ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1194 คุณชายสามเย่ประกาศต่อสาธารณะ(1)
มีคำพูดมากน้อยแค่ไหนที่พูดแล้วต้องทำให้ได้? ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นการแต่งงานของคนมีฐานะอย่างพวกเขา?!
คำพูดนี้ฟังดูแล้วอาจจะทำให้คนกระอักกระอ่วน แต่ในสังคมของเราตอนนี้ สิ่งที่เขาพูดถือเป็นเรื่องปกติ
พวกคนรวยแต่งงานกันก็เพื่อผลประโยชน์ของตระกูล สำหรับพวกคนรวยไม่มีความรักอะไรทั้งนั้น และยิ่งไม่ต้องพูดถึงการรักคนแค่คนเดียว การรักเดียวใจเดียว
ดังนั้น คำพูดของคุณชายสามเย่ในงานแถลงข่าวเมื่อคราวก่อนที่บอกว่านอกจากเวินลั่วฉิงแล้วเขาไม่มีวันแต่งงานกับใคร ความเป็นจริงคนที่เชื่อคำพูดนี้มีไม่กี่คนเท่านั้น สำหรับนักข่าวที่เคยพบเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อนมากมายยิ่งไม่มีวันเชื่อ บางทีอาจจะมีแค่เด็กผู้หญิงที่วันๆเอาแต่เพ้อฝันเท่านั้นที่เชื่อ
“ฉันคิดว่าคุณชายสามเย่ไม่ใช่คนแบบนั้น” นักข่าวสาวยังคงไม่พอใจอย่างมาก:“ฉันรู้สึกว่าคุณชายสามเย่ต้องเป็นผู้ชายที่รักเดียวใจเดียวมากๆ”
นักข่าวสาวรู้สึกว่า คนรวยคนอื่นๆไม่สามารถเชื่อใจได้ แต่คุณชายสามเย่ไม่เหมือนกับพวกเขา ในเมื่อคุณชายสามเย่พูดแบบนั้นในงานแถลงข่าวแล้ว ต้องทำได้แน่นอน!!
“หึ……” นักข่าวชายหัวเราะเสียงเบา:“ผู้ชายดีๆที่รักเดียวใจเดียวอย่างนั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นเธอก็เบิกตาให้กว้างแล้วคอยดูละกัน ฉันกล้าเดิมพันกับเธอว่างานแถลงข่าวของคุณชายสามเย่ในวันนี้จัดขึ้นเพื่อตอบรับงานแต่งงานกับองค์กรโกสต์ซิตี้ที่คุณปู่เย่พูดเมื่อก่อนหน้านี้”
“ฉันเดิมพันว่าคุณชายสามเย่ไม่ยอมแต่งงานกับองค์กรโกสต์ซิตี้” นักข่าวสาวอารมณ์ขึ้น เดิมพันกับนักข่าวชายขึ้นมาจริงๆ
“ไม่ยอมแต่งงานกับองค์กรโกสต์ซิตี้เนี่ยนะ?” นักข่าวชายเลิกคิ้วขึ้น เสียงของเขาดังขึ้นอย่างเห็นได้ชัด:“ถ้าอย่างนั้นเธอก็หมายความว่าคุณชายสามเย่จะปฏิเสธงานแต่งงานอย่างนั้นเหรอ? นี่คือการแต่งงานกับองค์กรโกสต์ซิตี้ อีกทั้งคุณปู่เย่ได้ประกาศต่อสาธารณะแล้ว เธอรู้ไหมว่าผลลัพธ์ที่จะตามมาหลังจากปฏิเสธงานแต่งงานตอนนี้เป็นยังไง? นั่นเป็นถึงองค์กรโกสต์ซิตี้ ใครจะกล้าปฏิเสธงานแต่งงานกับองค์กรโกสต์ซิตี้? ไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย ในทางกลับกันหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้มีลูกสาวแค่คนเดียว ไม่ว่าใครแต่งงานกับเจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้ เธอคิดว่าภายใต้สถานการณ์แบบนี้ คนปกติทั่วไปจะเลือกยังไง?”
“นี่ไม่ใช่แค่เรื่องแต่งงานธรรมดาๆเท่านั้น นี่คือการเลือกระหว่างครอบครององค์กรโกสต์ซิตี้ทั้งองค์กรและเลือกเป็นศัตรูกับองค์กรโกสต์ซิตี้ เธอคิด่าคุณชายสามเย่จะเลือกยังไง?” นักข่าวชายมองไปที่เธอพร้อมกับอดที่จะส่ายหน้าไม่ได้ ผู้หญิงใสซื่อเกินไปแล้ว
ทางด้านคุณชายสามเย่ในตอนนี้อยู่ในห้องทำงานและกำลังโทรหาคุณชายห้าฉิง
“นายช่วยเขียนใบรับรองให้ฉันฉบับหนึ่งสิ” ทันทีที่ปลายสายรับสาย คุณชายสามเย่ก็พูดออกไปตามตรง
“เขียนใบรับรอง? ใบรับรองอะไร?” คุณชายห้าฉิงงุนงงเล็กน้อย เอาใบรับรองอะไรจากเขา?
“เอกสารที่ต้องการฉันส่งให้นายในอีเมลแล้ว นายอ่านดูหน่อย หลังจากนั้นก็เขียนใบรับรอง แล้วส่งมาให้ฉัน ฉันรีบใช้” ดวงตาคู่นั้นของเย่ซือเฉินมองตรงไปด้านหน้า เวลานี้นัยน์ตาที่เยือกเย็นจนทำให้คนกลัวจนแข็งตายได้หายไปแล้ว น้ำเสียงของเขาดูอ่อนลงอย่างชัดเจน
“ครับ ผมอ่านดูก่อน” คุณชายห้าฉิงไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เวลานี้เขาอยู่ในห้องทำงานพอดี จึงเปิดอีเมล ตอนที่เห็นเนื้อหาด้านใน คุณชายห้าฉิงตกตะลึง:“พี่สาม พี่จะ……”
คุณชายห้าฉิงในตอนนี้เพราะตกตะลึงอย่างมาก เสียงของเขาจึงดังขึ้นอย่างชัดเจน เขาเห็นว่าประตูห้องทำงานของตนเปิดอยู่ รู้ว่าคำพูดของตนอาจจะถูกคนอื่นได้ยิน ดังนั้นจึงเงียบเสียงลงทันที
“นายเขียนใบรับรองให้ฉัน ฉันต้องการใช้ด่วน” คุณชายสามเย่ไม่ได้อธิบาย และไม่ได้ปฏิเสธ ในเมื่อทำแล้ว ก็ต้องทำให้ถึงที่สุด เขาไม่ใช่คนยืดยาด
“พี่สาม พี่จะทำแบบนี้จริงๆเหรอ?” คุณชายห้าฉิงปรับเสียงให้เบาที่สุด แค่ว่าน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตกใจไม่สามารถซ่อนเอาไว้ได้
“อืม” คุณชายสามเย่ตอบอย่างง่ายดายจนไม่รู้จะง่ายดายอย่างไรแล้ว ทว่าหนักแน่นจนทำให้คนไม่สามารถสงสัยได้
“พี่สาม เป็นเพราะคุณปู่เย่ประกาศเรื่องที่จะให้พี่แต่งงานกับเจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้ใช่ไหม? พี่ทำแบบนี้จะได้ผลจริงๆเหรอ?” คุณชายห้าฉิงคาดเดาเหตุผล อีกทั้งคุณชายห้าฉิงรู้สึกว่าวิธีนี้ไม่สามารถแก้ปัญหาขององค์กรโกสต์ซิตี้ได้
“นายเขียนใบรับรองให้เรียบร้อย แล้วส่งมาให้ฉัน เรื่องอื่นไว้ฉันค่อยคุยกับนายทีหลัง” คุณชายสามเย่ไม่ได้อธิบายอะไรมากมาย เรื่องบางเรื่องไม่สามารถพูดให้ชัดเจนผ่านการคุยโทรศัพท์ได้
“ครับๆ ผมจะรีบจัดการให้ รีบจัดการเดี๋ยวนี้” คุณชายห้าฉิงรู้สึกเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด แต่เขารู้ดีว่าตนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของพี่สามได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเชื่อฟังพี่สาม สิ่งที่พี่สามให้เขาทำเขาต้องทำให้ดี อีกทั้งพี่สามยังบอกอีกว่ารีบใช้ ดังนั้นเขาต้องทำด้วยความรวดเร็ว พี่สามบอกว่ารีบใช้ แสดงว่าต้องรีบใช้แน่นอน
บ้านตระกูลถัง
หลังจากเย่ซือเฉินออกไป ถังหลินก็ออกไปด้วย เวินลั่วฉิงพาลูกทั้งสองคนขึ้นไปชั้นบน เฟิ่งเหมียวเหมียวไปรับถังหยุนเฉิงที่สนามบิน ในห้องโถงจึงเหลือแค่ท่านปู่ถังกับท่านย่าถัง
“เจ้าเด็กเย่ซือเฉินคนนี้ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเรา บอกว่าสามารถจัดการเองได้ คุณว่าเขาจะทำอะไรกันแน่? เขาจะทำเรื่องที่เสี่ยงอันตรายรึเปล่า? จะมีอันตรายไหม?” เวลานี้สีหน้าของท่านย่าถังเต็มไปด้วยความกังวล น้ำเสียงเคล้าไปด้วยความกังวล
“คุณรังเกียจเขามาโดยตลอดไม่ใช่เหรอ? ทำไม? ตอนนี้เป็นห่วงเขาขึ้นมาอีกล่ะ?” ท่านปู่ถังมองไปที่ท่านย่าถัง อดไม่ได้ที่จะฉายรอยยิ้มบางๆบนใบหน้า
“ฉันเป็นห่วงแทนฉิงฉิงของเรา เป็นห่วงแทนหลานทั้งสองคน” มุมปากของท่านย่าถังยกขึ้นเล็กน้อย เธอไม่ได้เป็นห่วงเย่ซือเฉิน
“คุณวางใจเถอะ เด็กคนนี้ทำงานมีขอบเขต ไม่มีวันเกิดเรื่องอะไรกับเขาแน่นอน เขาเพิ่งได้ยอมรับความสัมพันธ์พ่อลูกกับหลานทั้งสองคน เขาไม่มีวันปล่อยให้เกิดเรื่องขึ้นกับตนเองแน่นอน” ถึงแม้ท่านปู่ถังจะไม่รู้ว่าเย่ซือเฉินอยากจะทำอะไร แต่เขาเชื่อมั่นในตัวเย่ซือเฉิน
“คุณพูดถูก ตอนนี้เขากับหลานทั้งสองคนยอมรับความสัมพันธ์พ่อลูกกันแล้ว มีห่วงมากขึ้นแล้ว เมื่อในใจมีห่วงก็จะไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม เฮ้อ คนตระกูลเย่ทั้งสองคนนั้นปัญหาเยอะจริงๆ เอาแต่สร้างปัญหา สร้างความเดือดร้อนให้กับเด็กคนนี้ เด็กคนนี้ลำบากจริงๆ” ท่านย่าถังเป็นคนจิตใจดี ถึงแม้ปากจะบอกว่ารังเกียจเย่ซือเฉิน แต่ภายในใจกลับเป็นห่วงเย่ซือเฉิน
“พี่คะ พี่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณพ่อไหม? ดูเหมือนคุณย่าทวดจะเป็นกังวลมากเลย?” หลังจากถังจื่อซีที่เวลานี้ยืนอยู่ชั้นบนได้ยินคำพูดของท่านย่าถังเธอก็หันไปมองพี่ชายของตนเอง ใบหน้าเล็กๆของถังจื่อซีเต็มไปด้วยความกังวล
ถังจื่อโม่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เม้มปาก ไม่ได้พูดอะไร เขาอยากจะบอกน้องสาวว่าเย่ซือเฉินต้องไม่เป็นไร
แต่ภายในใจของเขากลับเป็นกังวล เพราะถึงอย่างไรนั่นก็เป็นถึงองค์กรโกสต์ซิตี้
“พี่คะ พวกเราจะคิดหาวิธีช่วยคุณไหมไหมคะ?” ถังจื่อซีเห็นพี่ชายของตนไม่พูดไม่จาก็ยิ่งเป็นกังวล พี่เป็นแบบนี้แสดงว่าพ่อต้องเป็นอันตรายแน่นอน
“อืม น้องอย่าเพิ่งเป็นกังวล พี่คิดหาวิธีเอง” ถังจื่อโม่เห็นท่าทีเป็นกังวลของน้องสาวจึงพยักหน้าติดต่อกัน แน่นอนอันที่จริงตัวถังจื่อโม่เองก็อยากจะช่วยเย่ซือเฉิน
“พี่คะ พี่มีวิธีอะไรคะ?” ถังจื่อซีร้อนใจ คว้ามือพี่ชายแล้วเริ่มส่ายหน้า
ดวงตาของถังจื่อโม่เป็นประกาย หลังจากนั้นพยักหน้าติดต่อกัน:“อืม พี่มีวิธีแล้ว ตอนนี้พี่จำเป็นต้องออกไป น้องห้ามบอกใครเด็ดขาด น้องต้องช่วยพี่ในการออกไป”
“ได้ค่ะๆ” แน่นอนว่าถังจื่อซีย่อมพยักหน้าติดต่อกัน ขอเพียงช่วยคุณพ่อได้ เจ้าหญิงน้อยถังจื่อซีคนนี้ยอมตกลงทุกอย่าง
ถังจื่อโม่และถังจื่อซีลงไปชั้นล่างด้วยกัน มองเห็นท่านปู่ถังและท่านย่าถังในห้องโถง ถังจื่อซีพูดขึ้น:“คุณปู่ทวด คุณย่าทวด หนูกับพี่ชายไปเล่นในสวนนะคะ”
“จ๊ะ พวกหลานไปเถอะ แต่ห้ามออกไปข้างนอกนะ” ท่านย่าถังหยุดพูดแล้วกำชับหลานรักทั้งสอง ช่วงนี้ ทางด้านคุณปู่เย่และคุณย่าเย่ก่อความวุ่นวายอย่างมาก ท่านย่าถังเองก็เป็นห่วงเด็กทั้งสองคน โดยเฉพาะจื่อซี
เพราะถึงอย่างไรคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่รู้เรื่องของจื่อซี ท่านย่าถังเป็นกังวลว่าคุณปู่เย่จะทำไม่ดีกับจื่อซีเพื่อแต่งงานกับองค์กรโกสต์ซิตี้ แต่ว่าขอเพียงไม่ออกไปจากสวนของบ้านตระกูลถัง ต้องไม่มีอันตรายแน่นอน
“ค่ะๆ พวกเราเข้าใจแล้วค่ะ” ถังจื่อซีพยักหน้าด้วยความเชื่อฟัง หลังจากนั้นก็จับมือถังจื่อโม่วิ่งออกไปจากห้องโถง
“น้องเล่นอยู่ตรงนี้คนเดียวนะ พี่จะออกไป” หลังจากออกมาจากห้องโถง ถังจื่อโม่หยุดถังจื่อซี แล้วพูดกำชับเสียงเบา
“พี่คะ หนูอยากไปกับพี่” ถังจื่อซีเองก็อยากจะช่วยคุณพ่อ อีกทั้งเธอเองก็เป็นห่วงสถานการณ์ทางนั้นของคุณพ่อ เธออยากจะไปดู
“ไม่ได้ น้องห้ามออกไป” ถังจื่อโม่ใจดีกับน้องมาโดยตลอด แต่เวลานี้ท่าทีของถังจื่อโม่กลับหนักแน่นอย่างมาก ก่อนหน้านี้คุณย่าทวดพูดเอาไว้แล้วว่าท่านเป็นกังวลกลัวว่าคนตระกูลเย่จะทำไม่ดีกับน้องสาว เขาไม่มีวันปล่อยให้น้องสาวตกอยู่ในอันตรายเด็ดขาด
“แต่ว่า หนูอยากไปหาคุณปู่” ถังจื่อซีเบ้ปากขึ้นเล็กน้อย ไม่พอใจนิดหน่อย
“ตอนนี้พี่ไม่ได้ไปหาคุณพ่อ ตอนนี้พี่จะไปหาคนเพื่อปรึกษาว่าจะช่วยคุณพ่อยังไง ดังนั้น น้องไปกับพี่ก็ไม่ได้เจอคุณพ่ออยู่ดี” ถังจื่อโม่ทนเห็นท่าทีแบบนี้ของน้องสาวไม่ได้ที่สุด จึงรีบเกลี้ยกล่อม
“อีกทั้ง คุณย่าทวดบอกแล้วว่าช่วงนี้น้องห้ามออกจากบ้าน บอกว่าอาจจะเกิดอันตรายขึ้นกับน้องได้ ถ้าน้องออกไปตอนนี้ คุณพ่อต้องคิดหาวิธีช่วยน้องอีก นั่นไม่ได้เป็นการช่วยคุณพ่อแล้ว ในทางกลับกันจะเป็นการสร้างปัญหาให้คุณพ่อมากยิ่งขึ้น” ถังจื่อโม่รู้ว่าน้องของตนเป็นคนรู้ความ ดังนั้นเขารู้ว่าควรจะเกลี้ยกล่อมน้องสาวตนเองอย่างไร
“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นหนูจะเชื่อฟังพี่” เป็นจริงตามนั้นถังจื่อโม่พยักหน้าด้วยความเชื่อฟัง