ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1225 แผนการของถังจื่อโม่ ทำให้ขายหน้าอย่างมาก (2)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- บทที่ 1225 แผนการของถังจื่อโม่ ทำให้ขายหน้าอย่างมาก (2)
“ใครเป็นคนสั่งให้หนูมา? หนูเป็นคุณชายน้อยขององค์กรยมบาล มีคนจ้างให้พวกนายมาก่อความวุ่นวายใช่ไหม พวกนายบอกฉันว่าใครเป็นคนจ้าง?” คุณย่าเย่คิดขึ้นได้ว่าตระกูลเย่ของพวกเขาไม่เคยข้องเกี่ยวกับองค์กรยมบาล องค์กรยมบาลไม่มีทางมาหาถึงที่แบบนี้แน่นอน
ดังนั้นคุณย่าเย่จึงเดาว่าอาจจะมีจ้างคนขององค์กรยมบาลก็ได้
“ลองเดาดูสิครับ……” ถังจื่อโม่หันไปมองคุณย่าเย่ พร้อมกับยิ้มอย่างสดใส
กู้หวูเกือบหลุดหัวเราะออกมา คุณชายน้อย เรามาทำเรื่องจริงจัง มาทำเรื่องใหญ่ เราอย่าดื้อแบบนี้ได้ไหมครับ?
“เวินลั่วฉิงเป็นคนจ้างพวกนายมาใช่ไหม?” ยิ่งคุณย่าเย่ได้ฟังคำตอบของถังจื่อโม่ก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเดาถูก คนแรกที่เธอคิดถึงก็คือเวินลั่วฉิง เวินลั่วฉิงเป็นคนจ้างคนขององค์กรยมบาลมาก่อความวุ่นวายรึเปล่า?
เพราะถึงอย่างไรก่อนหน้านี้พวกเขารับปากที่จะแต่งงานกับองค์กรโกสต์ซิตี้ เวินลั่วฉิงเอาแต่ยุ่งกับเย่ซือเฉินไม่หยุด ต้องเกลียดพวกเขาแน่นอน คนขององค์กรยมบาลมาหาเรื่องพวกเขา ก็มีความเป็นไปได้
นัยน์ตาของถังจื่อโม่หม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด หัวเราะเยือกเย็น คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ทำเรื่องแย่ๆกันเอง แล้วยังคงว่าทุกคนจะเป็นเหมือนพวกเขาอย่างนั้นเหรอ?
คุณแม่ไม่มีวันทำเรื่องแบบนั้น
ก่อนหน้านี้คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ดูถูกคุณแม่ ทำร้ายคุณแม่ไม่น้อยกว่าหนึ่งครั้ง คุณแม่ทำเพื่อคุณพ่อ จึงไม่ได้ถือสาพวกเขา ถ้าคุณแม่คิดจะจัดการพวกเขาจริงๆ คุณแม่ต้องจัดการด้วยตนเอง ด้วยความสามารถของคุณแม่ลำพังแค่คุณแม่คนเดียวก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องจ้างใคร
คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ดูถูกคุณแม่ของเขาเกินไปแล้ว
“คุณย่าพูดผิดแล้วครับ? ไม่มีใครจ้างผม คุณย่าคิดว่าใครจะสามารถจ้างผมให้ทำด้วยตนเองได้? ผมอยากจะทำแบบนี้ด้วยตนเอง” เพื่อไม่เปิดเผยตัวตนก่อนที่จะมาถังจื่อโม่ได้ปลอมตัว แน่นอนว่าไม่มีทางพูดสิ่งที่ไม่ถูกต้อง อีกทั้งสิ่งที่เขาพูดก็เป็นความจริง ไม่มีใครจ้างเขา เขามาด้วยตนเอง
คุณย่าเย่ได้ฟังคำพูดของถังจื่อโม่ ภายในใจก็ยิ่งโมโห ตอนที่เธอมองไปทางถังจื่อโม่แววตาคู่นั้นเคล้าไปด้วยความโมโหอย่างชัดเจน:“พอได้แล้ว หนูอยากก่อความวุ่นวายก็ไปก่อความวุ่นวายด้านนอก ที่นี่คือโรงพยาบาล ที่นี่คือห้องพักผู้ป่วย อย่ารบกวนเวลาพักผ่อนของผู้ป่วย”
คุณย่าเย่ข่มความโกรธเอาไว้ สุดท้ายก็เริ่มไล่พวกถังจื่อโม่ออกไปแล้ว เด็กคนนี้ดื้อดึงไม่ฟังเหตุผล เด็กแบบนี้ทำให้คนปวดหัวที่สุด เธอไม่ชอบจากใจจริง ถึงขั้นเกลียดเด็กแบบนี้
ว่ากันว่าสายเลือดเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์อย่างมาก คนที่มีความเกี่ยวพันทางสายเลือด ถึงแม้จะไม่ได้รู้จักกัน ก็จะรู้สึกสนิทสนมกันอย่างเป็นธรรมชาติ แต่เรื่องนี้กลับไม่มีผลใดๆกับคุณย่าเย่แม้แต่น้อย
คุณย่าเย่เห็นถังจื่อโม่ ไม่ได้รู้สึกสนิทสนมแม้แต่น้อย ในทางกลับกันคุณย่าเย่รู้สึกเกลียดถังจื่อโม่อย่างมาก
เวลานี้คุณปู่เย่นอนบนเตียง หลับตา มองไม่เห็นถังจื่อโม่ แต่ฟังจากสิ่งที่ถังจื่อโม่พูด คุณปู่เย่เองก็ไม่ชอบ และรู้สึกรังเกียจ อยากจะไล่ถังจื่อโม่ออกไป
เขาแกล้งหมดสติมานานขนาดนี้แล้ว ความเป็นจริงก็เหนื่อยมากแล้ว เด็กคนนี้มาก่อความวุ่นวายที่นี่ทำให้เขาหงุดหงิดอย่างมาก
“ผมมาดูว่าคุณปู่เย่เป็นยังไงกันแน่? ผมเยี่ยมเสร็จก็จะกลับไปทันที คุณย่าไม่ต้องไล่หรอกครับ” แน่นอนว่าถังจื่อโม่ไม่มีทางออกไปแบบนี้ สำหรับสิ่งที่คุณย่าเย่ปฏิบัติต่อเขาถังจื่อโม่เองก็ไม่ได้รังเกียจมากเท่าไหร่ เพราะเขาไม่ได้คาดหวังอะไรกับคุณย่าเย่อยู่แล้ว
“เจ้าเด็กคนนี้ คนป่วยมีอะไรให้ดู อีกอย่างตระกูลเย่ของเราเกี่ยวข้องอะไรกับองค์กรยมบาลของพวกนาย หนูอย่าสร้างความวุ่นวายที่นี่เลย” คุณย่าเย่รู้สึกว่าเพลิงไฟแห่งความโมโหปะทุอยู่เต็มหน้าอกของตน เริ่มปวดหัวขึ้นมาแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะถังจื่อโม่เป็นเด็ก เธออยากจะให้บอดี้การ์ดไล่ออกไปจริงๆ
“คุณย่าอย่าดุขนาดนี้ได้ไหมครับ? ผมไม่ได้ทำอะไรเลย คุณย่าจะดุขนาดนี้ทำไม?” ถังจื่อโม่มองไปทางคุณย่าเย่อีกครั้ง น้ำเสียงเคล้าไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ
เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นค่เด็กคนนี้ สีหน้าของเขาในตอนนี้ ทุกคนเห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ อีกทั้งทั้งแม้เมื่อกี้คุณย่าเย่จะควบคุมอารมณ์เอาไว้ แต่น้ำเสียงนั้นฟังออกว่าดุจริงๆ
“คุณย่าเย่ คุณชายน้อยขององค์กรยมบาลไม่ใช่คนที่ใครอยากจะดุก็ดุได้นะครับ” กู้หวูเข้าข้างเจ้านายของตนมาก แค่เห็นคุณชายน้อยของตนมีสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจ ก็โมโหขึ้นมาทันที เขาไม่สนใจว่าคุณชายน้อยน้อยใจจริงๆ หรือว่าแกล้งน้อยใจหรอกนะ
“ถ้าอย่างนั้นนายก็พอคุณชายน้อยขององค์กรยมบาลของพวกนายออกไป พวกนายอยู่ที่นี่จะรบกวนการพักผ่อนของคนป่วย” คุณย่าเย่โมโหเพราะถังจื่อโม่ไม่น้อย เวลานี้ได้ยินคำพูดของกู้หวู เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถควบคุมอารมณ์ที่เดือดพล่านได้
แน่นอนว่าคุณย่าเย่รู้ตัวทันทีว่าตนสูญเสียการควบคุม สีหน้าจึงมีความเศร้าขึ้นมาทันที:“ตอนนี้สามีของฉันยังหมดสติ ฉันขอเชิญพวกนายออกไปได้ไหม ให้เขาได้พักผ่อนเต็มที่”
ถ้าพูดถึงด้านการแสดง คุณย่าเย่บอกว่าตนเป็นที่สอง ไม่มีใครกล้าบอกว่าตนเป็นที่หนึ่งแน่นอน
เวลานี้คุณหมอเดินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยทันที เห็นความยิ่งใหญ่นี้คุณหมอเองก็ตกตะลึง
ถังจื่อโม่สายตาหลักแหลม ไหวตัวอย่างรวดเร็ว เห็นคุณหมอทันที ถังจื่อโม่มองไปที่คุณหมอ ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง:“คุณปู่เย่เป็นอะไรกันแน่ครับ?”
คุณหมอตกตะลึงเล็กน้อยอยู่แล้ว ได้ยินถังจื่อโม่ถามแบบนี้ เห็นสีหน้าเคร่งขรึมของถังจื่อโม่ คิดว่าถังจื่อโม่เป็นห่วงอาการของคุณปู่เย่ คิดขึ้นได้จึงรีบตอบทันที:“เมื่อกี้หมอตรวจคุณปู่เย่อย่างละเอียดแล้ว จากผลการตรวจ สุขภาพร่างกายของคุณปู่เย่ไม่มีปัญหา
คุณหมอคนนี้เป็นคนตรงไปตรงมา ไม่รู้จักอ้อมก่อน อีกทั้งคุณหมอคนนี้ไม่ใช่คนเดียวกับที่ก่อนหน้านี้คุณย่าเย่พูดด้วย แต่เป็นคุณหมอที่เพิ่งเข้าเวร อีกทั้งคุณหมอคนนี้ยังตอบอย่างรวดเร็ว คุณย่าเย่อยากจะหยุดก็ไม่ทันแล้ว
คุณย่าเย่ได้ยินสิ่งที่คุณหมอพูด หัวใจหล่นวูบ หมอคนนี้เป็นอะไรกันแน่ ก่อนนห้านี้เธอบอกแล้วไม่ใช่เหรอห้ามเปิดเผยอาการของคุณปู่เย่?
“ร่างกายไม่มีปัญหา? แล้วทำไมถึงหมดสติไม่ยอมฟื้นขึ้นมาสักทีครับ?” ถังจื่อโม่รู้แต่แรกแล้วว่าคุณปู่เย่แกล้งหมดสติ ดังนั้นตอนนี้จึงจงใจถามหมออีก
“เรื่องนี้หมอเองก็ไม่แน่ใจ ด้วยสุขภาพของคุณปู่เย่ ตามหลักการแล้ว น่าจะไม่……” หมอคนนี้เป็นคนตรงไปตรงมา ไม่รู้จักอ้อมค้อมแม้แต่น้อย คำพูดนี้ตรงมากพอแล้ว
“อาจจะเป็นเพราะการไหลเวียนของเลือดส่งผลต่อหัวใจ อาจจะเป็นเพราะจิตใจกระทบกระเทือนอย่างมากร่างกายจึงรับไม่ไหว” คุณย่าเย่กลัวว่าหมอจะพูดเปิดเผยมากไปกว่านี้ จึงรีบพูดขัดหมอ
คำพูดของคุณย่าเย่ในตอนนี้ขาดก็แต่บอกว่าที่คุณปู่เย่หมดสติในครั้งนี้เป็นเพราะคุณชายสามเย่”
“คุณย่าเย่ คุณปู่เย่ไม่มีเลือดลมไหลเวียน……” หมอได้ยินคำพูดของคุณย่าเย่ ขมวดคิ้วเป็นปม หลังจากนั้น ก็พูดแก้ไขสิ่งที่คุณย่าเย่พูดผิดไปให้ถูกตรงด้วยความจริงจัง
“สามีของฉันแอดมิทโรงพยาบาลนานกว่าสองชั่วโมงแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังฟื้นขึ้นมา พวกคุณหมอควรจะคิดหาวิธีช่วยเขารึเปล่า แต่กลับเอาแต่บอกฉันว่าสุขภาพร่างกายของสามีไม่มีปัญหา ถ้าสุขภาพร่างกายของสามีของฉันไม่ได้เป็นอะไร แล้วทำไมถึงหมดสติได้ พวกหมอหมายความว่าอะไรกันแน่?” คุณย่าเย่มองไปที่หมอคนนั้น ตอนนี้แววตาของเธอแหลมคมเป็นพิเศษ หมอคนนี้พูดมากจริงๆ อีกทั้งยังไม่มีตาหามีแววไม่
เห็นได้ชัดว่าคุณหมอคิดไม่ถึงว่าคุณย่าเย่จะโมโหกะทันหันแบบนี้ ชั่วขณะหนึ่งเขาหยุดชะงัก เขาแค่อยากจะอธิบายให้คุณย่าเย่รู้ชัดเจน ทำไมคุณย่าเย่ต้องโมโหด้วย?
เมื่อกี้เขาพูดอะไรผิดเหรอ?
นักข่าวเห็นคุณย่าเย่โมโหกะทันหันก็รู้สึกแปลกใจ เพราะถึงอย่างไรต่อหน้าคนนอกคุณย่าเย่รักษาภาพลักษณ์ของตนเองมาก น้อยครั้งที่จะเป็นเหมือนตอนนี้
คุณย่าเย่เองก็ตระหนักได้ว่าตนสูญเสียการควบคุม:“ฉันเป็นห่วงสามีของฉันมากไปไหน สามีของฉันหมดสติไปนานขนาดนี้แล้วแต่ก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมา อย่าเป็นอะไรเลยนะ”
ตอนนี้สีหน้าของคุณย่าเย่หนักหน่วง ทำหน้าเศร้าคล้ายจะยืนไม่ไหวอย่างไรอย่างนั้น ซ่อนเร้นความโมโหที่เขาระเบิดออกมาเมื่อครู่
ตอนนี้คุณย่าเย่เอาแต่คิดว่าจะเก็บซ่อนท่าทีของตนอย่างไร ดังนั้นจึงไม่ได้สังเกตเห็นด้านหลังของเธอ ถังจื่อโม่เดินไปถึงตรงหน้าคุณปู่เย่แล้ว
นักข่าวที่อยู่ในเหตุการณ์เวลนาเอาแต่สนใจคุณย่าเย่ ไม่ได้สนใจถังจื่อโม่ เพราะถึงอย่างไรถังจื่อโม่ก็เป็นคนตัวเล็ก ถูกไม่กี่คนบัง ก็แทบจะมองไม่เห็นแล้ว
“คุณย่าเย่ คุณย่าเย่อย่าเสียใจมากไปหน่อยเลยครับ คุณปู่เย่เขา……” คุณหมอดึงสติกลับมาอยากจะพูดปลอบคุณย่าเย่
“ถ้าสามีของฉันเป็นอะไรขึ้นมา ฉันจะทำยังไง?” คุณย่าเย่กลัวว่าคุณหมอจะเปิดเผยอาการของคุณปู่เย่อีก ดังนั้นจึงพูดแทรกเขาขึ้นมา
คุณย่าเย่หยุดคุณหมอเอาไว้ได้ แต่กลับไม่สามารถหยุดถังจื่อโม่ได้ จู่ๆถังจื่อโม่ที่อยู่ด้านหลังคุณย่าเย่ร้องตะโกนเสียงดัง “อั๊ยย๊า นี่มันเรื่องอะไรกัน?”