ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1250 ผมไม่ได้แซ่เย่ (1)
มีนักข่าวหันไปมองถังจื่อโม่อีกครั้ง ซึ่งท่าทีไม่เหมือนปฏิบัติต่อคุณย่าเย่ ตอนที่พวกเขามองเด็กน้อยถังจื่อโม่นั้น ล้วนเต็มไปด้วยรอยยิ้มและอ่อนโยนเป็นพิเศษ แน่นอนดวงตาของทุกคนยังมีประกายสอดรู้สอดเห็นเกิดขึ้น เด็กคนนี้เก่งขนาดนี้ ตกลงเป็นลูกเต้า?!
ก่อนหน้านี้เด็กบอกว่าตัวเองเป็นสายเลือดของตระกูลเย่ ตอนนั้นพวกเขาอยากจะถามเหมือนกัน ทว่าถูกคุณย่าเย่ตัดบททิ้งก่อน ไม่รู้ว่าตอนนี้ถามได้หรือเปล่า?
“คุณชายน้อยแห่งองค์กรยมบาล พ่อคุณเป็นใครคะ?”นักข่าวคนหนึ่งหันไปมองเด็กน้อยถังจื่อโม่ด้วยความหวังเล็กน้อย
ตอนนี้รู้เรื่องคุณปู่เย่หมดเปลือกแล้ว ถึงแม้คุณย่าเย่ไม่ตอบ ถึงแม้คุณปู่เย่ยังคงนอนอยู่บนเตียง แต่ก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้อีก การกระทำของคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่เช่นนี้ มีแต่จะทำให้ผู้คนขบขันเปล่าๆ ดังนั้นตอนนี้ไม่มีประโยชน์อะไรที่นักข่าวไปล้อมสัมภาษณ์คุณย่าเย่ เพราะถึงอย่างไร ทุกคนก็รู้ว่าคุณปู่เย่แกล้งเป็นลมเพื่อใส่ร้ายคุณชายสามเย่แล้ว
พวกเขาอยากได้ข่าวอื่นอีกเล็กน้อย อย่างเช่น สถานะของคุณชายน้อยแห่งองค์กรยมบาล อยากรู้ว่าพ่อของเด็กคนนี้เป็นใคร?
อย่างเช่นคุณลุงของคุณชายน้อยแห่งองค์กรยมบาลเป็นใคร?
“คุณชายน้อยแห่งองค์กรยมบาลค่ะ ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าตัวคุณมีเลือดของตระกูลเย่ งั้นคุณใช่คนตระกูลเย่หรือเปล่าคะ?พ่อของคุณเป็นคนตระกูลเย่หรือเปล่าคะ?”
“คุณชายน้อยค่ะ คุณแม่ของคุณเป็นใครคะ?”
“คุณชายน้อยครับ คุณลุงคุณเป็นใครครับ?”พวกนักข่าวอยากรู้คำตอบพวกนี้ที่สุด ปกติแล้ว ถึงแม้นักข่าวจะถามข้อมูลอะไรไม่ได้ แต่ก็สามารถทำข่าวแบบคลุมเครือได้ ทว่าตอนนี้นักข่าวที่อยู่ในเหตุการณ์ครั่นคร้ามเล็กน้อย
เด็กคนนี้บอกเองว่าเป็นคุณชายน้อยแห่งองค์กรยมบาล ลำพังองค์กรยมบาลก็เพียงพอที่จะทำให้อกสั่นขวัญแขวนแล้ว จากนั้นลุงของเด็กก็สามารถเชิญคุณชายสองโจ๋วกับด๊อกเตอร์กู่มาในเวลาอันรวดเร็ว เห็นได้ว่าคุณลุงท่านนี้มีความสามารถอย่างน่าอัศจรรย์ใจ ฐานะของคุณลุงท่านนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่!!
ยิ่งไปกว่านั้นคุณชายสองโจ๋วกับด๊อกเตอร์กู่กระตือรือร้นด้วยความรักใคร่เด็กขนาดนี้ คุณชายสองโจ๋วดีกับเด็กเหมือนดั่งลูกชายตัวเอง ส่วนด๊อกเตอร์กู่ก็ยิ่งแล้วใหญ่ ดวงตาคู่นั้นราวกับมองสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดแล้วโลกก็ไม่ปาน
ดังนั้น ใครจะกล้าบาดหมางกับคุณชายน้อยท่านนี้ในเวลานี้ล่ะ น้ำเสียงที่นักข่าวใช้ถามจึงเกรงใจและอ่อนนุ่มมาก ไม่มีทีทางบีบเค้นหาความจริงแต่อย่างใด นักข่าวรู้สึกสงสัยและอยากได้ข่าวใหม่ จึงได้ถาม ทว่าคุณชายน้อยจะยอมตอบหรือไม่ นักข่าวก็ไม่กล้าฝืนบังคับ
“โอเค เรื่องจบแล้ว ขอบคุณทุกคนมากครับ ผมควรกลับบ้านแล้ว”ถังจื่อโม่ไม่ตอบไม่ได้แน่ คำถามนี้ไม่ควรเป็นเขาที่เป็นฝ่ายเปิดเผย จำเป็นต้องให้คุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจก่อน หากไม่ได้รับอนุญาตจากคุณพ่อคุณแม่ เด็กน้อยถังจื่อโม่ก็พูดพร่ำเพรื่อไม่ได้ จะได้ไม่ต้องเกิดเรื่องยุ่งยากที่ไม่จำเป็นขึ้น
เพราะตอนนี้เหตุการณ์ไม่ปกติ คุณพ่อต้องเคลียร์ปัญหากับตระกูลถังมากมาย และตระกูลถังก็ยิ่งอยู่ในช่วงที่สิ่งแวดล้อมเกิดการเปลี่ยนแปลง คุณปู่ทวดใกล้จะเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าของแปดสุดยอดวงศ์ตระกูลแล้ว หากเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นตอนนี้ ตระกูลกู้จะใช้เป็นข้ออ้างโจมตีตระกูลถังได้
ตำแหน่งหัวหน้าแปดสุดยอดวงศ์ตระกูลนั้นมีผลกระทบใหญ่หลวงมาก ตอนนี้แปดสุดยอดวงศ์ตระกูลพัฒนาและขยายอำนาจกว่าเมื่อก่อนมากโข จนขจรขจายไปทุกแห่งหน ซึ่งแปดสุดยอดวงศ์ตระกูลมีผลกระทบต่อหลายพื้นที่ โดยไม่เพียงแต่กระทบด้านเศษรฐกิจเท่านั้น ยังครอบคลุมถึงด้านอื่นอีกด้วย
หัวหน้าแปดสุดยอดวงศ์ตระกูลมีอำนาจยิ่งใหญ่เพียงใด?คนทั่วไปคงไม่อาจจินตนาการได้
ดังนั้นตระกูลกู้จึงจ้องแต่โจมตีตระกูลถังด้วยสารพัดวิธี!!
คุณชายสองโจ๋วมองถังจื่อโม่ด้วยความชื่นชม หลานชายของเขาคนนี้ไหวพริบดีมาก และคำนึกรอบคอบมาก
“โอเค พวกเรากลับบ้านกัน”คุณชายสองโจ๋วตัดสินใจหยุดงานให้ตัวเองหนึ่งวัน เขาจะส่งหลานชายกลับไป จากนั้นก็จะดูหน้าหลานสาวเสียหน่อย
“อะไรคือพวกเรา พวกเราที่ว่ามาจากไหน”ด๊อกเตอร์กู่ไม่พอใจอย่างยิ่งยวด คนนี้คือลูกศิษย์ที่เขาหมายตาไว้ จะไปกับคนแซ่โจ๋วได้ไง
“มา พวกเรากลับด้วยกัน”ด๊อกเตอร์กู่ดึงมือของคุณชายสองโจ๋วออก คว้าตัวถังจื่อโม่มาจากมือของคุณชายสองโจ๋ว
เขารู้ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง ซึ่งพักอยู่ที่บ้านตระกูลถัง เขาไม่ใช่ไม่รู้จักทางไปบ้านตระกูลถังเสียหน่อย เขาส่งเด็กกลับบ้านได้ และจะถือโอกาสพูดเรื่องรับเป็นศิษย์ซะเลย
เขาอยากรับลูกศิษย์ เขาต้องฟังความคิดเห็นของลูกศิษย์เขาก่อนอยู่แล้ว แน่นอน ยังต้องถามความคิดเห็นของผู้ปกครองก่อนด้วย เพราะการรับเป็นศิษย์ไม่ใช่เรื่องเล็ก
ถังจื่อโม่กะพริบตาปริบๆ มองคุณชายสองโจ๋วกับด๊อกเตอร์กู่สลับกัน ตกลงหมายความว่ายังไงนะ
“ได้ กลับด้วยกันครับ”คุณชายสองโจ๋วไม่แย่งชิงกับตากู่ ตอนนี้มีนักข่าวอยู่กันเยอะ หากแย่งชิงกันขึ้นมา จะโดนนักข่าวนำไปเขียนส่งเดชเปล่าๆ
ด๊อกเตอร์กู่สบถเสียงเย็นหนึ่งคำ ทว่าไม่ได้ปฏิเสธกับข้อเสนอของคุณชายสองโจ๋ว แต่อย่างไรก็ตามด๊อกเตอร์กู่ยังคงจับมือของถังจื่อโม่ไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยเหมือนเดิม คล้ายกับกลัวคุณชายสองโจ๋วจะมาแย่งอย่างไรอย่างนั้น
คุณชายสองโจ๋วเห็นการกระทำของเขาก็อดหัวเราะไม่ได้ คาดไม่ถึงว่าตาเฒ่าคนนี้จะบ้องตื้นกับเขาด้วย
“คุณชายน้อยแห่งองค์กรยมบาล คุณแซ่เย่หรือเปล่าครับ?”ตอนที่ด๊อกเตอร์กู่จะจูงถังจื่อโม่จากไป นักข่าวคนหนึ่งก็อดถามหนึ่งประโยคไม่ได้ ประโยคนี้ถือว่าถามตรงมาก หากถังจื่อโม่ตอบคำถามนี้ ความจริงก็จะลอยลำอยู่บนผิวน้ำแล้ว
ตอนแรกถังจื่อโม่ไม่ได้แยแสต่อคำถามของนักข่าว เขาตั้งหมายไว้ว่า ไม่ว่านักข่าวจะถามอย่างไร เขาก็จะไม่ตอบ
ทว่าได้ยินนักข่าวถามเช่นนี้ ถังจื่อโม่พลันหยุดก้าวเท้า ก่อนจะชำเลืองมองนักข่าวคนนั้น
“ผมแค่อยากถามว่าคุณชายน้อยแซ่เย่หรือเปล่าครับ?”นักข่าวคนนั้นสบตาเข้ากับถังจื่อโม่พลันรู้สึกหัวใจสั่นวูบ ทำไมเขารู้สึกว่าสายตาเด็กคนนี้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน
“แน่นอน คุณชายน้อยไม่ตอบก็ได้ครับ”นักข่าวแอบทอดถอนใจหนึ่งเฮือก จากนั้นก็เสริมในสิ่งที่ปากไม่ตรงกับใจขึ้นมา เขารู้ว่าตัวเองเสริมได้อย่างฝืนกลั้นมาก
“ไม่ ผมตอบคำถามนี้ได้”ถังจื่อโม่เอ่ยปากพูดกะทันหัน คำพูดของถังจื่อโม่ตอนนี้ทำให้ทุกคนอึ้งตามๆกัน
คุณชายสองโจ๋วยกหางคิ้วขึ้น มุมปากก็ยกยิ้มน้อยๆ
ชั่วพริบตานั้น ทุกคนต่างเพ่งเล็งมาที่ถังจื่อโม่ ดวงตาทุกคู่ล้วนทอประกายแสงแพรวพราย โดยเฉพาะนักข่าวที่ตั้งคำถามนี้รู้สึกตื่นเต้นจนเกือบโห่ร้องออกมาแล้ว เขาไม่นึกเลยว่าคุณชายน้อยจะตอบคำถามของเขา อันที่จริงเขาไม่ได้ตั้งความหวังไว้เลยสักนิด
ตอนนี้ไม่เพียงแต่นักข่าวที่ตั้งหน้าตั้งตารอคำตอบจากถังจื่อโม่เท่านั้น กระทั่งคุณย่าเย่กับคนที่นอนอยู่บนเตียงอย่างคุณปู่เย่ก็ล้วนตั้งใจฟังคำตอบของถังจื่อโม่
ถึงแม้ก่อนหน้านี้พวกท่านจะเคยเดาไว้แล้ว ทว่าก็ยังคงเป็นการคาดเดาที่ยังไม่ได้พิสูจน์อยู่ดี ดังนั้นพวกท่านจึงอยากฟังว่าเด็กจะพูดอย่างไร
คุณปู่เย่ที่นอนอยู่บนเตียงรู้สึกตื่นเต้นดีใจ เด็กคนนี้ฉลาดหลักแหลม ทำอะไรรอบคอบ มีปฏิภาณไหวพริบดีเยี่ยม เป็นต้นกล้าชั้นดี หากฝึนฝนให้ดีๆ อนาคตต้องเจริญก้าวหน้าแน่ๆ ตระกูลเย่ของพวกเขาต้องการคุณสมบัติเช่นนี้
ท่าทีของคุณย่าเย่กลับเรียบเฉย ก่อนหน้านี้คุณปู่เย่ถูกถังจื่อโม่กระทำจนเคืองใจมากแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้รู้สึกดีต่อถังจื่อโม่ ถึงแม้ถังจื่อโม่จะเป็นคนของตระกูลเย่ ท่านก็ดีใจไม่ลง
“ผมไม่ได้แซ่เย่ครับ”ถังจื่อโม่มองนักข่าว พลางกล่าวทุกถ้อยคำอย่างชัดเจน เขาไม่ได้แซ่เย่ เขาใช้แซ่ถังตามคุณยายมาตลอด ตอนนี้คุณพ่อของเขาตัดขาดกับตระกูลถังแล้ว ดังนั้นจึงพูดยากมากว่าเขาจะใช้แซ่เย่หรือไม่
ถึงแม้อนาคตข้างหน้าเขาอาจจะเปลี่ยนเป็นแซ่เย่ ทว่าตอนนี้ไม่ใช่ ดังนั้นเขากำลังพูดความจริงอยู่
คุณปู่เย่ที่นอนอยู่บนเตียงได้ยินถังจื่อโม่พูดก็ชะงัก หัวใจหล่นวูบอย่างรู้สึกผิดหวัง เด็กคนนี้ไม่ได้แซ่เย่?หรือว่าไม่ใช่ลูกของซือเฉิน?
เป็นไปไม่ได้มั้ง?ก่อนหน้านี้เด็กคนนี้เคยบอกว่าตัวเขามีเลือดของตระกูลเย่ หากคิดใคร่ครวญอย่างละเอียดแล้ว คงจะมีความเป็นไปได้เดียว ซึ่งก็คือลูกของซือเฉิน แล้วทำไมเด็กถึงบอกว่าไม่ได้แซ่เย่ล่ะ?
ผิดพลาดตรงไหนกันแน่?!
หนังตาคุณปู่เย่กระตุก เขาอยากลืมตาดูสักหน่อย เขาอยากถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทว่าคุณปู่เย่ก็รู้ หากเขาลืมตาตอนนี้ นักข่าวต้องเป็นดั่งฝูงผึ้งที่ล้อมรอบเขาแน่ คาดว่าสามารถกินเขาได้แน่ ตอนนี้คุณปู่เย่ไม่มีความกล้าฟื้นขึ้นมาจริงๆ