ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1210 ยั่วยุปลุกปั่น(1)
คุณปู่เย่รู้ดีแก่ใจ หากนักข่าวสังเกตเห็นความผิดปรกติ แผนการของพวกเขาก็ต้องล่ม ดังนั้นที่คุณปู่เย่นอนนิ่งในตอนนี้ก็จึงไม่ได้ขยับอะไร
คุณปู่เย่แกล้งหมดสติ ขยับตัวไม่ได้ และพูดไม่ได้เช่นกัน นักข่าวย่อมถามเอาอะไรกับคุณปู่เย่ไม่ได้ ทำได้เพียงเก็บภาพของคุณปู่เย่ที่กำลังป่วยอยู่ จากนั้นก็เอารูปลงโซเซียลกันอย่างรัวๆ
เพราะก่อนหน้านั้นคุณชายสามเย่ก็เพิ่งจะจัดงานแถลงข่าวประกาศตัดขาดกับตระกูลเย่ ผ่านไปไม่นานคุณปู่เย่ก็เป็นลมหมดสติ นี่จึงเป็นหัวข้อสำคัญที่ต้องถูกหยิบยกเอามาพูดถึงกันอย่างแน่นอน
คุณย่าเย่ไม่ได้นั่งไปกับรถพยาบาลด้วย เพราะอายุมากแล้ว สุขภาพไม่ดี และคุณย่าเย่ก็อยากที่จะหลีกเลี่ยงด้วย คุณย่าเย่จึงนั่งรถอีกคันตามรถพยาบาลไป
ทันทีที่ประตูของรถพยาบาลเปิดออก นักข่าวทุกคนต่างก็ล้อมวงกันเข้ามาที่คุณปู่เย่ ไม่มีใครสังเกตเห็นคุณย่าเย่เลย
ในตอนนี้เองคุณย่าเย่ก็ลงมาจากรถ แล้วเดินเข้ามา นักข่าวที่ตาแหลมก็มองเห็นเธอทันที เดิมทีคุณปู่เย่ที่ยังไม่รู้สึกตัวจะถามอะไรไปก็คงจะตอบไม่ได้ เพราะฉะนั้นนักข่าวจำนวนมากจึงรุมล้อมมาที่คุณย่าเย่
“พวกคุณอย่าขวางทาง อย่าขวางทางหมอที่กำลังช่วยชีวิตคน ช่วยชีวิตคนเป็นสิ่งสำคัญ”คุณย่าเย่เบียดร่างตัวเองไปยังด้านหน้า ด้วยท่าทีที่เป็นกังวลอย่างมาก
“คุณย่าเย่ครับ สถานการณ์ของคุณปู่เย่ตอนนี้เป็นยังไงบ้างครับ ? คุณปู่เย่เป็นลมไปได้ยังไงครับ ? ” หน้าที่ของนักข่าวคือการขุดคุ้ย เวลานี้จะจากไปได้ยังไง และนักข่าวก็ไม่ได้ขวางทางคุณปู่เย่เอาไว้ และไม่ขวางหมอที่จะช่วยชีวิตคนด้วย พวกเขาอยากจะได้ข้อมูลที่ต้องการจากปากของคุณย่าเย่
“ฉันไม่รู้ ตอนนี้ฉันแค่อยากให้ตาแก่ที่บ้านฟื้นขึ้นมาเร็วๆ” คิ้วของคุณย่าเย่ขมวดแน่น ความเจ็บปวดบนใบหน้าก็แสดงออกมาอย่างชัดเจน
“คุณย่าเย่ คุณปู่เย่ล้มไปขนาดนี้ คุณชายสามเย่จะมาดูไหมครับ ? พวกคุณได้แจ้งเรื่องให้คุณชายสามเย่หรือยังครับ ? ” นักข่าวย่อมไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆแน่ สถานการณ์แบบนี้นักข่าวต่างก็อยากที่จะขุดคุ้ยเรื่องราวอื่นๆด้วย
ตอนนี้คุณปู่เย่ล้มป่วยจะเกี่ยวอะไรกับคุณชายสามเย่หรือเปล่านั้นก็เป็นอีกหัวข้อบทสนทนาหนึ่ง ในเวลาเดียวกันที่คุณปู่เย่ล้มป่วยไปแบบนี้คุณชายสามเย่จะมาดูหรือไม่ก็เป็นอีกหัวข้อบทสนทนาด้วยเช่นกัน
ไม่พูดไม่ได้ คำถามของนักข่าวคนนี้ก็เป็นคำถามที่นักข่าวทุกคนต่างก็อยากจะถามอยู่ด้วยเช่นกัน
“ฉันไม่รู้ ” คุณย่าเย่มีอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัด พยายามที่จะหลบสายตา “ ฉันไม่รู้ พวกคุณอย่าถามอีกเลย”
คุณย่าเย่ในตอนนี้ไม่เพียงหลบตา ท่าทีก็ดูจะต่อต้านอีกด้วย
“คุณย่าเย่ คุณไม่รู้ว่าคุณชายสามเย่จะมาหรือเปล่า ? แล้วเรื่องที่คุณปู่เย่ป่วยคุณได้บอกคุณชายสามเย่ไหม ? เขารู้เรื่องนี้หรือเปล่า ? ”นักข่าวยังคงตั้งคำถามต่อ ในตอนนี้การหลบเลี่ยงของคุณย่าเย่คงหยุดการตั้งคำถามของนักข่าวต่อไปไม่ได้
“ตอนนี้คุณปู่เขาเข้าโรงพยาบาลแล้ว ก็หวังว่าเขาจะได้เห็น ”คุณย่าเย่ถอนหายใจออกมาเบาๆ ใบหน้าในตอนนี้ก็เศร้าสลด และเจ็บปวด เห็นแล้วก็ช่างน่าเศร้าใจนัก
“คุณย่าเย่ คุณหมายความว่าคุณไม่ได้บอกเรื่องของคุณปู่เย่ให้คุณชายสามเย่รู้งั้นเหรอ?”นักข่าวจับช่องโหว่ในคำพูดของคุณย่าเย่ได้ในทันที “ทำไมคุณไม่บอกคุณชายสามเย่ล่ะ ? หากคุณชายสามเย่ไม่เห็นล่ะ ? คุณต้องบอกคุณชายสามเย่ ไม่แน่คุณชายสามเย่อาจจะรีบตามมา เพราะยังไงตอนนี้คุณปู่เย่ก็หมดสติไปแล้ว ”
คำพูดของนักข่าวคนนี้ก็ถือว่ามีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง เพราะคุณปู่เย่หมดสติไป หากเย่ซือเฉินไม่ตามมา ก็จะมีข้อถกเถียงขึ้นมาได้อีก ถึงตอนนั้นอาจจะถูกก่นด่ามากขึ้นไปอีก
“คุณย่าเย่ ถึงแม้ว่าคุณชายสามเย่จะตัดขาดกับตระกูลเย่ไปแล้ว แต่คุณปู่เย่ก็เป็นปู่แท้ๆของเขา ปู่ของตัวเองล้มป่วยไปแบบนี้ ไม่มีทางที่จะไม่มาดูดำดูดีหรอก คุณย่าเย่น่าจะบอกคุณชายสามเย่ด้วยตัวเองจะดีกว่า ”
“ใช่ หรือไม่คุณย่าเย่ก็โทรไปหาคุณชายสามเย่ในตอนนี้เลย บอกเรื่องนี้กับคุณชายสามเย่ ” มีนักข่าวคนหนึ่งเสนอให้คุณย่าเย่โทรไปหาคุณชายสามเย่ในตอนนี้ เห็นชัดว่านักข่าวคนนี้กลัวว่าเรื่องจะไม่วุ่นวายตามเป้าหมายของตัวเอง
เมื่อคุณย่าเย่ได้ยินที่นักข่าวพูด ดวงตาก็ไหววูบ ที่พวกเขาทำมาทั้งหมดก็เพื่อให้เย่ซือเฉินกลับตระกูลเย่ หากตอนนี้สามารถโทรตามตัวเย่ซือเฉินกลับมาได้ เย่ซือเฉินก็น่าจะมาหา ขอเพียงแค่เย่ซือเฉินตามมา เรื่องก่อนหน้าก็พอจะบรรเทาที่ว่างที่ยังเหลืออยู่ได้
หากเย่ซือเฉินไม่มา ก็แสดงว่าเย่ซือเฉินเป็นคนผิด เรื่องวันนี้ก็จะยิ่งกลายเป็นเรื่องใหญ่ ถึงตอนนั้นเย่ซือเฉินก็ยิ่งจะจัดการมันได้ยากมากขึ้น ถึงตอนนั้นก็ยิ่งต้องการพวกเขายื่นมือเข้ามาช่วยเย่ซือเฉินจัดการ
คุณย่าเย่คิดว่านี่เป็นความคิดที่ดี
สำหรับเธอแล้วมันไม่ได้เสียหายอะไร
ในใจของคุณย่าเย่ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะโทรหาเย่ซือเฉิน แต่ตอนนี้เธอก็ยังคงทำท่าทีที่ราวกับลำบากใจ “เวลาแบบนี้ ยังไม่บอกเย่ซือเฉินจะดีกว่า กลัวว่าเย่ซือเฉินจะเป็นกังวล รอให้ผลตรวจออกมาก่อนจะดีกว่า ”
“คุณย่าเย่ ดูอาการของคุณปู่เย่แล้วน่าจะเป็นเอามาก ตอนนี้น่าจะต้องการให้คุณชายสามเย่มาคอยอยู่ที่นี่เพื่อจัดการเรื่องทุกอย่างมากที่สุด จะปล่อยให้คุณย่าเย่จัดการคนเดียวได้ยังไง อีกอย่างคุณย่าเย่ก็อายุมากแล้ว หากเป็นอะไรไปอีกคนจะทำยังไง ? ” นักข่าวหลู่เห็นคุณย่าเย่เหมือนจะลังเล ก็รีบพูดโน้มน้าวทันที
“อีกทั้งคุณปู่เย่ก็มามีสภาพแบบนี้ หากเกิดอะไรขึ้นมา คุณชายสามเย่ก็น่าจะอยู่ในที่เกิดเหตุด้วยถึงจะถูก” นักข่าวหลู่ก็พูดอีกเหตุผลหนึ่งให้คุณย่าเย่ได้ฟัง
“ก็ได้ งั้นฉันจะโทรหาเย่ซือเฉิน”ในที่สุดคุณย่าเย่ก็ถูกนักข่าวหลู่พูดเกลี้ยกล่อมจนได้ เธอพยักหน้าให้อย่างช้าๆ เธอในตอนนี้ดูเศร้าและทุกข์ใจมาก อีกทั้งก็ดูเหมือนไม่รู้จะทำยังไงด้วย
คุณย่าเย่โทรไปหาเย่ซือเฉินในสภาพแบบนี้ ทำให้ทุกคนต่างกล่าวโทษอะไรเธอไม่ได้แน่
คุณย่าเย่หยิบโทรศัพท์ออกมา หาเบอร์ของเย่ซือเฉิน จากนั้นก็โทรติดต่อไป แต่โทรศัพท์รอสายอยู่นาน ปลายสายไม่มีคนรับ
ตอนนี้ทุกคนต่างมองไปยังมือถือที่คุณย่าเย่ถืออยู่ เห็นปลายสายไม่มีคนรับสักที ท่าทีของทุกคนก็เริ่มที่จะเปลี่ยนไป
“โทรศัพท์ของเย่ซือเฉินไม่มีคนรับสาย เย่ซือเฉินน่าจะไม่ได้พกโทรศัพท์ติดตัว ก่อนหน้านั้นปู่ของเขาก็โทรหาเขาแต่ไม่มีคนรับสาย จึงได้โทรไปหานักข่าวหลู่ ” คุณย่าเย่โทรไปไม่มีคนรับสาย ในใจก็เคืองเล็กน้อย แม้ว่าเธอจะพูดอธิบายแทนเย่ซือเฉินในตอนนี้ แต่เธอก็ไม่ได้เชื่ออย่างที่พูด เพราะเย่ซือเฉินเป็นคนที่ทำอะไรรอบคอบ ไม่มีทางลืมพกโทรศัพท์แน่
เย่ซือเฉินไม่มีทางลืมพกโทรศัพท์ แต่ตอนนี้เย่ซือเฉินก็ไม่ได้พกโทรศัพท์เอาไว้จริงๆ เย่ซือเฉินตั้งใจวางโทรศัพท์ทิ้งไว้ในห้องทำงานไม่ได้พกติดตัวไปด้วย
เพราะเขาคิดได้ว่าหลังจากที่เขาจัดงานแถลงข่าว คุณปู่เย่จะต้องโทรมาหาเขาแน่ๆ สำหรับคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่นั้นเขาเองก็ถอดใจแล้ว เพราะฉะนั้นระหว่างพวกเขาก็ไม่มีอะไรที่จะต้องพูดกันอีก
และเรื่องที่คุณปู่เย่อยากที่จะจัดการกับถังจื่อซี แล้วคิดที่จะขายตัวเวินลั่วฉิงไปยังแถบพื้นที่ภูเขา เย่ซือเฉินก็ไม่อยากถือสาเอาความกับพวกเขาอีก เรื่องนี้ก็ให้มันผ่านไปแบบนี้ และแน่นอนว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายด้วยเช่นกัน
เย่ซือเฉินไม่ได้พกโทรศัพท์ ไม่อยากรับสายของคุณปู่เย่ สาเหตุหลักก็เป็นเพราะคุณปู่เย่คิดที่จะจัดการกับถังจื่อซีและเวินลั่วฉิง เรื่องนี้มันทำให้เขาก็แทบจะพูดอะไรไม่ออกแล้ว
“คุณย่าเย่ คุณหมายความว่าก่อนหน้านั้นคุณปู่เย่ก็เคยโทรหาคุณชายสามเย่ แต่คุณชายสามเย่ไม่รับสาย เหมือนกับครั้งนี้ ? ” ดวงตาของนักข่าวหลู่เป็นประกายจากนั้นก็ถามคำถามออกไปอย่างรวดเร็ว
“เย่ซือเฉินน่าจะไม่ได้พกโทรศัพท์ เรื่องนี้จะโทษเขาไม่ได้ ”คุณย่าเย่มองไปยังนักข่าวหลู่ คิ้วขมวดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ดูไปราวกับจะไม่พอใจเล็กน้อย
“ตอนนั้น คุณปู่เย่เขาโทรมาที่เบอร์ของผม เพื่อให้คุณชายสามเย่รับสาย ตอนนั้นผมจำได้ว่าคุณปู่เย่อยากที่จะให้คุณชายสามเย่กลับไป แต่คุณชายสามเย่กลับไม่ได้สนใจ หลังจากนั้นคุณปู่เย่ก็มาเป็นลมหมดสติจนต้องเรียกรถพยาบาล” นักข่าวหลู่ไม่ได้พูดต่อบทสนทนาของคุณย่าเย่ แต่กลับพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น
ตอนนั้นคุณปู่เย่โทรมาที่เบอร์ของเขา เพราะฉะนั้นคำพูดของเขาก็จึงพอจะน่าเชื่อถือได้มาก โดยเฉพาะตอนนี้คุณปู่เย่ก็มาเป็นลมหมดสติไป
คำพูดของนักข่าวหลู่ปะติดปะต่อกันออกมา ส่งผลเสียกับเย่ซือเฉินเป็นอย่างมาก หากตอนนี้คุณย่าเย่ยอมรับ เรื่องนี้ก็จะยิ่งบานปลาย และส่งผลกระทบกับเย่ซือเฉินมากขึ้นไปอีก
“อย่าพูดเหลวไหล ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย ไม่ใช่แบบนั้น อย่าพูดไปเรื่อย ” คุณย่าเย่เงยหน้าขึ้นมองไปยังนักข่าวหลู่ แล้วส่ายหัวไปมาอย่างแรง ตอนนี้ใบหน้าของเธอมีความประหม่าและสับสนวุ่นวาย