ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1248 สะใจชะมัด (1)
บัดนี้คุณชายสองโจ๋วรอผลตรวจของตากู่ คุณชายสองโจ๋วรู้ดีแก่ใจว่าร่างกายคุณปู่เย่เป็นอย่างไร เขาจึงอดหัวเราะไม่ได้ ด้วยนิสัยของตาเฒ่า ต่อจากนี้ต้องมีละครเด็ดฉายขึ้นแน่
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ตาเฒ่าหมายตาถังจื่อโม่เอาไว้ การที่อยากได้ถังจื่อโม่มาเป็นศิษย์ในโอวาท ตาเฒ่าต้องประจบประแจงให้จื่อโม่ชื่นชอบอยู่แล้ว
คนอย่างตาเฒ่ากล้าทำทุกอย่างอยู่แล้ว ณ ขณะนี้ คุณชายสองโจ๋ววาดหวังรอคอยเป็นอย่างยิ่ง!!
ตากู่ยืนอยู่ด้านหน้าเตียง หลังจากดูคร่าวๆแล้วก็ดึงเปลือกตาของคุณปู่เย่ดู ต่อด้วยอ้าปากคุณปู่เย่ออก จากนั้นก็จับชีพจรเป็นลำดับสุดท้าย
บัดนี้สีหน้าด๊อกเตอร์กู่จริงจังและเข้มขรึมอย่างยิ่งยวด เมื่อเทียบกับท่าทางเมื่อครู่แล้วราวกับเป็นคนละคน ดูเหมือนว่าด๊อกเตอร์กู่จะตั้งใจในเวลางานเป็นพิเศษ ไม่ว่าคนไข้เป็นใคร ไม่ว่าคนไข้มีอาการเช่นไร ขอเพียงเขารับปากว่าจะตรวจให้ เขาก็จะตั้งใจเป็นพิเศษแน่นอน
คุณชายสองโจ๋วมองด๊อกเตอร์กู่ที่ตั้งใจจับชีพจร แววตาก็กะพริบน้อยๆ บอกตามตรง ถึงตอนนี้เขายังไม่เข้าใจวิธีการจับชีพจรของตากู่เลย
เขาฝึกแพทย์แผนปัจจุบัน พึ่งอุปกรณ์ในการช่วยตรวจทุกครั้ง สำหรับเทคนิคของตากู่เขาเทียบเทียมไม่ได้จริงๆ เอาตรงๆเลยก็คือ เขาก็อยากเรียนรู้กับตากู่ด้วย ทว่าตากู่ไม่ยอมสอนเขา เขาไม่โดนใจตากู่ ไม่ใช่เพราะพรสวรรค์ของเขาต่ำต้อยแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะตากู่เห็นเขาแล้วรู้สึกขัดหูขัดตา
ทว่าตอนนี้ตากู่ถูกใจจื่อโม่สุดที่รัก เพียงแต่ไม่รู้ว่าจื่อโม่สนใจด้านการแพทย์หรือไม่ หากจื่อโม่ไม่อยากฝึก เกรงว่าตากู่ต้องผิดหวังซะแล้ว
ถึงแม้พี่ใหญ่จะใช้จื่อโม่หลอกล่อตากู่มา ทว่าพี่ใหญ่คงไม่ตั้งคำมั่นสัญญาอะไรแน่นอน คงจะทำตามความคิดของจื่อโม่ทุกอย่าง
แต่ไหนแต่ไร ตระกูลถังก็จะเคารพการเลือกของเด็ก ซึ่งพี่ใหญ่ก็เช่นกัน
ดังนั้นความปรารถนาของตากู่จะเป็นจริงหรือไม่ ยังบอกได้ยาก
ผู้อำนวยการเห็นด๊อกเตอร์กู่เริ่มทำการตรวจ คำพูดที่ถึงปลายลิ้นก็กล้ำกลืนลงไป เขานึกถึงแต่ถ้อยคำที่ถังจื่อโม่พูดก่อนหน้านี้ นึกแต่เรื่องที่คุณย่าเย่หาจุดบกพร่องเรื่องอุปกรณ์การแพทย์ จึงลืมเสียสนิทว่าตระกูลกู่สืบทอดแพทย์แผนจีนมารุ่นสู่รุ่น สิ่งที่ด๊อกเตอร์กู่ศึกษาก็คือแพทย์แผนจีน
เมื่อก่อนเขาก็เคยได้ยินว่าเวลาด๊อกเตอร์กู่ตรวจรักษาโรค เขาจะไม่ใช้อุปกรณ์ใดๆทั้งสิ้น เพราะด๊อกเตอร์กู่เหนือชั้นกว่าอุปกรณ์ทุกชิ้น
วันนี้เขาได้เปิดโลกทัศน์แล้ว ถึงแม้เขาเรียนแพทย์แผนปัจจุบัน ไม่รู้เรื่องแพทย์แผนจีน ทว่าก็ไม่กระทบต่อความนับถือที่เขามีต่ออีกฝ่าย
คุณย่าเย่เห็นด๊อกเตอร์กู่ตรวจอาการ ดวงตาทั้งคู่ก็กระพริบอย่างรวดเร็ว ด๊อกเตอร์กู่คนนี้ไม่ใช้อะไรเลย แค่มองเฉยๆ เสร็จแล้วก็จับชีพจร?
หากเป็นเช่นนี้ ท่านเอาจุดนี้มาสร้างข้อกังขาดีหรือไม่ เพราะไม่ได้ใช้อุปกรณ์อะไรเลย ไม่มีผลตรวจเป็นเอกสารออกมา พวกท่านไม่เห็นอะไรทั้งนั้น แค่คำพูดของกู่หยู ท่านจะยอมรับหรือไม่อย่างไรก็ได้ทั้งนั้น
คุณย่าเย่กำลังครุ่นคิด ด๊อกเตอร์กู่ก็ตรวจเสร็จแล้ว เขายืนขึ้นแล้วมองคุณปู่เย่ที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงอย่างไม่ไหวติงก่อน จากนั้นก็มองมายังคุณย่าเย่แวบหนึ่ง สุดท้ายก็หันหน้าไปยังนักข่าวที่อยู่ในนั้น สายตาจับจ้องอยู่ที่กล้อง มุมปากขยับขึ้นกล่าวทีละคำอย่างชัดเจนว่า “ร่างกายคนไข้ไม่มีปัญหาอะไร ด้วยสุขภาพของคนไข้ ไม่มีทางเป็นลมเด็ดขาด ดังนั้นตอนนี้คนไข้แกล้งเป็นลมอยู่”
ด๊อกเตอร์กู่พูดตรงไปตรงมามาก ตรงจนนักข่าวเซ่อซ่าตาค้าง หลังด๊อกเตอร์กู่ตรวจอาการเสร็จแล้วบอกว่าร่างกายคุณปู่เย่ไม่เป็นอะไรก็ยังพอว่า แต่นี่ถึงกับพูดตรงๆว่าคุณปู่เย่แกล้งเป็นลม มันช่างกระอักกระอ่วนเสียจริง
ตอนนี้คุณปู่เย่ยังหลับตานอนอยู่บนเตียงอย่างไม่ขยับเขยื้อนอยู่เลย
“คุณมีสิทธิ์อะไรมาพูดอย่างนี้?คุณแค่ดูไปเรื่อยแป๊บเดียว นี่มันทำแบบขอไปทีชัดๆ”คุณย่าเย่ไม่ยอมยอมรับ และเมื่อครู่ท่านคิดวิธีรับมือได้แล้ว คำพูดของด๊อกเตอร์กู่ตอนนี้ทำให้ท่านมีโอกาสพูดแล้ว
คุณย่าเย่ก็คาดไม่ถึงว่ากู่หยูจะตรงจนบอกว่าคุณปู่เย่แกล้งเป็นลมเช่นนี้!
หมอมักจะพูดอ้อมค้อมไม่ใช่เหรอ?ทำไมกู่หยูคนนี้จึงกล้าพูดทุกอย่างล่ะ
“ถือสิทธิ์ที่ตระกูลกู่ของพวกเขาสืบทอดศาสตร์การรักษามาหลายร้อยปี ถือสิทธิ์ที่ผมมีประสบการณ์การแพทย์มาสามสิบปีกว่า”กู่หยูมองคุณย่าเย่แวบหนึ่ง เรื่องอื่นเขาไม่ถือสาได้ ทว่าเรื่องวิชาแพทย์ที่สืบทอดจากบรรพบุรุษ เขาจำเป็นต้องถือสา
“คุณย่าเย่ครับ ด๊อกเตอร์กู่เรียนแพทย์แผนจีนนะครับ วิธีตรวจของแพทย์แผนจีนก็เป็นอย่างนี้แหละครับ ผลตรวจของด๊อกเตอร์กู่แม่นยำกว่าอุปกรณ์การแพทย์ที่ล้ำสมัยอีกนะครับ ก่อนหน้านี้มีคนไข้ตรวจอาการจากอุปกรณ์ไม่ออก แต่ด๊อกเตอร์แค่ดูก็รู้ถึงปัญหาเลยครับ ดังนั้นผลตรวจของด๊อกเตอร์กู่ไม่มีปัญหาแน่นอนครับ ด๊อกเตอร์กู่บอกว่าคุณปู่เย่ไม่เป็นอะไรก็ไม่เป็นอะไรแน่นอนครับ”ผู้อำนวยการได้ยินถ้อยคำของคุณย่าเย่แล้วก็ไม่พอใจ ทว่าก็อธิบายให้คุณย่าเย่ฟังอย่างอดทน
ไม่ง่ายเลยกว่าด๊อกเตอร์กู่จะมาที่โรงพยาบาลของพวกเขา ไม่ง่ายเลยที่จะตรวจคนไข้โรงพยาบาลของพวกเขา ปล่อยให้คุณย่าเย่ตั้งข้อกังขาอย่างนี้ไม่ได้
“ฉันไม่เชื่อแพทย์แผนจีน ตอนนี้ฉันไม่เห็นผลตรวจอะไรเลย แค่คำพูดของคุณหมอกู่ พวกคุณจะให้ฉันเชื่อได้อย่างไร?”ตอนนี้คุณย่าเย่จับประเด็นจุดนี้ได้ ไม่ว่าอย่างไรท่านก็จะไม่ยอมรับแน่นอน
“คุณย่าเย่ ก่อนหน้านี้คุณไม่ใช่บอกว่า ขอเพียงเป็นผลตรวจของด๊อกเตอร์กู่ คุณก็จะไม่สงสัย ไม่ใช่เหรอ?ตอนนี้คุณกำลังกลับคำอยู่นะ?”นักข่าวที่โดนถังจื่อโม่พาเข้ามาเริ่มตั้งคำถามขึ้น น้ำเสียงไม่มีความเกรงใจเลยสักนิด
“คุณย่าเย่ คุณเป็นคนพูดเอง ทำไมตอนนี้ถึงไม่ยอมรับแล้วล่ะ”
“คุณย่าเย่ ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าไม่สงสัยผลตรวจของด๊อกเตอร์กู่เด็ดขาด ดังนั้นคุณชายน้อยขององค์กรยมบาลจึงให้คนเชิญด๊อกเตอร์กู่มา ตอนนี้คุณกลับคำ จะไม่ตลกไปหน่อยหรือ?”นักข่าวเห็นท่าทางของคุณย่าเย่ก็ไม่คิดจะช่วยท่านอีกต่อไป ไม่คิดจะเข้าข้างอีก
แม้กระทั่งสื่อที่ตกลงทำงานร่วมกับตระกูลเย่ก็เริ่มตั้งคำถามกับคุณย่าเย่ขึ้นมา แถมคำถามของนักข่าวแต่ละคนล้วนเฉียบขาด สะเทือนใจหมด
“คุณย่าเย่ครับ ด๊อกเตอร์กู่เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการแพทย์นะครับ วิชาแพทย์ของเขาเป็นที่ประจักษ์ของทุกคน และมีน้ำหนักมากด้วยครับ คุณสงสัยผลตรวจของด๊อกเตอร์กู่อย่างนี้ เกรงว่าจะไม่เหมาะสมนะครับ?”
“แพทย์แผนจีนนั้นลึกซึ้งกว้างไกล ทั้งยังเร้นลับเหลือคณานับอีกด้วยนะครับ ทว่าก็เป็นเหตุผลที่คุณจะสงสัยในตัวด๊อกเตอร์กู่ไม่ได้นะครับ”
“คุณย่าเย่ค่ะ ทำไมคุณถึงสงสัยผลตรวจของด๊อกเตอร์กู่อย่างรีบร้อนด้วยครับ ญาติของคนไข้ทั่วๆไป พอได้ฟังผลตรวจแล้วจะสงสัยไหมคะ?ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นผลตรวจของด๊อกเตอร์กู่อีกด้วย?ทำไมคุณย่าเย่ต้องสงสัยในผลตรวจของด๊อกเตอร์กู่ด้วยคะ?คุณย่าเย่มีความผิดในใจใช่ไหม”
ตอนนี้คำพูดของนักข่าวตรงและเฉียบแหลมมากขึ้น
“ฉันไม่ได้สงสัยผลตรวจของด๊อกเตอร์กู่ แต่เป็นเพราะตอนนี้ฉันไม่เห็นอะไรเลย ก็แค่ฟังเขาพูด ……”คุณย่าเย่ได้ยินคำพูดของนักข่าว สีหน้าก็ย่ำแย่ ตอนนี้นักข่าวทุกคนล้วนจู่โจมท่าน ซึ่งทำให้ท่านทั้งโกรธทั้งชิงชังยิ่งนัก
“คุณย่าเย่ครับ คนป่วยมารักษาตัวกับหมอ ไม่ใช่ควรฟังคำพูดของหมอหรือครับ?คำที่ด๊อกเตอร์กู่พูด ไม่น่าจะมีเหตุผลให้สงสัยนะครับ”นักข่าวอีกคนตัดบทคุณย่าเย่โดยตรง
“เด็กคนนี้เป็นคนหาด๊อกเตอร์กู่มา และดูจากท่าทางที่ด๊อกเตอร์กู่มีต่อเด็กคนนี้ เชื่อว่าทั้งสองต้องมีความสัมพันธ์กันแน่ ดังนั้น ……”คุณย่าเย่รีบกะพริบตาปริบๆ พลางใช้ตัวถังจื่อโม่เป็นตัวโต้เถียง
“คุณย่าเย่ระวังคำพูดด้วยครับ ทุกคนรู้การวางตัวของด๊อกเตอร์กู่ดีครับ คุณกำลังปรักปรำด๊อกเตอร์กู่อยู่นะครับ”ครั้งนี้ผู้อำนวยการตัดบทคุณย่าเย่ทิ้ง หากคุณย่าเย่ไม่เชื่อมาตรฐานการรักษาของด๊อกเตอร์กู่ ผู้อำนวยการก็ไม่สะดวกพูดอะไรมาก
ทว่าคุณย่าเย่สงสัยว่าด๊อกเตอร์กู่กระทำเรื่องหลอกลวง เขายอมไม่ได้ เป็นการปรักปรำชัดๆ!!
คุณย่าเย่โดนผู้อำนวยการสวนกลับจนพูดไม่ออก สีหน้าของคุณย่าเย่เปลี่ยนไปมาหลายครั้ง ซึ่งสีหน้าแย่ถึงขีดสุดแล้ว
“คุณย่าเย่ คุณหมายความว่ายังไงกันแน่ ไม่อยากยอมรับผลตรวจของด๊อกเตอร์กู่ เลยปรักปรำด๊อกเตอร์กู่?”
“คุณย่าเย่ ตอนที่คุณชายน้อยแห่งองค์กรยมบาลเชิญด๊อกเตอร์กู่ เคยถามความคิดเห็นของคุณแล้ว ตอนนั้นคุณรับปากเอง แต่ตอนนี้กลับมาใส่ร้ายด๊อกเตอร์กู่ คุณหมายความว่ายังไงกันแน่?”
“คุณย่าเย่ปรักปรำด๊อกเตอร์กู่อย่างนี้ อยากกลบเกลื่อนอะไรหรือเปล่า?อยากกลบเกลื่อนความจริงเรื่องคุณปู่เย่แกล้งเป็นลมหรือไม่?”