ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1206 จังหวะแห่งความตาย(1)
“หากฉันเดาไม่ผิด เวินลั่วฉิงน่าจะส่งข้อความมาหาเย่ซือเฉิน เวินลั่วฉิงคงรู้ว่าเย่ซือเฉินไม่ได้พกโทรศัพท์ติดตัวเอาไว้ จึงได้ส่งข้อความเข้าเครื่องของเลขาหลิว ให้เลขาหลิวเอาให้เย่ซือเฉินดู ต้องใช่แบบนี้แน่ๆ !”คุณย่าเย่เป็นคนฉลาดจริงๆ ในตอนนี้ไม่ว่าจะเดาอะไรก็ถูกไปเสียหมด !!
“เวินลั่วฉิงรู้ได้ยังไง ? เธอรู้ได้ยังไงว่าเราใช้เด็กมาข่มขู่เย่ซือเฉิน ? ”ดวงตาที่หรี่ลงของคุณปู่เย่เห็นชัดถึงความเย็นเยือก “ผู้หญิงหน้าตาน่าเกลียดคนนั้นช่างเป็นมารผจญจริงๆ”
ในตอนนี้คุณปู่เย่ยังไม่รู้ว่าเวินลั่วฉิงก็คือคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง คุณปู่เย่ก็ยังไม่รู้รูปร่างหน้าตาที่แท้จริงของเวินลั่วฉิง คุณปู่เย่คิดว่าเวินลั่วฉิงก็คงเป็นเพียงคนที่รูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์คนหนึ่งเท่านั้น
“ผู้หญิงอย่างเวินลั่วฉิงนั้นไม่ธรรมดาเลยจริงๆ พวกเราประเมินเธอต่ำไป เธอคงต้องดูการถ่ายทอดสดอยู่เป็นแน่ และพอจะเดาอะไรได้ ดังนั้นจึงได้ส่งข้อความมาหาเย่ซือเฉิน”ท่าทีของคุณย่าเย่ในตอนนี้ก็ดูจริงจังมาก“ ที่ฉันกังวลใจมากก็คือตรงนี้ ฉันกลัวเวินลั่วฉิงจะทำเรื่องพัง ดังนั้นฉันจึงอยากจะหาตัวเวินลั่วฉิงให้ได้เร็วที่สุด จัดการกับตัวปัญหาอย่างเวินลั่วฉิงเสีย ไม่คิดว่าจะช้าไปก้าวหนึ่ง”
“คนที่เราส่งไปก็ช่างไร้ความสามารถ เวลาล่วงเลยมานานขนาดนี้แล้ว ก็ยังหาตัวเวินลั่วฉิงกับเด็กผู้หญิงไม่เจอ”
เมื่อคุณปู่เย่พูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าก็เย็นเยือกขึ้นมา “หากหาตัวเวินลั่วฉิงพบ ก็ขายเธอไปยังที่ทางแถบภูเขาซะ ให้เธอหาทางกลับมาไม่ได้อีกตลอดไป ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเธอจะทำเรื่องของเย่ซือเฉินให้พังได้อีกไหม ”
“ตอนนี้เย่ซือเฉินรู้แล้วว่าเด็กคนนั้นไม่ได้อยู่กับเรา เขาไม่มีทางกลับมาแน่ แผนแรกของเราก็ล้มเหลวไป ”เห็นชัดว่าหน้าอกของคุณย่าเย่กระเพื่อมไหวอย่างรุนแรง ดูออกว่าตอนนี้เธอมีอารมณ์โมโหมาก“ ตอนนั้น เราน่าจะจัดการกับตัวปัญหาอย่างเวินลั่วฉิงซะ ต้องโทษที่เราใจอ่อนเกินไป และมีเมตตาเกินไป”
“ใครจะไปคิดว่าเวินลั่วฉิงที่หน้าตาอัปลักษณ์นี้จะไร้ยางอายได้ขนาดนี้ เธอไม่เพียงคอยตามตื๊อเย่ซือเฉิน ยังจะคอยทำลายเย่ซือเฉินด้วย คุณวางใจเถอะ คราวนี้ฉันจะไม่ปล่อยเธอเอาไว้แน่” ใบหน้าของคุณปู่เย่ในตอนนี้มีท่าทีที่เหี้ยมโหด น้ำเสียงก็เย็นเยือกขึ้นมาด้วยเช่นกัน
“ตอนนี้เราต้องคิดแผนสองกันต่อว่าเราจะเอายังไงกันดี ที่เย่ซือเฉินตัดขาดกับเรา ต้องเกี่ยวข้องกับเวินลั่วฉิงแน่ๆ เราจะให้ผู้หญิงที่ชั่วร้ายอย่างเวินลั่วฉิงมาทำลายเย่ซือเฉินไม่ได้เด็ดขาด เราต้องหาทางให้เย่ซือเฉินกลับมาที่ตระกูลเย่ให้ได้ ”
คุณย่าเย่ในตอนนี้ก็ดูโศกเศร้ามาก ราวกับทุกคนช่างชั่วร้าย มีเพียงเธอเท่านั้นที่เสียสละที่สุด
ไม่แปลกที่เธอจะทำเรื่องไปตั้งมากมายแล้วยังสามารถพูดคำพวกนี้ออกมาได้อีก
“ใช่ คุณพูดถูก เรื่องนี้ต้องเป็นแผนของเวินลั่วฉิงแน่ๆ เราจะให้เย่ซือเฉินตกหลุมพรางของผู้หญิงคนนั้นไม่ได้อีก”
และคุณปู่เย่เองก็ไม่ได้รู้สึกว่าคำพูดของคุณย่าเย่นั้นผิดตรงไหน หนำซ้ำยังเห็นด้วยกับสิ่งที่คุณย่าเย่พูด
เป็นไปอย่างที่ว่าคนนิสัยไม่เหมือนกันคบกันไม่ได้ !
“เวินลั่วฉิงกับเด็กผู้หญิงคนนั้นฉันจะต้องหาเจอตัวให้ได้แน่ ถึงตอนนั้นค่อยจัดการกับพวกเขา ตอนนี้เราต้องมาคิดวางแผนกันใหม่ว่าจะทำยังไงให้เย่ซือเฉินกลับมาที่ตระกูลเย่ให้ได้ ”คุณปู่เย่ก็รู้ดีว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือให้เย่ซือเฉินกลับตระกูลเย่ให้ได้
หากเย่ซือเฉินตัดขาดกับตระกูลเย่จริงๆ หรือหากเย่ซือเฉินจะไม่สนใจบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปอีก ตระกูลเย่ก็จะไม่มีผู้สืบทอด กับเย่ซือฉุนแล้ว เขาไม่ได้คาดหวังอะไรด้วยเลย
ในใจคุณปู่เย่รู้ดี หากยกบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปให้เย่ซือฉุนดูแล คงใช้เวลาไม่นาน เย่ซือฉุนก็คงจะทำลายบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปจนไม่เหลือซาก
ดังนั้นทุกอย่างของตระกูลเย่ก็ต้องพึ่งเย่ซือเฉิน!เรื่องนี้คุณปู่เย่เองก็รู้ดีกว่าใครๆ!!
ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องงานแต่งของเย่ซือเฉินกับเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ หากเย่ซือเฉินไม่กลับมา หรือหากเย่ซือเฉินไม่ยอมรับตระกูลเย่ แล้วใครจะแต่งงานกับเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ ?
ดังนั้น ไม่ว่ายังไง คุณปู่เย่ก็จะต้องทำให้เย่ซือเฉินกลับมาให้ได้
เมื่อคุณปู่เย่คิดถึงเรื่องพวกนี้ ในใจก็ร้อนรนเหมือนกัน ดังนั้นคุณปู่เย่ก็อยากจะพูดข่มขู่เย่ซือเฉินอีกสองสามคำ
คุณชายห้าฉิงไม่เห็นข้อความในมือถือของเลขาหลิว เพราะฉะนั้นคุณชายห้าฉิงจึงยังไม่เข้าใจในสถานการณ์ และคุณชายห้าฉิงก็ยังไม่ได้เอามือถือออกห่างจากหูของเย่ซือเฉิน
“เย่ซือเฉิน แกฟังฉันให้ดี แก……”คุณปู่เย่ขึ้นเสียงอีกครั้งอยากที่จะพูดข่มขู่เย่ซือเฉิน
แต่ว่า เย่ซือเฉินกลับดันโทรศัพท์มือถือของคุณชายห้าฉิงออกไป
คุณชายห้าฉิงอึ้งไป เข้าใจได้ในทันทีว่าพี่สามไม่อยากที่จะฟังต่อแล้ว พี่สามไม่กลัวคำขู่ของคุณปู่เย่แล้ว
คุณชายห้าฉิงเป็นคนฉลาด ปะติดปะต่อเรื่องราวได้ทั้งหมด และเข้าใจได้ในทันที ดังนั้นหลังจากที่เย่ซือเฉินดันโทรศัพท์เขาออก คุณชายห้าฉิงก็วางสายไป ไม่ได้พูดอะไรกับคุณปู่เย่เลยสักคำ
แน่นอนว่า ทางฝั่งของคุณปู่เย่ที่ยังพูดขู่ไม่จบก็ถูกคุณชายห้าฉิงกดตัดสายไป
“พี่สาม ทุกอย่างจัดการเรียบร้อยแล้วเหรอ ? ” คุณชายห้าฉิงเดาได้ หากเรื่องทุกอย่างยังไม่ได้ถูกจัดการ พี่สามก็คงไม่ปฏิเสธการพูดคุยกับคุณปู่เย่
“อืม”ตอนนี้คุณชายสามเย่อารมณ์ดีมาก ดังนั้นจึงได้ตอบกลับมาเสียงเบา คุณชายสามเย่ในตอนนี้ไม่ได้จะเย็นเยือกจนทำให้ใครต้องแข็งตายได้อย่างเมื่อครู่อีก อีกทั้งน้ำเสียงก็ฟังดูอ่อนโยนขึ้นมากด้วย
ครั้งนี้เย่ซือเฉินไม่ได้เกรงใจนักข่าวอีก เดินตรงออกไปด้านนอก นักข่าวต่างยังคงอยากที่จะรั้งตัวเขาไว้เพื่อถามคำถามอีกมากมาย แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาของคุณชายสามเย่ที่กวาดตามองมา แต่ละคนต่างก็ต้องถอยห่างออกไปอย่างไม่รู้ตัว
ริมฝีปากของคุณชายห้าฉิงอดไม่ได้ที่จะกระตุกขึ้น นักข่าวพวกนี้ จะตามใจพวกเขาหน่อยไม่ได้เหรอ ไม่อย่างนั้นพวกเขาไม่เกรงใจแล้วนะ
กะอีแค่สายตาของพี่สาม ตัวเขาเองยังกลัวเลย นักข่าวพวกนี้ไม่กลัวก็บ้าแล้ว ก็เพราะก่อนหน้านั้นพี่สามทำตัวสุภาพเกินไป
ครั้งนี้ไม่มีใครขวางเอาไว้ เย่ซือเฉินก็รีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ในตอนที่นักข่าวต่างพากันได้สติ เย่ซือเฉินก็ได้เดินไปไกลแล้ว
ตอนนี้อยากจะรั้งตัวเย่ซือเฉินเอาไว้ก็ทำไม่ได้แล้ว คิดถึงสายตาของคุณชายสามเย่เมื่อครู่ก็ไม่มีใครไม่กลัวตายกล้าที่จะขวางเย่ซือเฉินเอาไว้อีก
ไม่สามารถไปขวางทางข้างหน้าได้ แต่ก็ถามคำถามจากทางด้านหลังได้
“คุณชายสามเย่ คุณจะจากไปแบบนี้เลยเหรอ ? เมื่อครู่คุณปู่เย่โทรมา คุณไม่คิดที่จะกลับไปดูพวกเขาหน่อยเหรอ ? คุณชายสามเย่ไม่กังวลกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่เย่เหรอ ? ยังไงคุณปู่เย่ก็อายุมากแล้ว คุณชายสามเย่คุณทำอย่างนี้จะไม่แล้งน้ำใจไปหน่อยเหรอ?” นักข่าวหลู่ไม่กล้าที่จะเดินไปข้างหน้า จึงทำได้เพียงตะโกนออกมาเสียงดังจากทางด้านนอก
คำพูดนี้ของเขาเห็นชัดว่าจงใจชี้นำความคิดของคนอื่น
“ใช่ ไม่ว่ายังไงก็ไม่ควรละเลยความปลอดภัยของผู้ใหญ่ ? เป็นคนอื่นเรายังต้องสนใจเลย แต่นี่คือญาติของเราเอง จะทำเกินไปหน่อยไหม ”ทันใดนั้นก็มีคนเห็นด้วยกับนักข่าวหลู่ขึ้นมาทันที
พอนักข่าวหลู่เห็นว่ามีคนเห็นด้วยกับคำพูดของเขา ก็ยิ่งฮึกเหิม “คนนอกเขาต่างก็รู้ ว่าตลอดหลายปีมานี้คุณปู่เย่เลี้ยงดูคุณชายสามเย่จนเติบใหญ่ คุณปู่เย่ทุ่มเทให้คุณชายสามเย่ไม่น้อย ตอนนี้คุณชายสามเย่ตอบแทนคุณปู่เย่ด้วยวิธีแบบนี้เหรอ ?”
เย่ซือเฉินไม่อยากจะสนใจพวกเขา ก่อนที่จะตัดสินใจทำเรื่องพวกนี้ เย่ซือเฉินก็คิดถึงเรื่องพวกนี้เอาไว้แล้ว คิดว่าต้องมีคนใช้สารพัดวิธีเพื่อมาโจมตีเขา แน่นอนว่าเขาก็คิดเอาไว้แล้วด้วยว่าคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ไม่มีทางวางมือจากเรื่องนี้ไปง่ายๆแน่
แต่ว่า เขาก็เลือกที่จะทำแบบนี้ ในเมื่อเขาเลือกที่จะทำแล้ว ก็ไม่เก็บเรื่องพวกนี้มาใส่ใจอีก เรื่องพวกนี้ก็จะไม่ส่งผลกระทบอะไรกับเขาทั้งนั้น
“ใช่ หลายปีมานี้คุณปู่เย่ก็ลำบากไม่น้อย แม่ของคุณชายสามเย่จากไปเร็วเกินไป……”มีคนเอ่ยพูดถึงแม่ของคุณชายสามเย่ ในปีนั้นคุณปู่เย่ประกาศว่าแม่ของเย่ซือเฉินจากไปแล้ว ดังนั้นทุกคนต่างก็คิดว่าแม่ของเย่ซือเฉินนั้นได้เสียไปแล้วจริงๆ
เมื่อเย่ซือเฉินได้ยินนักข่าวเอ่ยพูดถึงแม่ของเขา ทันใดนั้นร่างทั้งร่างของเขาก็แข็งทื่อ ดวงตาคู่คมก็ดำดิ่งลึกจนขีดสุด
“พี่สาม พี่สาม ใจเย็นๆ ตั้งสติ เรื่องในตอนนั้นจะให้คนรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นมันจะทำร้ายพี่ ทำร้ายคุณป้าได้ โดยเฉพาะกับคุณป้า”คุณชายห้าฉิงในตอนนี้ก็คอยตามติดอยู่กับเย่ซือเฉิน หลังจากที่เห็นปฏิกิริยาของเย่ซือเฉิน คุณชายห้าฉิงก็เอื้อมมือไปคว้าตัวเขาไว้
เรื่องในตอนนั้นเขาเองก็ไม่ได้รู้มันทั้งหมด รู้แค่บางส่วนเท่านั้น แต่แค่บางส่วนที่ว่านี้ก็พอทำให้เขารู้สึกช็อกได้ หากเรื่องเมื่อตอนนั้นถูกขุดออกมา มันก็จะสร้างความเสียหายให้กับพี่สามเป็นอย่างมาก และสร้างความเสียหายให้คุณป้ามากไปด้วยเช่นกัน
คุณชายห้าฉิงกลัวจริงๆว่าเย่ซือเฉินจะวู่วามพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไป
เลขาหลิวเองก็ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก เลขาหลิวคอยติดตามเย่ซือเฉินมานานหลายปี แม้เลขาหลิวจะไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนนั้น แต่เลขาหลิวก็รู้ว่าแม่ของท่านประธานนั้นยังมีชีวิตอยู่