ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1195 คุณชายสามเย่ประกาศต่อสาธารณะ(2)
ถังจื่อโม่ไปหาคนขับรถตามลำพังแล้วออกจากบ้าน
“ท่านประธาน ทำเสร็จทุกขั้นตอนแล้วครับ สัญญาก็เอามาแล้วครับ” เลขาหลิวเอาเอกสารที่ทนายส่งมาเข้าไปในห้องทำงานแล้วยื่นไปตรงหน้าเย่ซือเฉิน
เย่ซือเฉินรับเอกสารมา เปิดออก จากนั้นอ่านเอกสารอย่างรวดเร็วหนึ่งรอบ แล้วขานตอบเสียงเคร่งขรึม:“อืม”
“ท่านประธาน นักข่าวมาถึงหลายคนแล้วครับ สัญญาก็เอามาแล้ว เวลาก็ใกล้ถึงแล้ว นักข่าวรออยู่ชั้นล่างกันหมดแล้วครับ จะให้ผมจัดการเชิญพวกเขาเข้าไปในห้องรับรองไหมครับ……” เลขาหลิวมองดูเวลาครู่หนึ่ง อีกไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงเวลาที่ท่านประธานพูดเอาไว้แล้ว เลขาหลิวรู้สึกว่าหลังจากนี้ต้องจัดเตรียมนักข่าวให้เรียบร้อย
“ไม่ต้อง อยู่ที่ชั้นล่างของบริษัทนั่นแหละ” เย่ซือเฉินพูดขัดจังหวะเลขาหลิว เย่ซือเฉินเตรียมการหลายๆเรื่องเอาไว้แล้ว
“อยู่ที่ชั้นล่างนั่นแหละ จะเกินไปรึเปล่าครับ?” เลขาหลิวชะงักเล็กน้อย มีใครบ้างที่จัดงานแถลงข่าวชั้นล่างของบริษัท?
แต่ว่าเลขาหลิวมองเห็นสีหน้าของท่านประธานของตน กลืนคำพูดที่กำลังจะเอ่ยออกมาลงคออีกครั้ง
เย่ซือเฉินนั่งอยู่บนเก้าอี้ หลับตาลงช้าๆ นั่งพิงเก้าอี้ ไม่ได้พูดอะไรอีก
เลขาหลิวยืนอยู่ด้านข้าง ไม่กล้าพูดอะไรมากมาย
ทั่วทั้งห้องทำงานเงียบเป็นพิเศษ เงียบจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจ
เวลาค่อยๆผ่านไป ใกล้ถึงเวลาที่เย่ซือเฉินนัดหมายกับนักข่าวเข้ามาทุกที ทว่าเย่ซือเฉินกลับเอาแต่นั่งบนเก้าอี้ไม่ขยับเขยื้อน เวลานี้เขาหลับตาลง ท่าทีเคร่งขรึมที่ทำให้คนตกตะลึงจนตัวสั่นเมื่อก่อนหน้านี้หายไปแล้ว กลับมาคงความเย็นชา นิ่งเงียบ ไม่มีอารมณ์ใดๆเหมือนปกติ
เลขาหลิวเห็นว่าใกล้ถึงเวลาแล้ว ทว่าไม่กล้ารบกวนท่านประธานของตน
ในเวลานี้เอง เสียงโทรศัพท์ของเย่ซือเฉินดังขึ้นอีกครั้ง เย่ซือเฉินที่หลับตาอยู่นั้นลืมตาขึ้นมาทันที เมื่อเห็นเบอร์ที่โทรมาบนหน้าจอโทรศัพท์ นัยน์ตาของเขาเปล่งประกาย ดูท่าฉิงถิงคงจะเขียนใบรับรองเสร็จแล้ว
เย่ซือเฉินคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วรับสาย
“พี่สาม จัดการเรียบร้อยแล้วครับ ผมส่งให้พี่ตอนนี้เลยแล้วกันนะครับ อีกห้านาทีถึง ตอนนี้พี่อยู่ที่บริษัทใช่ไหม?” คุณชายห้าฉิงน่าจะอยู่ระหว่างทาง ดังนั้นจึงมีเสียงดังวุ่นวายเล็กน้อย
“อืม นายเอามาส่งที่ชั้นล่างของบริษัทได้เลย ฉันรอนายใต้บริษัทนะ” เย่ซือเฉินสั่งเสียงเคร่งขรึม หลังจากนั้นก็วางสาย
หลังจากวางสาย เย่ซือเฉินลุกขึ้น แล้วเดินออกไปด้านนอก:“ไปกันเถอะ”
ทุกอย่างเตรียมการเรียบร้อยแล้ว และควรจะเริ่มได้แล้ว หรือควรจะบอกว่าสมควรจบลงได้แล้ว!!
“ครับ” เลขาหลิวรับคำแล้วรีบเดินตาม เลขาหลิวเดินตามหลังมองดูแผ่นหลังเหยียดตรงของท่านประธานอดไม่ได้ที่จะลอบถอนหายใจ แผ่นหลังของท่านประธานเหยียดตรง แต่ว่าตอนนี้เขากลับมองดูแล้วรู้สึกสงสารท่านประธาน
เย่ซือเฉินนั่งลิฟต์ส่วนบุคคลลงไปชั้นหนึ่ง ด้านนอกบริษัทล้อมด้วยนักข่าวเต็มไปหมด แต่ว่าก่อนหน้านี้เลขาหลิวเคยบอกให้นักข่าวรออยู่ด้านนอก เย่ซือเฉินบอกว่างานแถลงข่าวจัดขึ้นด้านนอกบริษัท ดังนั้นเลขาหลิวจึงสั่งให้หน่วยรักษาความปลอดภัยของบริษัทดูแลความเรียบร้อย ให้นักข่าวอยู่ด้านนอก
แต่ว่า ทันทีที่เย่ซือเฉินลงมา นักข่าวที่สายตาแหลมคมมองเห็นแล้ว นักข่าวแต่ละคนอยากจะเข้ามาในบริษัท อยากจะสัมภาษณ์เป็นคนแรกและได้ข่าวเป็นคนแรก
“อย่าเบียดเสียด อย่าเบียดเสียดกันเข้ามา ท่านประธานของเราบอกเอาไว้แล้ว งานแถลงข่าวจัดขึ้นด้านนอก พวกคุณเบียดเข้าไปก็ไม่มีประโยชน์” หน่วยรักษาความปลอดภัยขวางนักข่าว พร้อมกับร้องตะโกนผ่านโทรโข่ง
แต่ว่าในสถานการณ์แบบนี้นักข่าวจะฟังหน่วยรักษาความปลอดภัยได้อย่างไร แต่ละคนยังคงเบียดเสียดกันเข้าไป
โชคดี ในเวลานี้เย่ซือเฉินเดินเข้ามา เดินออกไปด้านนอกบริษัทจริงๆ นักข่าวที่ล้อมประตูต่างยื่นไมค์ไปตรงหน้าเย่ซือเฉิน แล้วเริ่มถามด้วยความร้อนใจ
“ประธานเย่ครับ ไม่รู้ว่าที่วันนี้คุณจัดงานแถลงข่าวมีเรื่องสำคัญอะไรจะประกาศเหรอครับ?”
“ประธานเย่คะ เรื่องที่คุณพูดเกี่ยวกับการแต่งงานระหว่างคุณกับเจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้ไหมคะ?”
“ประธานเย่ครับ ไม่ทราบว่าคุณกับเจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้รู้จักกันได้ยังไง? พวกคุณคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”
“ประธานเย่คะ ได้ยินว่าเช้าวันนี้คุณเล่เจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้ออกนอกบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปแต่ว่าไม่นานหลังจากนั้นพวกคุณก็หมั้นหมายกัน ไม่ทราบว่าประธานเย่ พวกคุณกำลังเล่นอะไรกันอยู่คะ?”
แน่นอนว่าเวลานี้เย่ซือเฉินไม่มีวันตอบคำถามพวกนี้ของนักข่าว แต่ว่าประตูถูกล้อมเอาไว้จนหมด เวลานี้เย่ซือเฉินไม่สามารถออกไปได้ ทำได้เพียงหยุดอยู่ที่เดิม
เลขาหลิวฟังคำถามของนักข่าว อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเป็นปม นักข่าวพวกนี้โง่รึเปล่า ถึงได้ถามคำถามโง่ๆแบบนี้
“วันนี้ท่านประธานของเรามีเรื่องสำคัญมากจะแถลง ท่านประธานแถลงด้านนอกบริษัท ขอให้ทุกคนหลีกทางหน่อย ให้ท่านประธานของพวกเราออกไป ตอนนี้ท่านประธานของเราไม่สามารถออกไปได้ ก็จะไม่สามารถแถลงข่าวได้” เลขาหลิวเดินตรงไปด้านหน้า คว้าโทรโข่งมาจากหน่วยรักษาความปลอดภัยแล้วพูดผ่านโทรโข่ง
ในฐานะนักข่าว ทุกคนต้องรู้จักเลขาหลิวซึ่งเป็นเลขาคนเก่งของเย่ซือเฉินแน่นอน บางครั้งคำพูดของเลขาหลิวก็ถือเป็นความต้องการของเย่ซือเฉิน
ทุกคนได้ยินเลขาหลิวพูดแบบนี้ ถึงแม้ทุกคนจะรู้สึกว่าการที่คุณชายสามเย่แถลงข่าวด้านนอกบริษัทแบบนี้มันแปลกๆ แต่ว่าทุกคนต่างหลีกทางให้
เย่ซือเฉินจึงก้าวเดินออกไป
ถึงแม้นักข่าวจะหลีกทางให้เย่ซือเฉิน แต่ว่ายังคงเบียดเสียดกันอยู่ด้านหน้า ดังนั้นทางเดินตรงกลางจึงแคบมาก ซึ่งกว้างพอให้เย่ซือเฉินฝืนเดินออกไปเท่านั้น
เพราะถึงอย่างไรวันนี้ก็ไม่ได้มีเพียงสื่อใหญ่ไม่กี่สำนัก แต่ว่ายังมีสื่อสำนักเล็กๆอีกมากมาย ดังนั้นการจัดระเบียบจึงวุ่นวายเล็กน้อย ควบคุมสถานการณ์ยาก
ดูเหมือนเย่ซือเฉินจะไม่ใส่ใจเท่าไหร่ สีหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง ก้าวเดินออกไปด้านนอกช้าๆ
“ประธานเย่ครับ ไม่ทราบว่าคุณจะแถลงเรื่องสำคัญอะไรเหรอครับ? ช่วยบอกเราล่วงหน้าสักเล็กน้อยได้ไหมครับ……” นักข่าวใจร้อนบางคนอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น
“ทุกคนอย่าใจร้อน ประธานของพวกเราจะแถลงข่าวแล้ว ทุกคนหลีกทางหน่อย อย่าเบียดเสียดกัน อย่าทำลายความเรียบร้อย” เลขาหลิวพยายามรักษาความเรียบร้อยอย่างสุดกำลัง กลัวว่านักข่าวจะเบียดมาโดนท่านประธานของตน
แต่ดูเหมือนว่าเลขาหลิวจะกังวลเสียเปล่า ไม่ว่านักข่าวจะใจร้อนแค่ไหน ก็ไม่กล้าเบียดไปโดยเย่ซือเฉิน อย่างมากนักข่าวแค่ยื่นไมค์ไปตรงหน้าเย่ซือเฉิน อยากจะถามคำถามเล็กน้อยเท่านั้น
ตอนที่คุณชายห้าฉิงถือใบรับรองที่เขียนเสร็จแล้วและรีบมานั้นเขาก็ตกใจกับภาพตรงหน้า:“ให้ตายสิ นี่มันเรื่องอะไรกัน? นักข่าวทั่วทั้งเมือง A มารวมตัวกันที่นี่เหรอ? พี่สามทำได้ยิ่งใหญ่มากจริงๆ”
เพราด้านนอกมีนักข่าวล้อมเอาไว้มากจนเกินไป คุณชายห้าฉิงจึงไม่สามารถเบียดเสียดเข้าไปได้ อีกทั้งยังมีคนและกล้องมากมายขวางเอาไว้ คุณชายห้าฉิงจึงมองไม่เห็นเย่ซือเฉิน
แต่ว่าคุณชายห้าฉิงมองจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็รู้ได้ทันทีว่าพี่สามต้องลงมาแล้วแน่นอน ไม่อย่างนั้นนักข่าวพวกนี้คงไม่ตื่นตระหนกกันแบบนี้
คุณชายห้าฉิงถือใบรับรองอยากจะเบียดเสียดเข้าไป แต่พยายามเบียดตัวเข้าไปหลายครั้ง สุดท้ายก็ถูกนักข่าวบ้าคลั่งพวกนั้นเบียดออกมา
“พี่สาม พี่สาม ผมมาถึงแล้ว แต่ว่าผมเข้าไปไม่ได้” คุณชายห้าฉิงจึงทำได้เพียงร้องตะโกนเสียงดัง ถึงแม้สถานการณ์จะวุ่นวาย ทั้งยังเสียงดัง แต่ทันทีที่เสียงของคุณชายห้าฉิงดังขึ้น ทำให้คนจำนวนไม่น้อยตกใจ
เย่ซือเฉินเองก็ได้ยินเสียงของคุณชายห้าฉิงแล้ว เย่ซือเฉินหันไปมองเลขาหลิว พูดเสียงทุ้มต่ำ:”ให้ฉิงถิงเข้ามา”
ความเป็นจริงเย่ซือเฉินอยากจะให้เลขาหลิวเอาใบรับรองที่คุณชายห้าฉิงเขียนมามากยิ่งกว่า จากนั้นก็ให้ฉิงถิงกลับไป แต่ว่าเย่ซือเฉินรู้ดีว่าฉิงถิงเป็นคนช่างสงสัย ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ฉิงถิงต้องไม่มีวันไปแน่นอน
“รบกวนทุกคนหลีกทางหน่อย ให้คุณชายห้าฉิงเข้ามา คุณชายห้าฉิงมีเรื่องสำคัญมาก” เลขาหลิวหยิบโทรโข่งขึ้นมาแล้วร้องตะโกน เลขาหลิวรู้ดีว่าภายใต้สถานการณ์แบบนี้ วิธีอื่นไม่มีประโยชน์ มีแค่โทรโข่งเท่านั้นที่ได้ผล
นักข่าวแต่ละสำนักได้ยินว่าคุณชายห้าฉิงก็มาด้วย จึงยิ่งสงสัย:“เอ๊ะ คุณชายห้าฉิงมาได้ยังไง? งานแถลงข่าวที่คุณชายสามเย่จัดขึ้นมานั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณชายห้าฉิงอย่างนั้นเหรอ?”
เพราะทุกคนต่างสงสัย อยากจะรู้ว่าคุณชายห้าฉิงมาที่นี่ทำไมในเวลานี้ ดังนั้นจึงหลีกทาง แล้วให้คุณชายห้าฉิงเข้ามา
“พี่สาม งานนี้ ยิ่งใหญ่จริงๆ” ในที่สุดหลังจากคุณชายห้าฉิงเดินไปตรงหน้าเย่ซือเฉินก็โล่งอก ดูท่า เขาไม่ได้ทำให้เรื่องชักช้า
“พี่สาม ใบรับรองของพี่ ให้ผมเอาให้พี่ตอนนี้ หรือว่าเดี๋ยวค่อยเอาออกมา?” คุณชายห้าฉิงขยับเข้าไปใกล้เย่ซือเฉินแล้วเอ่ยถาม เพราะนักข่าวมีเยอะมาก คุณชายห้าฉิงเองก็ไม่รู้ว่าเย่ซือเฉินหมายความว่าอะไรกันแน่ ดังนั้นจึงไม่กล้าตัดสินใจเอง
ประเด็นหลักๆคือคุณชายห้าฉิงกำลังคิดว่าจำเป็นต้องเลี่ยงหรือไม่
“นายเอาให้เลขาหลิวตอนนี้ได้เลย” ทว่าเห็นได้ชัดว่าเย่ซือเฉินไม่คิดจะเลี่ยง เขาบอกให้คุณชายห้าฉิงเอาใบรับรองออกมาแล้วยื่นให้เลขาหลิว เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาไม่รู้สึกว่าเรื่องอะไรจำเป็นต้องเลี่ยง!!