่วฉิงจะหาลูกเจอ ดังนั้นก็เลยให้พวกเราเอาตัวเวินลั่วฉิงไปขายในเขตภูเขา ในเขตภูเขาแบบนั้นซื้อผู้หญิงที่แต่งงานใหม่ๆ…..”
“ชิบ นี่มัน……” ไม่รอให้ไอ้หนอนพูดจบ กู้หวูก็ตัดบทเขาขึ้นมาอีกครั้ง แน่นอนว่า กู้หวูเองก็เห็นดวงตาคู่นั้นเย็นชาเสียจนจะเป็นน้ำแข็งอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่อยากจะให้ไอ้หนอนได้พูดต่อไปอีก
“พวกเรายังหาคนไม่เจอ เพราะฉะนั้นพวกเราจึงยังไม่ได้ลงมือ ขอร้องล่ะปล่อยผมไปเถอะ” ตอนที่ไอ้หนอนสบตาคู่นั้นของเย่ซือเฉิน ก็ตกใจเสียจนแขนขาไร้เรี่ยวแรงอยู่ที่พื้น สายตาคู่นั้นน่ากลัวเกินไปแล้ว
แน่นอนว่า จนถึงตอนนี้ไอ้หนอนก็รับรู้ได้อย่างชัดเจนแล้วว่าเจ้านายขององค์กรยมบาลนี้อยู่ข้างเวินลั่วฉิง อีกทั้งดูแล้วความสัมพันธ์กับเวินลั่วฉิงก็คงจะไม่ธรรมดาอีกด้วย ดังนั้นไอ้หนอนจึงพยายามล้างความบริสุทธิ์ของตัวเอง
เวลานี้เย่ซือเฉินใส่หน้ากากเอาไว้อยู่ มองไม่เห็นสีหน้าบนใบหน้าของเขา แต่ดวงตาคู่นั้นกลับเยือกเย็นเสียจนทำให้ตกลงไปในอุโมงค์น้ำแข็งที่มีอายุเป็นพันปี สามารถทำให้คนถูกแช่แข็งขึ้นมาได้ในทันที แบบที่แม้แต่เลือดนั้นก็ยังสามารถเย็นจนแข็งได้เลยแบบนั้น
มือของเขายังคงกระชับแน่นเช่นเดิม เนื่องจากว่ากำเอาไว้จนแน่นมาก เล็บที่ไม่ได้ยาวมากของเขาจิกลงไปบนมือ เลือดไหลออกมาไม่หยุด แต่เขากลับไม่ได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่นิดเดียว
เวลานี้เขารู้สึกเพียงแค่ผิดหวัง ความผิดหวังนี้ทำให้เขาความรู้สึกชาไปหมด
เขาคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าคุณปู่เย่ให้คนหาตัวเวินลั่วฉิงนั้นไม่มีเรื่องดีอะไรอยู่แล้ว แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่าคุณปู่เย่จะให้คนเอาตัวเวินลั่วฉิงไปขายที่เขตภูเขาแบบนั้น?
เขารู้ว่าเขตภูเขามีซื้อตัวผู้หญิง หลังจากที่คนพวกนั้นซื้อตัวผู้หญิงไปแล้ว เพื่อที่จะไม่ให้ผู้หญิงหนีไป ก็จะขังตัวผู้หญิงเอาไว้
เย่ซือเฉินนึกถึงเรื่องเหล่านั้นแล้ว ดวงตาคู่นั้นก็ปรากฏความอาฆาตแค้นขึ้นมาอย่างรุนแรง เป็นความแค้นที่สามารถทำลายคนให้กลายเป็นขี้เถ้าได้เลยอย่างไรอย่างนั้น
เย่ซือเฉินไม่ได้เอ่ยถามอะไรอีก เนื่องจากเรื่องราวเป็นอย่างในตอนนี้แล้ว ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องถามแล้วเช่นกัน สิ่งที่ควรรู้เขาก็ได้รู้หมดแล้ว
ถ้าหากมองพิจารณาอย่างละเอียด จะพบว่าเวลานี้ท่าทางในการเดินของเย่ซือเฉินนั้นแปลกไปอยู่บ้าง เนื่องจากว่าตอนนี้ขาทั้งสองข้างของเขากำลังสั่นอยู่นั่นเอง
เป็นเพราะความผิดหวัง! เป็นเพราะความโมโห! หรือยิ่งเป็นเพราะความกลัว!!
โชคดีที่กู้หวูรู้ก่อน ไม่อย่างนั้นถ้าหากไอ้หนอนหาตัวลูกและเวินลั่วฉิงเจอเข้าจริงๆ ผลที่ตามมานั้นเขาไม่กล้าจะคิดเลยเสียด้วยซ้ำ
“พวกคุณ พวกคุณบอกว่าจะปล่อยผม……” ไอ้หนอนเห็นเจ้านายขององค์กรยมบาลจากไปแบบนี้แล้ว ก็รู้สึกงุนงง ตอนนี้เข้าไม่กล้าอยากได้เงินอะไรแล้ว เขาเพียงแค่อยากจะรักษาชีวิตเล็กๆของตัวเองเอาไว้เท่านั้น
“วางใจเถอะ เรื่องที่เรารับปากนายไว้จะต้องทำได้อยู่แล้ว เงินฉันจะให้นายไม่ขาดเลยซักแดนเดียว ได้เงินแล้วก็ออกไปจากเมืองAนี่ซะ” กู้หวูไม่ใช่คนที่จะมาสงสารเห็นใจอะไร และเขาเองก็ไม่ใช่พวกคนที่จะมาชอบยุ่งเรื่องที่ไม่ควรยุ่งอยู่แล้วด้วย แต่เวลานี้เขากลับอดที่จะเตือนไอ้หนอนขึ้นมาไม่ได้
เนื่องจากว่าวิธีของคุณปู่เย่นั้นโหดร้ายมากจริงๆ!!
ถ้าหากให้คุณปู่เย่รู้ว่าไอ้หนอนบอกเรื่องทุกอย่างออกมาทั้งหมดแล้ว ถึงตอนนั้นไอ้หนอนจะต้องตายอย่างอนาถแน่นอน
กับสายเลือดตระกูลเย่ คุณปู่เย่ก็ไม่ได้มีความปราณีเลยแม้แต่นิดเดียว กับคนอย่างไอ้หนอนก็คงจะยิ่งไปกว่านั้น
หลังจากที่เย่ซือเฉินออกมาจากองค์กรยมบาลแล้ว ก็โทรออกหาเลขาหลิวอีกครั้ง
“ท่านประธาน มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?” เลขาหลิวได้รับสายของท่านประธานตัวเองอีกครั้ง ก็รู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง วันนี้ท่านประธานโทรหาเขาบ่อยอยู่เหมือนกัน
“รีบจัดการขั้นตอนทุกอย่างให้เรียบร้อย” เวลานี้เสียงของเย่ซือเฉินเยือกเย็นมาก ผ่านทางโทรศัพท์ เลขาหลิวก็รับรู้ได้ถึงความเยือกเย็นนี้
“ครับ ทราบแล้วครับ” เวลานี้ในใจของเลขาหลิวนั้นมีความสงสัยลอยอยู่เต็มไปหมด แต่กลับไม่ได้เอ่ยถามออกมาเลย
เขาอยู่กับท่านประธานมาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินท่านประธานใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดออกมา เสียงนั้นของท่านประธานเกรงว่าจะสามารถทำให้สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในรัศมีหลายสิบไมล์เย็นจนแข็งไปหมดได้เลย
ท่านประธานบอกให้รีบไปจัดการให้เสร็จ เรื่องนี้มีความยากอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนี้เลขาหลิวก็ไม่ได้พูดคำพูดที่เป็นการปัดออกไปด้วยเช่นกัน ได้ยินน้ำเสียงของท่านประธานตัวเองแล้ว เลขาหลิวก็ไม่กล้าถาม ไม่กล้าพูดจริงๆ!!