ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1243 ครื้นเครงจริงแท้ (2)
“เด็กน้อยเรียกฉันมาแล้วไม่เรียกลุงสักคำเลยนะ?”คุณชายสองโจ๋วมองถังจื่อโม่แล้วมุมปากอดยกขึ้นไม่ได้ คนนี้คือลูกชายของน้องสาม ตามศักดิ์แล้วควรเรียกเขาว่าคุณลุง
“คุณลุงโจ๋วครับ”เดิมทีถังจื่อโม่ยังคิดว่าควรเรียกอย่างไรดี เพราะตอนนี้ไม่อาจเปิดเผยสถานะของเขาได้ ตอนนี้เขาแต่งตัวอำพรางอยู่ ถังจื่อโม่กังวลว่าหากมีคนรู้ว่าเขาเป็นลูกชายของเย่ซือเฉิน เรื่องวันนี้ก็ต้องตกเป็นขี้ปากชาวบ้านแน่
ทว่าในเมื่อคุณลุงโจ๋วพูดเช่นนี้ งั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องพะว้าพะวังต่อปัญหานี้อีก
“เด็กดี”ปกติคุณชายสองโจ๋วที่หยิ่งทะนง ตอนนี้ยิ้มราวกับดอกไม้บานสะพรั่ง คุณชายสองโจ๋วยังเอื้อมมือไปจับใบหน้าเล็กของถังจื่อโม่อีกด้วย
อืม อ่อนนุ่มมาก สบายจริงๆ!!
ผู้คนได้ยินคำว่า คุณลุงโจ๋ว ต่างก็ตะลึงงัน ถึงแม้คำว่าคุณลุงสามารถเรียกคนที่มีอายุมากกว่าคุณพ่อได้อย่างแพร่หลาย และไม่จำเป็นต้องเป็นสายเลือดเดียวกันหรือเป็นคนสนิทชิดเชื้อแต่อย่างใด
ทว่า คุณชายสองโจ๋วเอ่ยปากบอกให้เด็กเรียกลุงเอง เกรงว่าความสัมพันธ์คงจะไม่ธรรมดา เพราะใครๆก็รู้ดีว่าคุณชายสองโจ๋วเป็นคนเย่อหยิ่งเย็นชามาก คนทั่วไปอยากเข้าใกล้คุณชายสองโจ๋วก็ไม่มีโอกาส
เมื่อครู่กระทั่งคุณย่าเย่ทักทายคุณชายสองโจ๋ว แต่คุณชายสองโจ๋วก็ไม่สนใจคุณย่าเย่เลย
แถมท่าทีที่คุณชายสองโจ๋วมีต่อเด็กคนนี้ทำให้ทุกคนตะลึงลาน เห็นคุณชายสองโจ๋วยิ้มราวกับใกล้เป็นคนโง่เขลา เดาว่าเวลาเจอลูกชายของตัวเองก็จะประมาณนี้สินะ?!
ดังนั้น คุณชายสองโจ๋วกับเด็กคนนี้มีความสัมพันธ์อย่างไรกันแน่?!
เด็กคนนี้เป็นใครกันแน่?
คุณย่าเย่เห็นปฏิสัมพันธ์ของคุณชายสองโจ๋วกับถังจื่อโม่ ดวงตาก็มืดครึ้ม คนอื่นไม่รู้ว่าทำไมคุณชายสองโจ๋วจึงมีมิตรไมตรีกับเด็กคนนี้ ทว่าคุณย่าเย่รู้อยู่เต็มอก
ท่านพอจะเดาออกตั้งนานแล้วว่าเด็กคนนี้เป็นลูกชายของเย่ซือเฉิน และคุณชายสองโจ๋วกับเย่ซือเฉินเป็นสหายที่ดีต่อกัน ย่อมต้องเป็นมิตรกับถังจื่อโม่อยู่แล้ว คุณชายสองโจ๋วยังให้ถังจื่อโม่เรียกว่าคุณลุงโจ๋วอีกด้วย มันยิ่งทำให้คุณย่าเย่มั่นใจสถานะของถังจื่อโม่มากขึ้น
ดังนั้น พูดให้ถึงที่สุดก็คือ เด็กคนนี้ใช้ความสัมพันธ์ของเย่ซือเฉินเชิญคุณชายสองโจ๋วมา ดังนั้นจึงเท่ากับเป็นการใช้เส้นสายของตระกูลเย่ของพวกเขา!!
ดังนั้น มีความเป็นไปได้สูงที่เมื่อกี้คนที่เด็กโทรหาคือเย่ซือเฉิน ด้วยความสัมพันธ์ของเย่ซือเฉินกับคุณชายสองโจ๋ว จึงทำให้คุณชายสองโจ๋วมาเร็วอย่างนี้
เพียงแต่ทำไมตอนเด็กคนนี้คุยโทรศัพท์ถึงเรียกว่าคุณลุงล่ะ?
คุณย่าเย่คิดจุดนี้ไม่ออกจริงๆ
“มา ลุงโจ๋วให้ของขวัญเจอหน้ากันครั้งแรก”ยามนี้ในสายตาของคุณชายสองโจ๋วมีเพียงเด็กน้อยถังจื่อโม่คนเดียวเท่านั้น คนที่เหลือกลายเป็นอากาศธาตุโดยปริยาย เขาบีบแก้มของเด็กน้อยถังจื่อโม่ พลางยื่นถุงในมือให้กับถังจื่อโม่
เป็นถึงใบใหญ่อันหนึ่ง ด้านในใส่กล่องไว้หลายชิ้น
“นี่คืออะไรครับ?”ถังจื่อโม่ชะงัก เขาไม่ใช่พึ่งเคยสัมผัสกับการได้รับของขวัญเจอหน้ากันครั้งแรก ทว่าเป็นครั้งแรกที่เขาได้รับของขวัญใหญ่เช่นนี้
“ได้ยินว่าผมชอบเล่นของจำลอง สองสามวันนี้ลุงพึ่งหาซื้อมา เพราะเวลาจำกัด จึงได้แค่นี้ วันหลังจะช่วยหามาเพิ่มให้อีก”เห็นได้ชัดว่าคุณชายสองโจ๋วพิถีพิถันมาก รู้ว่าเด็กน้อยถังจื่อโม่ชอบรูปจำลอง แค่ไม่กี่วันสั้นๆก็สามารถสะสมของได้มากมายอย่างนี้แล้ว
“ขอบคุณคุณลุงโจ๋วมากครับ ผมชอบของขวัญนี้มากเลยครับ”ดวงตาถังจื่อโม่สว่างไสวทันที มองถุงที่คุณชายสองโจ๋วให้ตาเป็นมัน ทว่าเด็กน้อยถังจื่อโม่ก็ไม่ลืมกล่าวคำขอบคุณอย่างมีมารยาท
“ชอบก็ดี”คุณชายสองโจ๋วแอบโล่งอก จื่อโม่สุดที่รักชอบก็ดีเลย พูดตามตรง เขากลัวเด็กไม่ชอบมากเลย
“ยังมีอีกหลายชิ้น ลุงให้คนส่งมาทางไปรษณีย์แล้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างขนส่ง ยังมาไม่ถึง ถ้าถึงแล้วลุงจะเอาไปให้”คุณชายสองโจ๋วได้ยินว่าถังจื่อโม่ชื่นชอบก็ยิ่งมีชีวิตชีวา ครั้งแรกที่คุณชายสองโจ๋วรับรู้ว่าการที่มอบของขวัญให้ผู้อื่น มันเป็นเรื่องที่ชวนให้ตื่นเต้นดีใจมากๆ
บอกตามตรง ก่อนหน้านี้เขาได้ยินจี้หซีเล่าเรื่องของเด็กทั้งสองคน โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับถังจื่อโม่ คุณชายสองโจ๋วจึงกลัวว่าจะทำให้เด็กชอบไม่ได้
“คุณลุงโจ๋วใจดีจังเลยครับ หล่อมากเลยครับ”ถังจื่อโม่ดีใจอย่างสุดซึ้ง ไม่เพียงเพราะว่าเขาชอบรูปจำลองจริงๆ ยิ่งเป็นเพราะคุณชายสองโจ๋วตั้งใจสรรหาของขวัญเพื่อเขาอีกด้วย
ผู้คนเห็นภาพเช่นนี้ก็มึนงง ไม่ใช่บอกว่าเชิญคุณชายสองโจ๋วมาตรวจอาการคุณปู่เย่หรอกเหรอ?
ทำไมถึงมอบของขวัญกันดื้อๆอย่างนี้ล่ะ อีกอย่างตั้งแต่ที่คุณชายสองโจ๋วเข้ามา เขาไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องตรวจเลยสักนิด คล้ายกับเขามามอบของขวัญโดยเฉพาะเสียอย่างนั้น
คุณชายสองโจ๋วทำงานก่อนได้ไหม?
“คุณชายสองโจ๋วครับ คุณชายน้อยแห่งองค์กรยมบาลเชิญคุณชายมาช่วยตรวจอาการของคุณปู่เย่เป็นพิเศษเลยนะคะ”นักข่าวที่ก่อนหน้านี้ถูกถังจื่อโม่ชี้ให้พาเข้ามารู้สึกว่าตัวเองควรช่วยอะไรสักนิด
ตอนนี้คุณหมอกู่ยังไม่มา เขาในฐานะนักข่าว จึงรู้จักคุณหมอกู่พอสังเขป อย่าว่าเชิญคุณหมอกู่มาเลย ถึงแม้จะมีเงินมีอำนาจก็ยากที่จะนัดตรวจกับคุณหมอกู่
ดังนั้นนักข่าวคนนี้รู้สึกว่ามีความเป็นไปได้น้อยที่จะเชิญกู่หยูมาได้
คุณชายสองโจ๋วมีชื่อเสียงโด่งดังในวงการแพทย์มาก บารมีก็ยิ่งใหญ่มากเช่นกัน จึงให้คุณชายสองโจ๋วตรวจอาการคุณปู่เย่ก่อนดีกว่า ผลที่คุณชายสองโจ๋วตรวจ คงไม่มีใครสงสัย ถึงเวลานั้นคุณย่าเย่ก็คงหาจุดรั่วไม่ได้แล้ว
เวลานี้คุณชายสองโจ๋วไม่รีบร้อนเลยสักนิด นักข่าวคนนี้กลับร้อนใจแทนเสียอย่างนั้น
“อย่าพึ่ง รอให้คุณหมอกู่มาก่อน ผมไม่กล้าแสดงฝีมือตรงหน้าผู้ชำนาญหรอก”คุณชายสองโจ๋วไม่รับฟังความคิดเห็นของนักข่าว พลางตอบตามอำเภอใจหนึ่งประโยค
นักข่าวที่พูดเมื่อครู่ชะงัก อดกระตุกมุมปากไม่ได้ รอให้คุณหมอกู่มาเหรอ?
แต่ก็ต้องรอแล้วคุณหมอกู่มาถึงจะได้นะ
คุณชายสองโจ๋ว พวกเราจริงจังหน่อยได้ไหม?ใส่ใจหน่อยได้ไหม?
สาเหตุที่คุณชายน้อยแห่งองค์กรยมบาลเชิญคุณมา ไม่ใช่ให้คุณมาดูความคึกคักนะ!!
แน่นอนคนที่ตกตะลึงไม่เพียงแต่นักข่าวคนนี้ นักข่าวที่เหลือล้วนแล้วแต่อึ้งกันทั้งสิ้น ท่าทีของคุณชายสองโจ๋วทำให้พวกเขาไม่รู้จะพูดเช่นไร
ยามนี้คอมเมนต์ในโลกออนไลน์เยอะจนเกือบระเบิดเป็นเสี่ยงๆแล้ว
“ความสัมพันธ์ของคุณชายสองโจ๋วกับเด็กน้อยผู้น่ารักไม่ธรรมดาจริงๆ”
“อืม อืม แค่ดูก็รู้ว่าสนิทกันมาก หากคุณชายสองโจ๋วไม่ให้เด็กน้อยผู้น่ารักเรียกว่าคุณลุง ฉันก็จะนึกว่าพวกเขาเป็นพ่อลูกกัแล้ว”
“แต่ในเมื่อคุณชายสองโจ๋วมาแล้ว ทำไมยังไม่ตรวจสุขภาพให้คุณปู่เย่อีก?ผลตรวจของคุณชายสองโจ๋วมีน้ำหนักแน่นอน ไม่มีใครสงสัยแน่ หากคุณหมอกู่ไม่มา คุณชายสองโจ๋วก็สามารถช่วยเด็กน้อยผู้น่ารักได้”
“คุณชายสองโจ๋วบอกว่าจะรอคุณหมอกู่ หรือว่าคุณชายสองโจ๋วรู้ว่าคุณหมอกู่จะมา?”
“เป็นไปได้อยู่นะ ไม่งั้นคุณชายสองโจ๋วก็คงไม่ทำตัวว่างอย่างนั้นหรอก คุณชายสองโจ๋วทำอะไรก็ไว้ใจได้ เพราะเป็นคนถือมีด(หมอ) ไม่ว่าจะทำอะไรก็เข้มงวดเสมอ”
“ถ้าจริงอย่างว่า เรื่องนี้ก็ยิ่งคึกคักแล้วสิ ฉันรู้สึกว่าต่อจากนี้ต้องมีสีสันเป็นพิเศษแน่”
“ฉันนั่งดูสีสันแล้วกัน!”
“นั่งรอดูสีสัน!!”
มีคอมเมนต์ถล่มทลายลักษณะที่รอดูสีสันในเวลาต่อมา
“แต่ยังไงฉันก็คิดว่ากู่หยูไม่มาหรอก”
“เห็นด้วยกับคอมเมนต์ด้านบน”แน่นอน ทุกคนยังคงไม่เชื่อว่ากู่หยูจะมา
เวลานี้ภายในห้องรักษาตัวของคุณปู่เย่ ทุกคนล้วนตั้งหน้ารอคอยด้วยกันทั้งสิ้น เวลาล่วงเลยไปทีละนิด คุณชายสองโจ๋วมาถึงเกือบสิบนาทีแล้ว ซึ่งก็คือหลังจากถังจื่อโม่โทรศัพท์ก็ผ่านมากว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว
ก่อนหน้านี้ถังจื่อโม่บอกว่ามากสุดกู่หยูก็จะมาถึงภายในหนึ่งชั่วโมง ตอนนี้ใกล้จะถึงเวลาที่กล่าวแล้ว ทุกคนยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น เหลือเวลาอีกประมาณครึ่งชั่วโมง ทุกคนเริ่มมองตาไม่กะพริบแล้ว
คุณย่าเย่อดแสยะยิ้มเย็นไม่ได้ คนพวกนี้จ้องถมึงทึงอย่างนี้ คิดว่ากู่หยูจะมาจริงๆหรือ?ถ้าเชิญกู่หยูง่ายเช่นนี้ก็ไม่ใช่กู่หยูแล้ว คนพวกนี้ช่างกล้าเพ้อฝันจริงๆ น่าขำยิ่งนัก
คุณย่าเย่กำลังแสยะยิ้มหยันเยาะอยู่ บังเอิญที่เวลาเดียวกัน ด้านนอกห้องคนไข้มีเสียงฝีเท้าแว่วเข้ามา สาเหตุที่ทุกคนได้ยินเสียงฝีเท้าในตอนนี้ ประการแรกคือภายในห้องเงียบกริบมาก ประการที่สองเป็นเพราะเสียงฝีเท้าดังและยุ่งเหยิงมาก ไม่ใช่คนเดียวแน่นอน ดังนั้นจึงมีเสียงเคลื่อนไหวดังมาก รู้สึกว่ามากันยกโขยงกันมาเป็นฝูงเลย!!