ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1214 ความผิดปกติของถังจื่อโม่ (1)
คนขององค์กรโกสต์ซิตี้ไม่มีใครมาช่วยพูดให้กับองค์หญิงท่านนั้นขององค์กรโกสต์ซิตี้เลย สำหรับจุดนี้เวินลั่วฉิงแปลกใจมาก แน่นอนว่า ในใจของเวินลั่วฉิงก็ยังมีความกังวลที่มากมาย เรื่องบางอย่างที่ผิดปกติมากเกินไป เกรงว่า……
นั่นเป็นถึงลูกสาวที่หัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้พึ่งรับกลับมาเลยนะ ไม่มีเหตุผลที่จะไม่สนใจยัยดีแบบนี้เลย?
หรือว่าองค์กรโกสต์ซิตี้กำลังกักไว้ค่อยปล่อยท่าไม้ตายออกมา? ตอนไม่ออกมือก็ไม่ออกมือเลย แต่พอออกมือขึ้นมา……
เวินลั่วฉิงแค่นึกถึงความเป็นไปได้ในทางนี้ก็อดตกใจไม่ไหวแล้ว หากเป็นแบบนั้นจริงๆ งั้นผลที่ตามมายิ่งน่ากลัวไปใหญ่แล้ว!!
ถึงแม้ว่าในใจของเวินลั่วฉิงจะกังวล ทว่าบนใบหน้ากลับไม่แสดงออกมาเลยสักนิด ในเวลาแบบนี้เธอไม่อยากจะเพิ่มความกดดันให้กับเย่ซือเฉินอีก
ในที่สุดก็รับสายหมดแล้ว เย่ซือเฉินเดินเข้าไปในห้อง เห็นจื่อซีกำลังหลับสบายอยู่บนเตียง หัวใจดวงนี้จึงจะวางใจลง
เห็นการตอบสนองของเย่ซือเฉินแล้ว นัยน์ตาของเวินลั่วฉิงเปล่งประกายเล็กน้อย เมื่อกี้ตอนที่เย่ซือเฉินเห็นถังจื่อซีเหมือนได้รับการปลดปล่อยเลย ความรู้สึกเหมือนดั่งในที่สุดก็โล่งอก
เขาคิดว่าเกิดเรื่องขึ้นกับจื่อซีเหรอ?
หรือว่ามีใครทำให้เขารู้สึกว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับจื่อซี?
เวินลั่วฉิงนึกถึงก่อนหน้านี้ตอนที่เย่ซือเฉินเปิดงานแถลงข่าว คุณปู่เย่ได้โทรหาเย่ซือเฉิน ตอนนั้นการตอบสนองของเย่ซือเฉินชัดเจนมาก ท่าทางดูน่ากลัวมาก ตอนนั้นคุณปู่เย่คงจะใช้ถังจื่อซีมาข่มขู่เย่ซือเฉินแน่ๆ
ไม่เช่นนั้นเย่ซือเฉินก็คงไม่เป็นห่วงจื่อซีขนาดนี้
ทว่าเวินลั่วฉิงคิดไม่ออกว่าคุณปู่เย่ใช้จื่อซีมาข่มขู่เย่ซือเฉินยังไง เวินลั่วฉิงก็ไม่รู้ว่าคุณปู่เย่ทำอะไรไป
แน่นอนว่า เวลานี้เวินลั่วฉิงห้ามพูดถึงเรื่องแบบนี้เด็ดขาด เวินลั่วฉิงรู้ดี สำหรับเย่ซือเฉินแล้วเรื่องพวกนั้นเป็นความเจ็บปวดอันใหญ่หลวง
ถังจื่อซีเองก็นอนไปสักพักแล้ว ถึงแม้ว่าเสียงของเย่ซือเฉินและเวินลั่วฉิงจะไม่ดัง ทว่าถังจื่อซีก็ตื่นแล้ว
ถังจื่อซีลืมตาขึ้น เห็นคุณพ่อของตัวเองในแวบแรก ถังจื่อซีขยี้ตาเห็นว่าคุณพ่อยังอยู่ ก็ดีใจมากๆ เจ้าเด็กถังจื่อซีกระโดดขึ้นมาจากบนเตียงเลย จากนั้นก็ล้มลงไปยังอ้อมกอดของเย่ซือเฉิน “คุณพ่อ”
เย่ซือเฉินกางแขนทั้งสองออกโอบกอดเธอ
“คุณพ่อ คุณพ่อกลับมาแล้ว งั้นพี่ชายล่ะ พี่ชายก็กลับมาแล้วเหรอคะ?” ถังจื่อซีถูกพ่อโอบกอดอยู่ในอ้อมกอด ทว่าไม่ได้ลืมพี่ชายตัวเอง ก่อนหน้านี้พี่ชายบอกว่าจะไปช่วยคุณพ่อ ตอนนี้คุณพ่อกลับมาแล้ว ทำไมไม่เจอพี่ชายล่ะ?
“พี่ชาย? พี่ชายไปไหน?” เย่ซือเฉินตะลึงงันไปที สีหน้าเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย เขาวางถังจื่อซีลงบนเตียง ถามด้วยความเร่งรีบ ถึงแม้ว่าเย่ซือเฉินจะมีความรน ทว่าน้ำเสียงกลับเบามาก กลัวว่าจะทำให้องค์หญิงน้อยบ้านเขาตกใจ
“จื่อซี หนูบอกว่าพี่ชายไปเล่นโมเดลที่ห้องหนังสือไม่ใช่เหรอ?” สีหน้าของเวินลั่วฉิงก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเจน ก่อนหน้านี้เธอก็ไม่เห็นถังจื่อโม่ จึงถามถังจื่อซี ตอนนั้นถังจื่อซีบอกเธอว่าถังจื่อโม่เล่นโมเดลอยู่ที่ห้องหนังสือ
เวินลั่วฉิงรู้ว่าถังจื่อโม่ชอบโมเดลมาก อีกอย่างท่านปู่ถังก็พึ่งนำโมเดลคอลเลคชั่นใหม่กลับมาให้ถังจื่อโม่ ดังนั้นตอนที่ถังจื่อซีพูด เธอไม่ได้มีการแปลกใจใดๆ
ถังจื่อโม่เล่นโมเดลขึ้นมามักจะลืมทุกอย่างไปหมด เล่นทีหนึ่งก็เล่นไปครึ่งวัน ดังนั้นไม่เห็นถังจื่อโม่ เวินลั่วฉิงก็ไม่ได้คิดมาก
อีกอย่างตอนที่ถังจื่อโม่เล่นรถของเล่นไม่ชอบให้คนอื่นรบกวนเขา ดังนั้น เธอก็ไม่ได้ไปที่ห้องหนังสือ แม้กระทั่งท่านปู่ถังรู้ว่าถังจื่อโม่เล่นโมเดลอยู่ที่ห้องหนังสือก็ไม่ได้ไปที่ห้องหนังสือ
ถังจื่อซีเห็นใบหน้าที่เคร่งขรึมของเวินลั่วฉิงแล้ว ก็รีบเข้าไปในอ้อมกอดของเย่ซือเฉินทันที น้อยมากที่คุณแม่จะโมโห ทว่าตอนที่คุณแม่โมโหก็น่ากลัวมาก ดังนั้นตอนนี้เธอต้องการการปกป้องของคุณพ่อ
คุณพ่อไม่มีทางดุเธอแน่นอน
“จื่อซี พี่ชายไปไหนกันแน่?” เย่ซือเฉินอดใจดุองค์น้อยไม่ได้ ทว่าในใจของเย่ซือเฉินก็เป็นห่วงถังจื่อโม่ ดังนั้นต้องถามเรื่องราวให้ชัดเจน
ถึงแม้ว่าคุณปู่เย่จะไม่รู้เรื่องของถังจื่อโม่ ถึงแม้ว่าคุณปู่เย่จะกำลังแกล้งป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล เย่ซือเฉินก็ยังเป็นห่วง
“พี่ชายบอกว่าจะไปช่วยคุณพ่อค่ะ พี่ชายไม่ให้หนูตามไปด้วย บอกว่าถ้าหนูออกไปจะอันตราย พี่ชายก็ไม่ได้บอกหนูว่าเขาไปไหน และไม่ได้บอกว่าจะไปทำอะไรค่ะ” ถังจื่อซีกะพริบตา สีหน้ามีความไร้เดียงสา เธอไม่รู้อะไรเลยจริงๆ พี่ชายไม่ได้บอกอะไรเลยเธอ
“ไปช่วยฉัน?” เย่ซือเฉินขมวดคิ้วแน่น ถังจื่อโม่เป็นเด็กที่อายุห้าขวบ ถังจื่อโม่จะไปช่วยเขายังไง?
“ใช่ค่ะ ใช่ค่ะ พี่ชายไปช่วยคุณพ่อค่ะ” ถังจื่อซีใช้แรงพยักหน้า “พี่ชายไม่อยากเห็นคุณพ่อถูกรังแกค่ะ ดังนั้นอยากจะช่วยคุณพ่อ จื่อซีก็อยากไปช่วยคุณพ่อค่ะ แต่ว่าพี่ชายไม่ให้หนูออกจากบ้าน พี่ชายบอกว่าหนูออกไปจะมีอันตรายค่ะ ดังนั้นจื่อซีก็เลยอยู่ที่บ้านค่ะ”
“เป็นเด็กดีที่สุดเลย” เย่ซือเฉินลูบหัวของถังจื่อซี เขานึกถึงเรื่องพวกนั้นที่คุณปู่เย่ส่งคนไปทำ หากถังจื่อซีปรากฏตัว แล้วคุณปู่เย่จับได้ จะมีอันตรายจริงๆ
“ฉันโทรหาจื่อโม่ ดูว่าเขาอยู่ที่ไหน” เวินลั่วฉิงได้สติกลับมาแล้วรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาถังจื่อโม่
ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ เขาเป็นห่วงมากจริงๆ ว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับถังจื่อโม่ เธอไม่ได้เป็นห่วงว่าคุณปู่เย่จะทำอะไรกับถังจื่อโม่ ไม่ว่ายังไงแล้วคุณปู่เย่ก็ยังไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับถังจื่อโม่
เธอกังวลคนขององค์กรโกสต์ซิตี้ กังวลยัยไป๋หยิง
ถึงแม้ว่าสถานะของถังจื่อโม่จะมีคนรู้ไม่มาก ทว่าองค์กรโกสต์ซิตี้เก่งกาจขนาดนั้น หากคนขององค์กรโกสต์ซิตี้อยากจะสืบ เกรงว่าไม่มีเรื่องอะไรที่สืบไม่เจอ
หากพวกเขาสืบสถานะของถังจื่อโม่เจอ แล้วทำอะไรต่อถังจื่อโม่……
ผลที่ตามมาแบบนั้นเวินลั่วฉิงไม่กล้าคิดเลย
เวินลั่วฉิงในขณะนี้กัดริมฝีปากแน่น สีหน้าหนักแน่นมาก ในตอนที่กดโทรเบอร์ออกไป มือที่จับโทรศัพท์มีความสั่นเล็กน้อย
ถังจื่อซีเห็นท่าทีของคุณแม่แล้ว ก็รู้ถึงความสำคัญของปัญหาแล้ว ทันใดนั้น ก็ไม่กล้าพูดอะไรแล้ว แค่พิงอยู่ในอ้อมกอดของซือเฉินอย่างแน่น
เย่ซือเฉินโอบกอดถังจื่อซีไว้ในอ้อมกอด ลูบหลังของเธอเบาๆ ปลอบใจเธออย่างไร้เสียง
ทว่า นัยน์ตาของเย่ซือเฉินกลับจ้องไปทางเวินลั่วฉิง มองดูเธอที่วางโทรศัพท์ไว้ข้างหู
ตอนนี้เขาเองก็เป็นห่วงเหมือนกับเวินลั่วฉิง สิ่งที่เวินลั่วฉิงนึกถึง แน่นอนว่าเขาเองก็นึกถึง
โทรศัพท์ดังไปหลายเสียงมาก จนกระทั่งตัดสายทิ้งอัตโนมัติ ทางนั้นไม่มีคนรับเลย
สีหน้าของเวินลั่วฉิงเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเจน มือที่จับโทรศัพท์ก็แน่นขึ้น เธอโทรเบอร์ของถังจื่อซีอีกครั้ง ทว่าเธอโทรติดต่อการสองครั้ง ก็ยังไม่มีคนรับ
“ไม่มีคนรับสายเลย” เวินลั่วฉิงมองไปทางเย่ซือเฉิน ขณะนี้เธอไม่มีความเงียบสงบเหมือนวันทั่วไป ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล ถึงขั้นมีความกระวนกระวาย
“ทำยังไงดี? สายของถังจื่อโม่โทรไม่ติด ทำยังไงดี?” น้ำเสียงของเวินลั่วฉิงมีความสั่นเล็กน้อย ความกระวนกระวายนั้นทำให้เธอรู้สึกกลัว ทำเอาเธอรู้สึกท้อแท้ไปหมด
“เธออย่าพึ่งกังวล จื่อโม่ฉลาดขนาดนั้น ไม่เกิดอะไรขึ้นแน่นอน อีกอย่างโทรศัพท์ของเขาก็โทรติด แค่ไม่มีคนรับ หากมีคนจับเขาไป พวกเขาต้องรับโทรศัพท์แล้วคุยเงื่อนไขกับเราแน่นอน” ขณะนี้เย่ซือเฉินก็เป็นห่วงมาก ทว่าเขารู้ว่าตอนนี้เขาห้ามรน ห้ามกระวนกระวาย ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหาจื่อโม่ให้เจอ
“เขาจะฉลาดแค่ไหน เขาก็ยังเป็นแค่เด็กห้าขวบ!!” ปกติแล้วถึงแม้ว่าเวินลั่วฉิงจะเงียบสงบ ทว่าตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นกับจื่อโม่แล้ว พอเธอนึกได้ว่าจื่อโม่มีความเป็นไปได้ที่จะตกอยู่ในมือขององค์กรโกสต์ซิตี้ก็รู้สึกอกสั่นขวัญหาย
หากตกอยู่ในมือของผู้อื่นยังดี มู่หรงดัวหยางเคยบอกว่าคนขององค์กรโกสต์ซิตี้มีกฎระเบียบมากๆ ตอนนี้เวินลั่วฉิงกังวลว่าไป๋หยิงหรือองค์หญิงคนนั้นในองค์กรโกสต์ซิตี้จับถังจื่อโม่ไป
ตอนนี้ในใจของไป๋หยิงมีความบิดเบือน โรคจิต ไป๋หยิงสามารถทำทุกเรื่องออกมาได้หมด
องค์หญิงคนนั้นขององค์กรโกสต์ซิตี้ก็ไม่มีเหตุผลเลย ก่อนหน้านี้เย่ซือเฉินโยนองค์หญิงคนนั้นออกไปโดยตรงเลย ก็เท่ากับว่ายกเลิกงานแต่งโดยตรง!!
หากเธอจับถังจื่อโม่ไปจริงๆ พวกเธอจะทำยังไงกับถังจื่อโม่?!
เวินลั่วฉิงไม่กล้าที่จะคิดเลย……
เมื่อกี้เวินลั่วฉิงได้ดูเอกสารเกี่ยวกับองค์กรโกสต์ซิตี้ที่มู่หรงดัวหยางส่งให้เธอ ตอนนี้เธอมีความรู้สึกกลัวองค์กรโกสต์ซิตี้มากจริงๆ หลักๆคือองค์กรโกสต์ซิตี้เก่งกาจมากจริงๆ
อาจจะเป็นเพราะว่าตั้งแต่เล็กจนโตมีแต่คุณแม่ที่อยู่ข้างกาย ดังนั้นเธอเองก็เริ่มเข้มแข็งมากขึ้น เธอบอกกับตัวเองตั้งแต่เล็กแล้วว่าไม่ว่าพบเจอกับเรื่องอะไรก็ห้ามกลัว ต้องให้ตัวเองเก่งมากขึ้น จึงจะสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้!!
ตลอดหลายปีมานี้ เธอเองก็ทำแบบนี้ เธอพยายามพัฒนาให้ตัวเองเก่งขึ้นอย่างไม่หยุด ไม่ว่าเจอกับเรื่องอะไรเธอก็ไม่กลัว!!