ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1202 ทางเลือกของคุณชายสามเย่ ความพึงพอใจของทุกคน(1)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- บทที่ 1202 ทางเลือกของคุณชายสามเย่ ความพึงพอใจของทุกคน(1)
“คุณโทรไปหาฉิงถิงตอนนี้เลย แล้วให้เย่ซือเฉินรับสาย คุณบอกเขาว่าเวินลั่วฉิงกับเด็กหญิงตัวน้อยอยู่ที่บ้านของตระกูลเย่ ให้เขากลับมา ขอแค่เขากลับมา เรื่องนี้ก็จะเปลี่ยนได้ ขอแค่เขากลับมา ที่เขาพูดมาก่อนหน้านั้นก็เท่ากับโมฆะ เรื่องทั้งหมดก็จะเป็นแค่เรื่องล้อเล่นเท่านั้น”
“นี่คุณหมายถึงหลอกให้เย่ซือเฉินกลับมาเหรอ?” คุณปู่เย่เข้าใจความหมายของคุณย่าเย่ในทันที ดวงตาของเขาไหววูบ “แต่ตอนนี้เรายังหาตัวเวินลั่วฉิงกับเด็กตัวน้อยไม่พบเลยนะ เย่ซือเฉินกลับมาแล้วไม่เจอตัว ก็จะยิ่งวิตกกังวล ถึงตอนนั้นจะยิ่งหมางใจกันมากขึ้นไปอีกหรือเปล่า ?”
“หลอกเขากลับมาให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน ขอแค่เขากลับมาที่ตระกูลเย่ได้ คำแถลงที่เขาพูดก่อนหน้า และใบรับรองต่างๆก็จะไม่มีความน่าเชื่อถืออะไรอีก ขอแค่เขากลับมาในครั้งนี้ ต่อไปต่อให้เขาจะพูดแถลงอะไรอีก ก็จะไม่มีคนเชื่อเขา”เห็นชัดว่าแผนการของคุณย่าเย่นั้นดีเยี่ยมมาก
“แต่เราหาตัวเวินลั่วฉิงไม่พบ หากเย่ซือเฉินติดต่อกับเวินลั่วฉิง ก็จะรู้ว่าเราโกหก ถึงตอนนั้นหากเขารู้ว่าโกหก ก็จะไม่มีทางกลับมาเด็ดขาด” คุณปู่เย่มองไปยังคุณย่าเย่ คิ้วขมวดกันแน่น เห็นชัดว่าคุณปู่เย่ไม่เห็นด้วยกับแผนการนี้ของคุณย่าเย่
“คุณวางใจเถอะ ฉันมีวิธี”คุณย่าเย่ได้ยินที่คุณปู่เย่พูด มุมปากก็ยกยิ้มออกมาเล็กน้อย “ครั้งที่แล้วตอนที่ฉันอยู่ที่บริษัทได้บันทึกเสียงของเด็กน้อยนั่นเอาไว้ ฉันตัดต่อคลิปเสียงนิดหนึ่ง รอให้ทางเย่ซือเฉินรับสาย ฉันก็เอาคลิปเสียงที่ตัดต่อมาเปิดให้เย่ซือเฉินได้ยิน หากเขาได้ยินเสียงของเด็กน้อย ไม่มีทางสงสัยแน่ และจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน”
“จริงเหรอ ? คุณบันทึกเสียงของเด็กน้อยคนนั้นไว้ด้วยเหรอ?”ใบหน้าของคุณปู่เย่มีความประหลาดใจอยู่ไม่น้อย“งั้นคุณก็รีบๆเลย รีบตัดต่อคลิปเสียงนั้น แล้วผมจะได้โทรไปหาเย่ซือเฉิน ”
เมื่อคุณปู่เย่ได้ยินวิธีของคุณย่าเย่ก็เห็นด้วยขึ้นมาทันที
หากเป็นอย่างว่าจริงๆ เรื่องนี้ก็จะจัดการได้ง่าย
คุณย่าเย่ค้นหาคลิปเสียง แล้วตัดต่อ จากนั้นก็ให้เหลือเพียงเสียงเรียกพ่อของถังจื่อซี นั้นเป็นเสียงเรียกของถังจื่อซีในตอนที่อยู่ในบริษัท แน่นอนว่าคุณย่าเย่นั้นลบเสียงอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องออกหมด
“ฟังดูแล้วก็ไม่เลวนะ และในตอนนี้ที่ตรงนั้นก็น่าจะเสียงดังอื้ออึงไม่น้อย เย่ซือเฉินจับพิรุธไม่ได้แน่ ”
เมื่อคุณปู่เย่ได้ยินคลิปเสียงที่ตัดต่อเสร็จก็พอใจเป็นอย่างมาก“ผมจะโทรหาฉิงถิงเดี๋ยวนี้ ”
“อืม โทรเลย ใช้โอกาสที่เย่ซือเฉินยังอยู่ในงาน มีเพียงตอนที่เย่ซือเฉินออกจากงานแล้วมุ่งตรงกลับตระกูลเย่ ถึงจะถือว่าได้ผลดีที่สุด ”คุณย่าเย่เชี่ยวชาญในการวางแผนมาทั้งชีวิต และเตรียมการทุกอย่างเอาไว้ล่วงหน้าหมดแล้ว
คุณปู่เย่เองก็ไม่อยากที่จะเตะถ่วงเวลาอีกต่อไป รีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรหาฉิงถิง
เย่ซือเฉินในตอนนี้ยังไม่ได้ออกไปจากที่แถลงข่าว เพราะในตอนนี้นักข่าวต่างก็ห้อมล้อมเย่ซือเฉินเอาไว้ นักข่าวต่างก็ไล่ถามคำถาม เย่ซือเฉินเองก็แทบปลีกตัวออกมาไม่ได้
คุณชายห้าฉิงได้ติดตามอยู่ข้างๆเย่ซือเฉินตลอด ดังนั้นในตอนนี้เองก็ถูกนักข่าวห้อมล้อมเอาไว้ด้วยเหมือนกัน
ในตอนนี้มีนักข่าวไล่ถามคำถามอยู่อีกมากมาย เพราะฉะนั้นในที่เกิดเหตุจึงเสียงดังมาก แต่คุณชายห้าฉิงก็ได้ยินเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือตัวเอง
คุณชายห้าฉิงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เห็นสายผู้ที่โทรเข้ามา ริมฝีปากของเขาก็อดที่จะกระตุกไม่ได้ คุณปู่เย่โทรหาเขาในตอนนี้ต้องการจะทำอะไรกัน ?
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว พี่สามก็ได้พูดทุกอย่างชัดเจนอย่างนี้แล้ว คุณปู่เย่โทรหาเขาตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว เขาคิดแทนทำแทนพี่สามไม่ได้แน่
แต่คุณชายห้าฉิงก็ยื่นโทรศัพท์มือถือไปตรงหน้าของเย่ซือเฉิน ให้เย่ซือเฉินได้เห็นสายที่โทรเข้ามา
เย่ซือเฉินเหลือบมองอย่างเย็นชาไปแวบหนึ่ง และไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆ สีหน้าท่าทีก็ไม่เปลี่ยน แม้แต่หางคิ้วก็ยังไม่กระดิก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตระกูลเย่กับเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกันอีก และคนของตระกูลเย่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาด้วยเช่นกัน
“ฉันควรรับหรือไม่รับดี ?” หลังจากที่คุณชายห้าฉิงเห็นปฏิกิริยาของเย่ซือเฉิน ก็ตัดสินใจไม่ได้ไปชั่วขณะ ในเวลาแบบนี้เขาควรรับสายหรือไม่รับสายดี ?
รับแล้ว ไม่รู้จะพูดอะไร หากไม่รับ ก็เหมือนจะไม่เคารพผู้ใหญ่ยังไงอย่างงั้น ในเมื่อพี่สามไม่ยอมรับคนของตระกูลเย่แล้ว เขาก็คงไม่ต้องนับคุณปู่เย่เป็นผู้ใหญ่อีกแล้วละมั้ง ?
คุณชายห้าฉิงคิดไปคิดมา ก็ตัดสินใจที่จะไม่รับสาย จากนั้นก็เก็บโทรศัพท์เข้าที่
“เจ้าฉิงถิงคนนี้ ไม่รับสายของฉันด้วย”คุณปู่เย่มองผ่านการถ่ายทอดสด เห็นคุณชายห้าฉิงไม่รับสายเขา โมโหจนเกือบจะเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้ง
“ตอนนี้ฉิงถิงก็ไม่รับโทรศัพท์เหรอ งั้นเราจะทำยังไงกันดี ? โทรหาเลขาหลิวไหม?”คุณปู่เย่อดไม่ได้ที่จะร้อนใจขึ้นมาอีกครั้ง เขามองไปยังคุณย่าเย่เพื่อถามความเห็นคุณย่าเย่
“เลขาหลิวเป็นคนของเย่ซือเฉิน หากคุณโทรหาเลขาหลิวในตอนนี้ เลขาหลิวก็คงไม่รับแน่นอน ”ดวงตาของคุณย่าเย่หรี่ลง เห็นชัดว่าสีหน้าก็เคร่งเครียดขึ้นมา
“แล้วทำยังไงกันดี โทรไปก็ไม่ติด แล้วจะให้เขากลับมายังไง ? หากคราวนี้เขาไปจริงๆ ออกไปจากงานแล้ว ต่อให้จะตามตัวเขากลับมาได้ ผลที่ออกมาย่อมต้องไม่เหมือนกันแน่ ”คุณปู่เย่มองเย่ซือเฉินผ่านการถ่ายทอดสด กลัวเย่ซือเฉินจะเดินจากไป
“คุณดูสิคนด้านหน้าคนนั้นใช่นักข่าวหลู่หรือเปล่า คุณโทรหานักข่าวหลู่ แล้วให้นักข่าวหลู่เอาโทรศัพท์ให้เย่ซือเฉินรับสาย ถึงตอนนั้นผลที่ออกมาน่าจะดีกว่า ”แม้ว่าคุณย่าเย่จะอายุมากแล้ว แต่สายตาก็แหลมคมมาก
“ได้ ได้ วิธีนี้ของคุณใช้ได้ ผมจะโทรหานักข่าวหลู่เดี๋ยวนี้ ” คุณปู่เย่ได้ยินคำที่คุณย่าเย่พูด ดวงตาก็เป็นประกาย เพราะคุณปู่เย่มักจะโทรหานักข่าวอยู่เป็นประจำ ดังนั้นจึงมีเบอร์ของนักข่าวหลู่
คุณปู่เย่รีบค้นหาเบอร์ของนักข่าวหลู่ทันทีจากนั้นก็โทรติดต่อไป
ใต้ตึกใหญ่บริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปนักข่าวหลู่ในตอนนี้เบียดอยู่ตรงแถวหน้า ยืนอยู่ตรงหน้าเย่ซือเฉินพอดี เขากำลังถามคำถามบางอย่างกับเย่ซือเฉิน และตั้งแต่ที่เย่ซือเฉินพูดคำแถลงการณ์ฉบับสุดท้ายไป ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ไม่ว่านักข่าวจะถามคำถามอะไร เย่ซือเฉินก็ยังคงปิดปากเงียบไม่ตอบอะไร นักข่าวต่างก็ร้อนรนกระวนกระวาย
ดังนั้น นักข่าวจากสื่อสำนักต่างๆก็ได้ห้อมล้อมเย่ซือเฉินเอาไว้
หากเป็นเมื่อก่อน ไม่มีใครกล้าทำอย่างนี้แน่ เพราะคนคนนี้คือคุณชายสามเย่ ประธานใหญ่ของบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ป
แต่เมื่อกี้เย่ซือเฉินเพิ่งประกาศตัดขาดกับตระกูลเย่ อีกทั้งเย่ซือเฉินยังได้พูดอีกว่าจะไม่ข้องเกี่ยวใดๆกับตระกูลเย่ และเย่ซือเฉินยังได้ออกแถลงการณ์ด้วย เพราะฉะนั้นเย่ซือเฉินก็ไม่ใช่ประธานของบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปอีกต่อไป
เย่ซือเฉินไม่มีสถานะนี้แล้ว อีกทั้งในมือของเย่ซือเฉินก็ไม่มีหุ้นส่วนอะไรของบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปอีก สถานะของเย่ซือเฉินในตอนนี้ก็จึงลดลงไปมาก ดังนั้นสื่อสำนักต่างๆจึงไม่จำเป็นต้องระมัดระวังสถานะของคุณชายสามเย่เหมือนเมื่อก่อนอีก
จากที่ทุกคนลงความเห็น ที่คุณชายสามเย่น่าเกรงขามได้ขนาดนี้ ก็เป็นเพราะคุณชายสามเย่เป็นคนของตระกูลเย่ และเป็นเพราะดำรงตำแหน่งประธานของบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ป
แน่นอนว่า ธุรกิจส่วนตัวของเย่ซือเฉิน คนที่รู้ก็มีไม่มาก และนักข่าวพวกนี้ก็ไม่มีใครรู้ด้วยเช่นกัน หากพวกเขารู้ถึงความสามารถที่แท้จริงของเย่ซือเฉิน กลัวว่าคงจะแข้งขาอ่อนแรงได้ และไม่กล้าที่จะรั้งตัวเย่ซือเฉินไว้แบบนี้แน่
นักข่าวหลู่ที่คอยขวางเย่ซือเฉินอยู่ตรงหน้าแบบนี้ แล้วไล่ถามคำถามเย่ซือเฉินแบบนี้ แต่ก็กลับไม่ได้คำตอบอะไรเลย ในตอนนี้เห็นชัดว่าก็เริ่มร้อนใจขึ้นมาแล้วเหมือนกัน พอร้อนใจก็จะมีอารมณ์โมโหง่าย
และในตอนนี้เอง โทรศัพท์มือถือของนักข่าวหลู่ก็ดังขึ้น นักข่าวหลู่ขมวดคิ้วแน่น และชักจะหมดความอดทน ใครกันที่ไม่ดูเวล่ำเวลา ถึงโทรมาหาเขาได้ในตอนนี้ ?!
แต่นักข่าวหลู่ก็กลัวว่าจะเป็นสายของหัวหน้า จึงได้รีบควักโทรศัพท์มือถือออกมา นักข่าวหลู่หยิบมือถือออกมาได้ เห็นสายที่โทรเข้ามา ก็ต้องตะลึง เขาคิดไม่ถึงว่าจะเป็นสายจากคุณปู่เย่ที่โทรเข้ามา !!
เมื่อก่อนคุณปู่เย่เคยโทรหาเขาอยู่บ้างหลายครั้ง เขาจึงบันทึกเบอร์ของคุณปู่เย่ไว้เป็นเรื่องธรรมดา
นักข่าวหลู่มองไปยังเย่ซือเฉินอย่างไม่รู้ตัว ดวงตาทั้งคู่ไหววูบแวบหนึ่ง จากนั้นก็กดรับสายของคุณปู่เย่
คนทุกคนล้วนเห็นแก่ตัว ตอนนี้เย่ซือเฉินไม่ใช่ประธานของบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปแล้ว ตอนนี้เย่ซือเฉินไม่มีหุ้นอะไรของบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปอีกแล้ว ตอนนี้หุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปนั้นตกเป็นของคุณปู่เย่ นักข่าวหลู่ในตอนนี้ย่อมไม่คิดที่จะเป็นศัตรูกับคุณปู่เย่แน่นอน ตรงกันข้ามนักข่าวหลู่ต้องอยากจะเอาใจคุณปู่เย่มากกว่า
“นักข่าวหลู่ คุณเอาโทรศัพท์คุณไปอยู่ใกล้ๆหูของเย่ซือเฉิน ผมมีคำพูดจะพูดกับเย่ซือเฉินสักสองสามคำ ”เมื่อรับสาย คำพูดของคุณปู่เย่ก็ดังเข้ามา
นักข่าวหลู่อึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นก็หันไปมองเย่ซือเฉินแวบหนึ่ง ในเมื่อเขาเลือกที่จะรับสายของคุณปู่เย่แล้ว ก็เท่ากับเขาเลือกอยู่ข้างเดียวกับคุณปู่เย่ ดังนั้นคำพูดของคุณปู่เย่เขาจึงต้องฟังและทำตาม ยิ่งไปกว่านั้นนักข่าวหลู่คิดว่าคำขอของคุณปู่เย่ก็ไม่ได้มากมายเกินไปอะไร !!