ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1198 การตัดสินใจของคุณชายเย่ ไม่มีวันเสียใจ(1)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- บทที่ 1198 การตัดสินใจของคุณชายเย่ ไม่มีวันเสียใจ(1)
ทางด้านเย่ซือเฉินก็ไม่ให้ทุกคนรอนานเกินไป หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง เขาพูดช้าๆและชัดเจนอีกครั้ง:“ผมขอแถลงว่า นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมไม่ใช่คนตระกูลเย่อีก ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตระกูลเย่ทั้งนั้น”
ทันทีที่คุณชายสามเย่พูดจบ สื่อแต่ละสำนักโกลาหลขึ้นมาทันที งานแถลงข่าวที่ตอนแรกเงียบสงัดเวลานี้ราวกับระเบิดลงอย่างไรอย่างนั้น ทุกคนอดไม่ได้ที่จะอุทานด้วยความตกตะลึง
ถึงแม้ทุกคนต่างรู้ว่าการที่คุณชายสามเย่จึดงานแถลงข่าวขึ้นมาโดยเฉพาะต้องแถลงเรื่องใหญ่แน่นอน แต่ว่าทุกคนคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องแบบนี้
“คุณชายสามเย่ คุณพูดแบบนี้หมายความว่าอะไรคะ?”
“คุณชายสามเย่ สิ่งที่คุณพูดเป็นไปตามที่พวกเราเข้าใจใช่ไหมครับ? พวกเราไม่ได้หูฝาดใช่ไหมครับ?”
“คุณชายสามเย่ รบกวนคุณช่วยอธิบายให้ชัดเจนหน่อยได้ไหมคะ”
ชั่วขณะหนึ่งนักข่าวทุกคนอดไม่ได้ที่จะถามอย่างบ้าคลั่ง ถึงแม้ก่อนหน้านี้เลขาหลิวจะบอกว่าไม่ให้ถามคำถาม แต่ว่าสิ่งที่คุณชายสามเย่พูดเมื่อกี้น่าตกตะลึงมาก ตกตะลึงจนทำให้พวกเขาไม่กล้าเชื่อ ดังนั้นจึงไม่ถามไม่ได้จริงๆ
คุณปู่เย่และคุณย่าเย่ที่เวลานี้กำลังนั่งดูถ่ายทอดสดในห้องโถงใหญ่นิ่งค้าง ทั้งสองมองดูถ่ายทอดสดด้วยความตกตะลึง ชั่วขณะหนึ่งไม่สามารถดึงสติกลับมาได้ ราวกับไม่เข้าใจสิ่งที่เย่ซือเฉินพูดในตอนนี้
“นับตั้งแต่วันนี้ ผมไม่ใช่คนตระกูลเย่แล้ว ตระกูลเย่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับผมอีก” คุณชายสามเย่เป็นคนพูดน้อยมาโดยตลอด ปกติแล้วเขาไม่มีวันพูดซ้ำเป็นรอบที่สอง แต่ว่าตอนนี้เย่ซือเฉินกลับพูดสิ่งที่ตนต้องการจะสื่อซ้ำอีกรอบต่อหน้ากล้องของนักข่าวสำนักต่างๆ อีกทั้งคำพูดของคุณชายสามเย่ในครั้งนี้ชัดเจนยิ่งกว่าเดิม กระจ่างยิ่งกว่าเดิม
เวลานี้เกรงว่าไม่มีใครไม่เข้าใจแล้ว
ได้ยินเย่ซือเฉินพูดซ้ำสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ นักข่าวทุกคนโกลาหลขึ้นมาอีกครั้ง ชั่วขณะหนึ่งเสียงร้องถามดังขึ้นด้วยความบ้าคลั่ง
“คุณชายสามเย่ ทำไมคุณถึงต้องตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่ด้วยครับ? เป็นเพราะเรื่องงานหมั้นระหว่างคุณกับเจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้ที่คุณปู่เย่ประกาศเมื่อก่อนหน้านี้เหรอครับ?”
“คุณชายสามเย่ คุณกำลังโกรธคุณปู่เย่เหรอคะ?”
“คุณชายสามเย่ สิ่งที่คุณพูดเป็นความจริงเหรอครับ?”
เวลานี้จากคำถามของทุกคนสามารถฟังออกว่า ทุกคนยังคงสงสัยกับการตัดสินใจของเย่ซือเฉินในครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าทุกคนไม่เชื่อว่าเย่ซือเฉินจะตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่จริงๆ ธุรกิจของตระกูลเย่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น เย่ซือเฉินจะไม่เอาทั้งหมดเลยเหรอ
เวลานี้ในห้องโถงใหญ่ภายในบ้านตระกูลถัง ท่านย่าถังได้ยินคำพูดของเย่ซือเฉิน ท่านย่าถังเองก็ตกตะลึง:“เจ้าเด็กซือเฉินคนนี้บอกว่ามีวิธี ที่แท้ก็คิดจะทำแบบนี้นี่เอง เด็กคนนี้จริงๆเลย……”
ท่านย่าถังพูดไม่ออกแล้ว เวลานี้เธอรู้สึกสับสนอย่างมาก ชั่วขณะหนึ่งไม่รู้จะพูดอะไร
“เจ้าเด็กซือเฉินคนนี้มีความคิดเป็นของตนเองตั้งแต่เด็ก ถังจื่อโม่เหมือนเขาในเรื่องนี้มาก เพียงแต่พวกเราคิดไม่ถึงว่าเขาจะเดินมาถึงขั้นนี้” เวลานี้สีหน้าของท่านปู่ถังเคร่งขรึมอย่างมาก น้ำเสียงเคล้าไปด้วยความเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าเย่ซือเฉินจะทำแบบนี้
การที่เย่ซือเฉินทำแบบนี้แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องแต่งงานตามที่คุณปู่เย่จัดการให้เขา แต่ว่าการตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมา เกรงว่าจะนำพาปัญหาใหญ่มาให้
เพราะถึงอย่างไรความคิดมากมายของคนในประเทศพวกเขายังคงหัวโบราณ อีกทั้งตั้งแต่โบราณมีคำพูดที่ว่า ความกตัญญูอยู่เหนือทุกอย่าง
อีกทั้งคนส่วนมากมักจะผูกติดกับจริยธรรม เย่ซือเฉินทำแบบนี้เกรงว่าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างแน่นอน
“ฉันรู้ค่ะว่าเขาแบบนี้เพื่อฉิงฉิง คุณว่าเมื่อก่อนฉันปฏิบัติกับเขาเกินกว่าเหตุไหมคะ ฉันเป็นคนบีบเขารึเปล่า……” ท่านย่าถังใจอ่อน อีกทั้งสำหรับตระกูลถังแล้วให้ความสำคัญกับญาติมิตรอย่างมาก เห็นความสำคัญของคนในครอบครัว ดังนั้นท่านย่าถังเห็นเย่ซือเฉินเป็นแบบนี้ รู้สึกปวดใจจริงๆ
ใครกันที่จะตัดขาดความสัมพันธ์กับครอบครัวตนเองโดยไม่มีปัญหาอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะถูกบีบจนอับจนหันทาง ใครจะเดินมาถึงขั้นนี้?
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ นี่คือการตัดสินใจของซือเฉิน” ท่านปู่ถังรีบปลอบเธอ ท่านปู่ถังรู้ เย่ซือเฉินไม่มีวันตัดสินใจทำแบบนี้เพราะคำพูดเพียงไม่กี่คำของท่านย่าถังแน่นอน
“ฉันเห็นเด็กคนนี้เป็นแบบนี้ รู้สึกเสียใจมาก และรู้สึกปวดใจมาก เด็กคนนี้มองภายนอกดูยิ่งใหญ่ แต่ฉันรู้ดีว่าความเป็นจริงเด็กคนนี้ลำบากมาก ลำบากตั้งแต่เด็ก แต่เด็กคนนี้อดทนและไม่เคยพูดออกมา เหมือนกับจื่อโม่ มองดูแล้วทำให้คนรู้สึกปวดใจ” ท่านย่าถังแทบจะทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว ท่านย่าถังรู้เรื่องมากมายของตระกูลเย่เป็นอย่างดี ดังนั้นเธอจึงรู้ว่าเย่ซือเฉินต้องลำบากตั้งแต่เด็ก
ตั้งแต่เก้าขวบ ก็ถูกคุณปู่เย่บีบให้แยกทางกับแม่ อีกทั้งพ่อของเขาก็ไม่เคยสนใจเขา ตอนหลัง คุณปู่เย่ยังรับน้องชายคนละแม่กลับมาอีกหนึ่งคน ตอนนั้นเขายังเด็ก แต่กลับต้องแบกรับเรื่องต่างๆมากมาย
เขาอาศัยความสามารถของตนเองเข้าบริษัท จัดการบริษัทจนเรียบร้อย ในตอนหลังยังทำให้บริษัทเติบโต จากนั้นคุณปู่เย่จึงค่อยๆยกอำนาจให้เขา และเริ่มเห็นค่าเขา แต่ความเห็นค่าที่คุณปู่เย่มีต่อเขานั้นเพื่อผลประโยชน์ของตระกูลเย่เท่านั้น ไม่เคยเป็นห่วงเขาจากใจจริงมาก่อน
เมื่อคิดแบบนี้ เย่ซือเฉินลำบากจริงๆ ท่านย่าถังยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจ
“พอได้แล้ว บางทีเรื่องนี้อาจจะดีกับซือเฉินก็ได้ ออกจากตระกูลเย่ หลังจากนี้คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ก็ไม่สามารถคิดวางแผนทำอะไรเขาได้แล้ว และไม่สามารถบีบบังคับให้เขาทำในสิ่งที่เขาไม่ต้องการ เมื่อเป็นแบบนี้ เขาถือว่าได้ปลดปล่อยแล้ว” ท่านปู่ถังรู้ว่าเรื่องนี้ถึงตอนจบแล้ว ตอนนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรแล้ว ดังนั้นตอนนี้จึงทำได้เพียงคิดในแง่ดี
“เป็นการตัดสินใจด้วยตนเองของเย่ซือเฉิน ตอนนี้สิ่งที่พวกเราทำได้คือสนับสนุนเขา คอยช่วยเขาตอนที่พบเจอกับปัญหา” ท่านปู่ถังมองเย่ซือเฉินที่กำลังถ่ายทอดสด แล้วพูดเสริม
“ถ้าอย่างนั้นหลังจากนี้เราทำดีกับเขาหน่อยแล้วกันนะคะ คุณปู่ย่กับคุณย่าเย่ไม่รักหลานตัวเอง หลังจากนี้เรารักเอง” เวลานี้ท่านย่าถังเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อเย่ซือเฉินไปจนหมดสิ้นแล้ว
“อืมๆ” เวลานี้ท่านปู่ถังต้องพยักหน้าตอบตกลงแน่นอน ถึงแม้คำพูดของท่านย่าถังฟังดูแล้วเหมือนเด็ก แต่ว่าท่านปู่ถังกลับเห็นด้วยกับคำพูดของท่านย่าถังอย่างมาก
คุณปู่เย่ไม่รู้จักรักหลาน ตระกูลถังของพวกเขายินดีที่จะมีสมาชิกเพิ่มอีกหนึ่งคน
บ้านตระกูลเย่
“มันกล้าได้ยังไง? มันกล้าได้ยังไง? มันบ้าไปแล้ว มันบ้าไปแล้วจริงๆ!” ตอนที่คุณปู่เย่ถึงสติกลับมานั้นเด้งตัวขึ้นมาจากโซฟา ไม่พูดไม่ได้จริงๆว่าคุณปู่เย่สุขภาพร่างกายแข็งแรงมาก คนแก่อายุเจ็ดสิบกว่าปีแล้ว แต่ยังคงเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่ว
“ซือเฉินพูดแบบนี้ได้ยังไง เขาเป็นลูกหลานของตระกูลเย่ เขาพูดเรื่องหยาบคายแบบนี้กับนักข่าวได้ยังไง” คุณย่าเย่ยังคงนั่งอยู่บนโซฟา เธอส่ายหน้าไม่หยุด คล้ายยังคงไม่เชื่อในสิ่งที่ตนได้ยินก่อนหน้านี้
ก่อนหน้านี้คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่มั่นใจว่าอย่างมากเย่ซือเฉินก็ทำได้เพียงบอกกับนักข่าวว่าเขาจะไม่มีวันแต่งงานกับเจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้ พวกเขาคิดไม่ถึงว่าเย่ซือเฉินจะพูดตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลแย่
ก่อนหน้านี้เรื่องแต่งงานกับองค์กรโกสต์ซิตี้คุณปู่เย่และคุณย่าเย่เป็นคนตอบตกลง ตอนนั้นพวกเขาไม่ได้ขอความเห็นจากเย่ซือเฉิน เมื่อก่อนเย่ซือเฉินคือคนของตระกูลเย่ พวกเขาตอบตกลงแล้วเย่ซือเฉินไม่สามารถไม่ทำตามได้
แต่ว่าถ้าหากเย่ซือเฉินไม่ใช่คนของตระกูลเย่แล้ว ถ้าอย่างนั้น……
คุณปู่เย่และคุณย่าเย่คล้ายคิดถึงความร้ายแรงของเรื่องขึ้นมาได้พร้อมกัน ถ้าหากเย่ซือเฉินไม่ใช่คนของตระกูลเย่ ถึงเวลานั้นคนที่ปฏิเสธงานแต่งงานคือพวกเขา คนที่องค์กรโกสต์ซิตี้ต้องคิดบัญชีต้องเป็นพวกเขาก่อนแน่นอน
“มันอยากจะตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่ใช่ไหม? มันคิดว่าหุ้นของบริษัทอยู่ภายใต้ชื่อของมัน ผมก็จะทำอะไรมันไม่ได้ มันใสซื่อเกินไปจริงๆ ตอนนั้นที่ผมยอมยกหุ้นให้มันผมเขียนสัญญาอีกฉบับเอาไว้ ถ้ามันไม่ทำตาม ผมสามารถเอาหุ้นคืนได้ตลอดเวลา ตอนนั้นผมจะให้คนโอนหุ้นคืนมา ผมอยากจะรู้นักว่าถึงเวลนั้นมันจะพูดไหมว่าต้องการตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่” เวลานี้คุณปู่เย่หน้าดำเคร่งเครียด แน่นอนว่าเขาไม่ได้พูดเล่น ตอนที่คุณปู่เย่พูดเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาคนที่เกี่ยวข้อง อยากจะจัดการเรื่องหุ้น
คุณปู่เย่เป็นถึงจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ ไม่ว่าจะทำเรื่องอะไร ไม่ว่ากับใคร ล้วนต้องมีแผนสำรอง เขาควบคุมเรื่องทุกอย่างเอาไว้ในมือของตนตลอดเวลา
เมื่อครั้งที่แล้ว เจอถังจื่อซีที่บริษัท ตอนนั้นเย่ซือเฉินบอกว่าจะยกหุ้นของบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปให้ถังจื่อซี ความเป็นจริงภายในใจของคุณปู่เย่ไม่ได้ร้อนใจเท่าไหร่ ถ้าหากเย่ซือเฉินโอนหุ้นในบริษัทให้เด็กผู้หญิงคนนัน้จริงๆ เขาสามารถโอนหุ้นกลับมาได้ตลอดเวลา เขาไม่มีวันยอมทนดูเย่ซือเฉินทำอะไรเรื่อยเปื่อยแน่นอน บริษัทตระกูลเย่กรุ้ปของพวกเขาจะอยู่ในกำมือของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งได้ยังไง