ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1213 คุณชายสามเย่ที่ ‘หมดตัว’ (2)
ถึงแม้ว่าตอนนี้ข้างนอกจะวุ่นวายมากๆ ถึงแม้ว่าขณะนี้คนที่อยู่ข้างนอกต่างก็กำลังด่าว่าเย่ซือเฉินโหดร้าย อกตัญญู
การที่เป็นผองเพื่อนดั่งพี่น้อง ถังหลินก็จะสนับสนุนเย่ซือเฉินอย่างไม่มีเงื่อนไข
“ขอบคุณครับพี่ใหญ่” เย่ซือเฉินยิ้มโค้งขึ้นที่มุมปาก ในใจของเย่ซือเฉินรู้ดี ตามความสัมพันธ์ของเขาและถังหลิน หลังจากที่เขาตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่แล้ว เรื่องแย่ๆพวกนั้นของเขาก็ต้องส่งผลกระทบต่อถังหลินแน่นอน
อีกอย่างคนพวกนั้นที่เป็นคนขององค์กรโกสต์ซิตี้ก็ไม่พลาดโอกาสนี้แน่ ถึงแม้ว่านักข่าวจะไม่เชื่อมโยงเขากับถังหลินไว้ด้วยกัน คนขององค์กรโกสต์ซิตี้ก็จะดึงตระกูลถังเข้ามาเกี่ยวข้องแน่นอน ดังนั้นถังหลินสนับสนุนเขาแบบนี้ เขารู้สึกซึ้งใจมากจริงๆ
“กับฉันยังต้องพูดขอบคุณอีกเหรอ?” ถังหลินที่พูดพลางหัวเราะผ่านโทรศัพท์ “ขอแค่นายดีกับน้องสาวของฉัน อย่างอื่นไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย”
ถังหลินนี่เป็นทาสน้องสาวจริงๆเลย แน่นอนว่าหลังจากที่เวินลั่วฉิงกลับมาที่บ้านถังแล้ว ถังหลินอยากจะเอาสิ่งที่ดีที่สุดของตัวเองให้น้องสาวคนนี้ทั้งหมดเลย
ผองเพื่อนสำคัญ น้องสาวสำคัญกว่า
เย่ซือเฉินหันกลับไปมองเวินลั่วฉิงที่ยืนอยู่ข้างกายของเขา ไม่ได้พูดอะไร ทว่านัยน์ตานั้นเต็มไปด้วยความลึกซึ้งที่เพียงพอแล้วที่จะอธิบายทุกสิ่ง
“โอเค ฉันวางก่อนนะ คืนนี้พ่อฉันกลับมา พอถึงเวลามีเรื่องอะไรเราค่อยคุยกันดีๆ” ถังหลินไม่ได้พูดอะไรมาก เรื่องบางเรื่องก็ไม่สะดวกพูดทางโทรศัพท์ ถังหลินโทรมาก็เพื่อที่จะแสดงท่าทีของตัวเองออกมา
ถังหลินก็แค่อยากให้เย่ซือเฉินรู้ว่า เขาไม่ได้สู้รบเพียงตัวคนเดียว ข้างหลังของเย่ซือเฉินยังมีเขาคอยสนับสนุนอยู่
“โอเค” เย่ซือเฉินที่ดูเย็นชาในวันปกติ ขณะนี้ดูแล้วเป็นเด็กดีมากๆ
เวินลั่วฉิงยืนอยู่ข้างกายของเขา มองเขา มุมปากของเธอก็อดไม่ไหวโค้งขึ้น ตอนแรกเธอยังรู้สึกกังวลว่าเย่ซือเฉินจะได้รับผลกระทบจากการที่คุณปู่เย่แกล้งเป็นลม ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะคิดมากไปแล้ว
ในตอนที่เย่ซือเฉินเดินขึ้นตึกไป โทรศัพท์ของเขาดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้คุณชายสองโจ๋วเป็นคนโทรมา
“น้องสาม จำไว้นะ เราเป็นพี่น้องกัน ดังนั้น ไม่ว่านายจะทำอะไร พี่สองก็สนับสนุนนาย” คุณชายสองโจ๋วคือคุณหมอ ปกติแล้วมีเคสผ่าตัดมากมาย น้อยมากที่จะมีเวลาอ่านข่าว ทว่าเรื่องในวันนี้ใหญ่โตมากจริงๆ คุณชายสองโจ๋วก็เห็นแล้ว คุณชายสองโจ๋วเองก็โทรมาแสดงท่าทีของตัวเองเช่นกัน
ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเย่ซือเฉินกับคุณชายสองโจ๋วไม่ได้ซับซ้อนเหมือนตระกูลถังขนาดนั้น ไม่ว่ายังไงแล้วตอนนี้เวินลั่วฉิงก็เป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง ทว่าเรื่องในวันนี้ของเย่ซือเฉินก็คงจะส่งผลกระทบต่อเพื่อนผองของเขาไม่มากก็น้อย คุณชายสองโจ๋วสนับสนุนแบบนี้ก็แสดงออกถึงท่าทีของเขาแล้ว
คุณชายสองโจ๋วยังไม่ได้วางสาย คุณชายสี่จี้หซีก็โทรมาแล้ว
เย่ซือเฉินวางสายของคุณชายสองโจ๋วแล้ว ก็รับสายของจี้หซี
“พี่สาม พี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” นิสัยของจี้หซีไม่ได้แข็งทื่อเหมือนถังหลิน ปกติแล้วเขาก็เป็นพวกที่พูดมาก ขณะนี้น้ำเสียงของจี้หซีมีความกังวลอย่างชัดเจน
“ไม่เป็นไร” ตั้งแต่วินาทีที่เย่ซือเฉินเดินเข้ามาในบ้านถัง ความหนักแน่นทั้งหมดต่างก็หายไป อารมณ์ของเขาในตอนนี้ปล่อยวางลงแล้วจริงๆ
“พี่สาม มีอะไรให้ช่วย พี่พูดตรงๆเลยนะ พี่สามจะให้ฉันทำอะไรฉันก็ทำอะไร ไม่มีการปฏิเสธแน่นอน” จี้หซีมีความนับถือต่อเย่ซือเฉินมาโดยตลอด ไม่ว่ายังไงแล้วตลอดหลายปีมากนี้จี้หซีก็อยู่ข้างกายของเย่ซือเฉินมาโดยตลอด เรื่องของเย่ซือเฉินเขารู้ดีที่สุดแล้ว
ดังนั้นเขาจึงเชื่อฟังและทำตามคำพูดของเย่ซือเฉินมาโดยตลอด ไม่มีการปฏิเสธเลย
“โอเค” เย่ซือเฉินในขณะนี้มุมปากของเขายิ้มโค้งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน น้ำเสียงก็อ่อนโยนกว่าปกติไม่รู้กี่เท่า ผองเเพื่อพี่น้องพวกนี้สนับสนุนเขาจนาดนี้ ทำให้เขารู้สึกซึ้งใจมากจริงๆ
คุณชายห้าฉิงอยู่ที่ข้างล่างตึกของบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปตั้งแต่แรก ผ่านเรื่องทั้งหมดมาพร้อมกับเย่ซือเฉิน ตอนอยู่ในงานขณะที่คุณชายห้าฉิงได้ยินคำพูดที่ไม่ดีของนักข่าวหลู่ที่พูดกับเย่ซือเฉิน ตอนนั้นเกือบจะกระโดดมาด่าคนแล้ว แน่นอนว่าท่าทีของคุณชายห้าฉิงเองก็ชัดเจนมากๆ แล้ว
เสี่ยวชีร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ส่วนใหญ่แล้วจะรักษาตัวอยู่ที่บ้าน หลังจากที่เสี่ยวชีเห็นข่าวแล้ว ก็โทรมาเช่นกัน ไม่ว่ายังไงแล้วเสี่ยวชีก็ยังเด็ก นิสัยไม่ค่อยเหมือนกับสองสามคนก่อนหน้านี้
“พี่สาม พี่วางใจเลย คนที่ด่าพี่บนอินเทอร์เน็ตพวกนั้น ฉันช่วยพี่ด่ากลับไปเอง” การแสดงออกของเสี่ยวชียังมีความเป็นเด็กอยู่ เวินลั่วฉิงยืนอยู่ข้างๆ ได้ยินคำพูดของเสี่ยวชีก็อดไม่ไหวหัวเราะออกมาเลยเลย
แม้กระทั่งหลันลิ่วช่าวที่อยู่ต่างประเทศไม่ได้กลับประเทศมาสองปีกว่าก็โทรข้ามประเทศมาแล้ว
“พี่สาม เรื่องของพี่ฉันได้ยินมาบ้างแล้ว ฉันจะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้เลย มีเรื่องอะไร พวกเราเผชิญหน้าไปพร้อมกัน” คำพูดของหลันลิ่วช่าวสั้นและตรงไปตรงมา หลันลิ่วช่าวออกประเทศไปสองปีแล้ว สองปีนี้ไม่เคยกลับมาเลย
เย่ซือเฉินรู้ว่าเพราะอะไรหลันลิ่วช่าวจึงออกประเทศ เย่ซือเฉินก็รู้ว่า ตอนนี้ปัญหาของหลันลิ่วช่าวยังแก้ไขไม่เรียบร้อย ทว่าหลันลิ่วช่าวบอกว่าจะกลับมาตอนนี้?
เย่ซือเฉินรู้ดียิ่งกว่าใคร ก่อนหน้านี้เขาได้โยนองค์หญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้ออกจากบริษัทตระกูลเย่กรุ้ป ตอนนี้ก็ตัดความสัมพันธ์กับบ้านเย่แล้ว ก็เหมือนกับว่าตัดขาดเรื่องงานแต่งกับองค์หญิงองค์กรโกสต์ซิตี้ด้วย
พอเป็นแบบนี้ เขาก็ถือว่าเป็นศัตรูกับองค์กรโกสต์ซิตี้แล้ว เวลานี้ผองเพื่อนของเขาสนับสนุนเขา ไม่เพียงแต่สนับสนุนเรื่องในบ้านของเขา ยิ่งไปกว่านั้นคือเกี่ยวโยงไปถึงองค์กรโกสต์ซิตี้ด้วย ดังนั้นเย่ซือเฉินยิ่งซึ้งไปใจใหญ่
หากพูดขึ้นมาจริงๆ เรื่องที่เขาตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่นั้นเป็นเรื่องเล็ก จะเผชิญกับองค์กรโกสต์ซิตี้ยังไงต่างหากที่เป็นเรื่องใหญ่
ผองเพื่อนของเขาต่างก็รู้ดีเกี่ยวกับจุดนี้ ทว่าพวกเขากลับสนับสนุนเขาโดยไม่มีการลังเลใดๆ
ถึงแม้ว่าเวินลั่วฉิงจะไม่ได้ยินเนื้อหาการคุยในโทรศัพท์ทั้งหมด ทว่าเธอเองก็เดาออกแล้วว่าใครโทรมา และเข้าใจแล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
มีคำพูดหนึ่งพูดได้ถูกต้องมาก ตอนลำบากจะเจอเพื่อแท้ เรื่องพวกนี้พวกเขายังสนับสนุนเย่ซือเฉินขนาดนี้ช่างหาได้ยากมากจริงๆ
ทว่าพอนึกถึงองค์กรโกสต์ซิตี้เวินลั่วฉิงก็อดเป็นห่วงไม่ได้ รู้ว่าวันนี้เย่ซือเฉินได้โยนองค์หญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้ออกจากบริษัทตระกูลเย้กรุ้ป บวกกับเรื่องที่คุณปู่เย่ช่วยทำเรื่องแต่งงานของเย่ซือเฉินกับองค์หญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้เป็นการส่วนตัวแล้ว เวินลั่วฉิงก็ให้มู่หรงดัวหยางไปสืบเรื่องบางอย่างขององค์กรโกสต์ซิตี้
ความสามารถของมู่หรงดัวหยางนั้นไม่ใช่น้อยนิด เขาสืบเจอเรื่องขององค์กรโกสต์ซิตี้ไม่น้อยเลย อีกอย่างเรื่องที่มู่หรงดัวหยางสืบเจอในครั้งนี้ต่างก็เป็นเรื่องภายใน เรื่องที่คนนอกไม่รู้
รู้เรื่องเกี่ยวกับองค์กรโกสต์ซิตี้มากขึ้น ละเอียดขึ้น เวินลั่วฉิงก็ยิ่งกังวลมากขึ้น
องค์กรโกสต์ซิตี้ใหญ่โตและแข็งแกร่งมากจริงๆ เก่งกาจกว่าที่เธอคิดไว้เยอะมาก ความเก่งกาจขององค์กรโกสต์ซิตี้นั้นถึงขั้นอยู่เหนือความคิดของเธอ
ก่อนหน้านี้เธอเคยแอบวิเคราะห์อำนาจของเย่ซือเฉิน และอำนาจของตระกูลถัง อำนาจที่เย่ซือเฉินและตระกูลถังบวกกันขึ้นมา ก็ยังห่างไกลจากองค์กรโกสต์ซิตี้เยอะมาก
เปลี่ยนเป็นอีกคำพูดหนึ่งก็คือ ถึงแม้ว่าเย่ซือเฉินและตระกูลถังจะต่อต้านองค์กรโกสต์ซิตี้ด้วยกัน ก็ไม่สามารถเทียบเป็นคู่ต่อสู้ขององค์กรโกสต์ซิตี้แน่นอน
ตอนนี้ผองเพื่อนของเย่ซือเฉินต่างก็โทรมาสนับสนุนเขา ทว่าถึงแม้จะนำพวกเขามารวมด้วย ก็ยังไม่สามารถเทียบเป็นคู่ต่อสู้ขององค์กรโกสต์ซิตี้อยู่ดี
เวินลั่วฉิงนั้นเข้าใจเย่ซือเฉิน เรื่องแบบนี้เย่ซือเฉินไม่มีทางเกี่ยวโยงพวกเขาเข้ามาแน่นอน
ส่วนทางตระกูลถังเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้องค์กรโกสต์ซิตี้ก็ต่อต้านตระกูลถังอยู่แล้วตั้งแต่แรก ไม่เช่นนั้นเย่ซือเฉินไม่มีทางให้ตระกูลถังเกี่ยวโยงเข้ามาในเรื่องนี้แน่นอน
ความจริงของตอนนี้ก็คือองค์กรโกสต์ซิตี้เก่งกาจเกินไป เก่งกาจจนทำให้พวกเขาไม่สามารถนึกคิดได้ เก่งกาจจนไม่รู้ว่าควรเผชิญยังไง ความรู้สึกแบบนี้แย่มาก
ในสถานการณ์แบบนี้ พวกเขาอยู่ในสภาพที่เป็นผู้ตาม แน่นอนว่าพวกเขาก็อยากเป็นผู้ริเริ่ม ถึงแม้ว่าจะเป็นการเริ่มโจมตีก็ตาม ทว่าหากพวกเขาเทียบกับองค์กรโกสต์ซิตี้แล้วยังห่างไกลเกินไป ตอนนี้พวกเขาไม่มีความมั่นใจที่จะเป็นผู้ริเริ่มโจมตีเลย
อีกอย่างตอนนี้องค์กรโกสต์ซิตี้ยังไม่ได้ลงมือกับพวกเขาโดยตรง เธอรู้ว่าหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้อยู่ในเมือง A ทว่าองค์หญิงท่านนั้นขององค์กรโกสต์ซิตี้ถูกเย่ซือเฉินโยนออกจากบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปโดยตรง หัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้ก็ไม่มีการตอบสนองใดๆ
ตอนนี้เย่ซือเฉินก็เปิดงานแถลงข่าวตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่แล้ว ก็เท่ากับออกมาพูดแล้วว่าจะไม่แต่งงานกับองค์หญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้แล้ว
ไม่ว่ายังไงแล้วงานแต่งนั้นก็เป็นคุณปูเย่ที่กำหนดไว้ ไม่ใช่ความหมายของเย่ซือเฉิน ตอนนี้เย่ซือเฉินไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลเย่แล้ว แน่นอนว่าก็ไม่จำเป็นต้องไปสนใจงานแต่งที่คุณปู่เย่กำหนดไว้แล้ว
ทว่าเกิดเรื่องขึ้นมาตั้งมากมาย หัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้กลับไม่มีการตอบสนองใดๆ เลย ถึงขั้นไม่มีแม้แต่คำพูดสักคำ ไม่เพียงแต่หัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้ไม่มีการเคลื่อนไหว คนขององค์กรโกสต์ซิตี้ที่อยู่ในเมือง A ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
คนขององค์กรโกสต์ซิตี้ไม่มีใครมาช่วยพูดให้กับองค์หญิงท่านนั้นขององค์กรโกสต์ซิตี้เลย สำหรับจุดนี้เวินลั่วฉิงสงสัยมาก แน่นอนว่า ในใจของเวินลั่วฉิงก็ยังมีความกังวลที่มากมาย มีเรื่องบางอย่างที่ผิดปกติมากเกินไป เกรงว่า……