ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1245 ในที่สุดก็ได้ดูช็อตเด็ดเสียที (2)
“ด๊อกเตอร์กู่ เชิญครับ”และเวลานี้ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตี้อีทำความเคารพ ทำท่าเชื้อเชิญอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม ด้วยอิริยาบถของผู้อำนวยการทำให้ผู้คนตะลึงงัน ยิ่งวาจาที่ผู้อำนวยการเอ่ยออกมายิ่งทำให้สั่นสะเทือนมาก
เมื่อครู่ผู้อำนวยการเรียกว่าด๊อกเตอร์กู่?หมายถึงกู่หยูหรือเปล่า?
หรือว่ากู่หยูมาถึงแล้ว?
หรือว่าที่โรงพยาบาลจัดขบวนใหญ่โตเช่นนี้ก็เพื่อต้อนรับกู่หยู?
“พวกคุณทำอะไรหนะ ขัดทางผมแล้ว หลีกไป หลีกไป”มีเสียงหนึ่งส่งมาจากนอกห้อง น้ำเสียงตรงข้ามกับผู้อำนวยการมาก ฟังดูรู้สึกรำคาญใจยิ่ง
เห็นได้ชัดว่าผู้มาเยือนไม่ชอบการต้อนรับลักษณะนี้ ยังรังเกียจที่ขัดทางเขาอีก
“ด๊อกเตอร์กู่ครับ นี้คือห้องรักษาตัวของคุณปู่เย่ครับ ”หัวหน้าแผนกคนหนึ่งอธิบาย ถึงแม้นิสัยของด๊อกเตอร์กู่จะแย่มาก น้ำเสียงก็ไม่ได้ดีอะไรเลย ทว่าหัวหน้าแผนกคนนี้ยังคงส่งยิ้มให้ ไม่รู้สึกโกรธเลยสักนิด
เวลานี้หัวหน้าแผนกที่เป็นผู้นำของโรงพยาบาลมากันครบแล้ว กระทั่งผู้อำนวยการยังมาต้อนรับด๊อกเตอร์กู่อย่างนอบน้อมด้วยตัวเองเลย เขาจะกล้าเฉยเมยได้อย่างไร
อย่าว่าแต่ตอนนี้ด๊อกเตอร์กู่รำคาญที่พวกเขาขัดทางเลย ถึงแม้ด๊อกเตอร์กู่จะด่าพวกเขาจริงๆ เขาก็ยอม ไม่เพียงแต่มีผู้นำของโรงพยาบาลอยู่ด้วยเท่านั้น ยังเป็นเพราะด๊อกเตอร์กู่คือไอดอลที่เขาเลื่อมใสศรัทธามากที่สุดด้วย เขาไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะสามารถเห็นด๊อกเตอร์กู่อย่างใกล้ชิดเพียงนี้ เขาใช้เรื่องนี้โม้ให้หมอท่านอื่นฟังได้ทั้งชาติเลยล่ะ
“ถ้าพวกคุณไม่ขัดทางผม ผมถึงนานแล้ว”เสียงหนักหน่วงดังขึ้นจากด้านนอกอีกครั้ง เขาอนาทรร้อนใจจะดูลูกศิษย์ แต่หน้าประตูดันมีคนขวางทางซะงั้น ยังบอกว่าจะเชิญเขาเข้าไป มันทำให้เขาเสียเวลาชัดๆ
“ครับ ครับ พวกผมผิดเองครับ ขอด๊อกเตอร์กู่โปรดอภัยพวกเราด้วยครับ”หัวหน้าแผนกกล่าวแย้มยิ้มด้วยท่าทางนอบน้อมต่อ น้ำเสียงดีจนไม่รู้จะดีเช่นไรแล้ว
“พวกเราปฏิบัติไม่ดี ทำให้ด๊อกเตอร์กู่เสียเวลาแล้วครับ”ผู้อำนวยการก็รีบกล่าวคำขอโทษต่อจากหัวหน้าแผนกคนนี้
ท่าทีของผู้อำนวยการดีจนไร้ที่ติ ด๊อกเตอร์กู่มาโรงพยาบาลของพวกเขาทั้งที มันคือเกียรติของพวกเขา
ลำพังเรื่องการมาเยือนสามารถทำให้ชื่อเสียงโรงพยาบาลของพวกเขาเป็นที่ประจักษ์มากขึ้น เพราะท่านนี้คือด๊อกเตอร์กู่ เป็นบุคคลสำคัญในวงการแพทย์ระดับโลก ปกติไม่มีโรงพยาบาลไหนเชิญด๊อกเตอร์กู่ไปเยือนได้สำเร็จเลย
หลายปีที่ผ่านมา โรงพยาบาลไหนไม่อยากเชิญด๊อกเตอร์กู่บ้าง หลายๆโรงพยาบาลเสนอราคาสูงเพื่อจะให้ด๊อกเตอร์กู่ไปเยือนโรงพยาบาลของตนสักครั้ง ทว่าด๊อกเตอร์กู่กลับไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งยั่วยุนี้เลย
และยังมีหลายโรงพยาบาลเสนอเงื่อนไขพิเศษต่างๆอีกด้วย
ทว่าก็ไม่มีโรงพยาบาลไหนเชิญด๊อกเตอร์กู่ได้สำเร็จเลย
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตี้อีสมัยก่อนคิดหาหนทางเชิญด๊อกเตอร์กู่สุดความสามารถ ทว่าสุดท้ายแม้แต่หน้าของด๊อกเตอร์กู่ก็ไม่ได้พบเห็น
ตอนนี้ผู้อำนวยการปัจจุบันไม่ได้เพ้อฝันเรื่องอย่างนี้แล้ว ทว่าสิ่งที่เหนือความคาดหมายก็คือ วันนี้ไม่ได้เชื้อเชิญ แต่ด๊อกเตอร์กู่กลับมาเสียเอง แถมยังมาตรวจสุขภาพให้กับคนไข้ของพวกเขาด้วย
เรื่องเช่นนี้ทำให้ผู้อำนวยการไม่กล้าเชื่อเลย เขารู้สึกตัวล่องลอยอย่างบอกไม่ถูก
ก่อนหน้านี้บุคลากรในโรงพยาบาลของพวกเขาก็ดูถ่ายทอดสดเรื่องคุณปู่เย่กับเด็กคนนี้ด้วย จึงรู้ว่าเด็กโทรบอกให้คุณลุงของตนเชิญคุณชายสองโจ๋วกับด๊อกเตอร์กู่มาที่โรงพยาบาลแห่งนี้
เวลาต่อมาเรื่องนี้ก็ถูกกระพือข่าวภายในโรงพยาบาลอย่างทั่วถึงด้วย ทว่าคนส่วนมากไม่ได้จริงจังอะไร พวกเขาในฐานะแพทย์ย่อมรู้ดีกว่าใครว่าเชิญตัวคุณชายสองโจ๋วยากแค่ไหน ส่วนคุณหมอกู่ยิ่งเป็นไปไม่ได้แล้วใหญ่
ในความคิดของพวกเขาคือ ไม่มีใครเชิญคุณหมอกู่มาได้ เพราะคุณหมอกู่เป็นบุคคลที่ไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งใด
ดังนั้นทุกคนจึงดูเพื่อความบันเทิงใจเท่านั้น
ทว่าไม่ถึงครึ่งชั่วโมง คุณชายสองโจ๋วก็มาจริงๆ พวกเขาเห็นคุณชายสองโจ๋วผ่านถ่ายทอดสด จึงจะรู้ว่าคุณชายสองโจ๋วมายังโรงพยาบาลของพวกเขาจริงๆแล้ว
ดังนั้นจึงมีคนตั้งข้อสันนิษฐานว่าด๊อกเตอร์กู่จะมาหรือไม่
ถึงแม้ผู้อำนวยการรู้สึกว่าเป็นความคิดที่ไร้เดียงสามาก มันเป็นไปไม่ได้เลย เพราะผู้อำนวยการรู้ดีอย่างถ่องแท้ว่าด๊อกเตอร์กู่เชิญยากเพียงใด
ทว่าหากด๊อกเตอร์กู่มาล่ะ?สมมุติว่ามาล่ะ?
เมื่อก่อนผู้อำนวยการสมัยก่อนคิดหาวิธีเชิญด๊อกเตอร์กู่สารพัด ทว่าก็ไม่มีโอกาสเลยสักนิดเดียว ขอเพียงมีโอกาสอันริบหรี่ ผู้อำนวยการก็จะไม่ปล่อยให้หลุดลอย
ตอนนี้โอกาสของเขา ความเป็นไปได้ของเขาสูงกว่าผู้อำนวยการสมัยก่อนเยอะเลย
สถานการณ์เช่นนี้ หากถึงเวลานั้นด๊อกเตอร์กู่มาจริงๆ หากเขาไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้าอย่างดี คาดว่าต้องโดนผู้อำนวยการเก่าถลกหนังแน่แท้
จะว่าไป ด้วยความสำคัญของคุณชายสองโจ๋วในแวดวงการแพทย์ พวกเขาก็ควรให้การต้อนรับขับสู้ดีๆ มันไม่ได้เป็นเพียงเกียรติของโรงพยาบาลของพวกเขาแล้ว มันยังสามารถช่วยโฆษณาโรงพยาบาลของพวกเขาอีกทางด้วย
เสียดายที่ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นจึงพลาดโอกาสต้อนรับที่ดีงามไป
ดังนั้น ผู้อำนวยการจึงอยากคว้าโอกาสนี้ไว้ เผื่อด๊อกเตอร์กู่จะมาจริงๆ?
เขาเตรียมตัวแล้ว หากด๊อกเตอร์กู่ก็ไม่เป็นไร เพราะผู้อำนวยการเก่าเคยเตรียมตัวเพื่อเชิญด๊อกเตอร์กู่หลากหลายวิธีแล้ว ทั้งเวลายังยาวนานหลายสิบปีด้วย
ถ้าเกิดด๊อกเตอร์กู่มาจริงๆ งั้นก็……
อันที่จริงตอนที่ผู้อำนวยการพาหมอไปต้อนรับหน้าประตู เป็นเพียงการเสี่ยงโชคเท่านั้น เพราะผู้อำนวยการเองก็ไม่กล้าเชื่อว่าด๊อกเตอร์กู่จะมาจริงๆ
ชั่ววินาทีที่เขาเห็นด๊อกเตอร์กู่เดินเข้ามาในประตูโรงพยาบาล เขายังคิดว่าตัวเองตาฝาด คิดว่าตัวเองกำลังฝันเฟื่องอยู่ คิดว่าตัวเองอยากให้ด๊อกเตอร์กู่มามากเกินไปจึงเกิดภาพหลอนขึ้น
จนได้ยินเสียงคนด้านข้างโห่ร้องด้วยความยินดี ผู้อำนวยการจึงได้สติ เขาถึงเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น ถึงจะเชื่อว่าด๊อกเตอร์กู่มาที่โรงพยาบาลของพวกเขาจริงๆ วินาทีนั้นผู้อำนวยการรู้สึกตื้นตันจนพูดไม่ออก
เดินจากประตูโรงพยาบาลถึงประตูห้องคนไข้ อารมณ์ของผู้อำนวยการไม่ได้เรียบเฉยเลย ล้วนแล้วแต่ตื่นเต้นดีใจด้วยกันทั้งสิ้น
“คนล่ะ?อยู่ไหน?”ด๊อกเตอร์กู่ก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผลขนาดนั้น เขามาถึงนอกห้องคนไข้แล้ว คนที่เขาอยากเจอก็ได้เห็นแน่นอน
ฟังจากน้ำเสียงก็รู้ว่าด๊อกเตอร์กู่รีบร้อนมาก เขาอยากเจอความที่เขามุ่งหมายสักเต็มประดา
ซึ่งคนที่ด๊อกเตอร์กู่เอ่ยถึงขนาดนี้ก็คือเด็กน้อยถังจื่อโม่อยู่แล้ว
ทว่าคนอื่นกลับคิดว่าคนที่ด๊อกเตอร์กู่เอ่ยถึงคือคุณปู่เย่
“คุณปู่เย่อยู่ในห้องนี้ครับด๊อกเตอร์กู่เชิญครับ”ผู้อำนวยการทำท่าเชิญอีกครั้ง ครั้งนี้ด๊อกเตอร์กู่เดินมาอยู่ตรงหน้าประตูห้องแล้ว
คนในห้องจึงเห็นเขาในที่สุด
ชั่วพริบตานั้น นักข่าวทุกคนต่างพากันอึ้งตาค้าง ด๊อกเตอร์กู่มาจริงๆ?มาจริงๆเหรอ?!
เวลานี้คอมเมนต์ในโซเชียลถล่มทลายอีกครั้ง
“ด๊อกเตอร์กู่มาแล้วจริงๆ ดูจากรูปการณ์แล้วต้องจริงแน่นอน ผู้นำในโรงพยาบาลทั้งหมดคงให้การต้อนรับอย่างดี พิธีเช่นนี้คงมีเพียงด๊อกเตอร์กู่ที่คู่ควรแล้วล่ะ”
“คุณลุงเก่งมากเลย ถึงกับเชิญด๊อกเตอร์กู่มาได้”
“ตอนนี้ยิ่งรู้สึกสงสัยสถานะของคุณลุงท่านนี้มากขึ้นแล้ว คุณลุงท่านนี้เป็นใครมาจากไหนกันแน่”
“คุณลุงท่านนี้ต้องเป็นผู้หลักผู้ใหญ่แน่ๆ แค่ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใหญ่มีอิทธิพลด้านไหน”
“อยากรู้สถานะของคุณลุงท่านนี้จริงๆ ขอรู้สถานะคุณลุงหน่อย”
“ขอเหมือนกัน ขอรู้สถานะคุณลุงหน่อย!!”
“ขอรู้สถานะคุณลุงหน่อย!!”
จากนั้นคอมเมนต์ก็ท่วมจอด้วยคำที่ว่า ขอรู้สถานะของคุณลุง ต้องบอกว่ามีความเป็นไปได้สูงที่คุณลุงท่านนี้จะเผยรูปโฉมสู่สาธารณชน
“ตอนด๊อกเตอร์กู่มา ผู้นำทุกคนก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ทำไมตอนที่คุณชายสองโจ๋วมาถึงไม่มีการเคลื่อนไหวเลยสักนิดล่ะ?”มีคนอดถามเสียงกระซิบไม่ได้
“คงเป็นเพราะตอนแรกผู้นำในโรงพยาบาลไม่คิดว่าเป็นจริง ดังนั้นคงคิดไม่ถึงว่าคุณชายสองโจ๋วจะมามั้ง?”
“เห็นด้วย หากคุณชายสองโจ๋วไม่ปรากฏ ผู้นำโรงพยาบาลคงไม่เชื่อว่าด๊อกเตอร์กู่จะมาด้วยแน่นอน ดังนั้นหากไม่มีคุณชายสองโจ๋วเดินทางมาก่อน คงไม่มีการต้อนรับใหญ่โตแก่ด๊อกเตอร์กู่หรอก”
“ดังนั้นคุณชายสองโจ๋วใช้ตัวเองทอดสะพานให้แก่ด๊อกเตอร์กู่ อยากรู้ความขมขื่นในใจคุณชายสองโจ๋วมาก”
คุณชายสองโจ๋วไม่สำเหนียกเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ทางกลับกัน คุณชายสองโจ๋วไม่เคยชื่นชมต่อสิ่งเหล่านี้เลย เขาเลี่ยงได้ก็จะเลี่ยงเสมอมา ตอนเขามาจงใจไม่เดินเข้าทางประตูใหญ่ด้วย
ดังนั้นเวลานี้คุณชายสองโจ๋วอุ้มถังจื่อโม่ พลางมองด๊อกเตอร์กู่ด้วยอารมณ์ระรื่น เมื่อด๊อกเตอร์กู่มาถึงก็ควรจะฉายช็อตเด็ดเสียที!!
วันนี้เขาจะดูความบันเทิงใจสักครั้ง!!
เวลานี้คุณย่าเย่อารมณ์ไม่ดีสักเลย สีหน้าแปรเปลี่ยนไปมาหลายตลบ ดวงตากะพริบวาวโรจน์ คุณย่าเย่คิดไม่ถึงว่าคุณลุงของเด็กจะเชิญกู่หยูมาได้จริงๆ
ก่อนหน้านี้ท่านมั่นใจนักหนาว่าเด็กคนนี้เชิญกู่หยูมาไม่ได้ ดังนั้นจึงปริปากบอกว่าท่านไม่สงสัยกับผลตรวจของกู่หยู ตอนนี้กู่หยูมาถึงแล้ว…