ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1259 ไร้ยางอายเกินไปแล้ว (2)
บริษัทตระกูลเย่กรุ้ปยี่สิบกว่าบริษัท? บริษัทตระกูลเย่กรุ้ปเจริญเติบโตมาอย่างดีโดยตลอด สาขาย่อยของบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปก็แยกกระจายไปยังสถานที่มากมาย บริษัทตระกูลเย่กรุ้ปคือบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเมืองAถือเป็นอันดับต้นๆ ในประเทศเลย!!
สมบัติของบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปคือสิ่งที่ทุกคนต่างก็ไม่สามารถนึกคิดได้ ตอนนี้กู้หวูบอกว่า เย่ซือเฉินมีบริษัทดั่งบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปยี่สิบกว่าบริษัท
บริษัทตระกูลเย่กรุ้ปยี่สิบกว่าบริษัท นั่นเป็นจำนวนที่ใหญ่มาก? จำนวนนั้นแม้กระทั่งเขาก็ยังไม่สามารถคิดได้!!
ไม่ เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้แน่นอน
“คุณปู่เย่ครับ ผมขอเตือนนะครับ เงียบสงบหน่อยจะดีกว่านะครับ ไม่ต้องคิดจะทำอะไรคุณชายน้อยและองค์หญิงน้อยของเรา รวมถึงคุณหญิงด้วย ไม่เช่นนั้นองค์กรยมบาลเราจะไม่เกรงใจแน่นอนครับ” กู้หวูเห็นคุณปู่เย่ไม่ได้พูดอะไร ก็ขี้เกียจพูดไร้สาระกับคุณปู่เย่ต่อ แต่ว่า หากคุณปู่เย่ยังกล้าทำอะไรอีก องค์กรยมบาลไม่เกรงใจแน่นอน
กู้หวูรู้ คุณชายก็จะไม่เกรงใจคุณปู่เย่แล้ว
คุณปู่เย่อยากจะส่งองค์หญิงน้อยจากไป ให้องค์หญิงน้อยไม่สามารถกลับมาได้อีกตลอดไป คุณปู่เย่ยังจะขายคุณหญิงไปที่เขตบนดอยด้วย ตอนนี้คุณปู่เย่รู้ฐานะของคุณชายน้อยแล้ว อยากจะจัดการกับคุณชายน้อย
เรื่องพวกนี้ที่คุณปู่เย่ทำ ขอแค่เป็นคนต่างก็ไม่สามารถทนได้
นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนจะทำเลยแท้ๆ!!
การขู่ของกู้หวูเป็นเรื่องจริงแน่นอน ไม่มีการหลอกลวงแม้แต่น้อย หากคุณปู่เย่กล้าทำอะไรมั่วๆอีก เขาสามารถจัดการคุณปู่เย่ทิ้งได้เลย
“นี่นายกำลังขู่ฉัน นายกล้าทำอะไรกับฉัน? ฉันเป็นคุณปู่แท้ๆของคุณชายพวกนายเลยนะ” ตลอดหลายปีมานี้คุณปู่เย่ก็ถือว่าเป็นคนที่อยากได้อะไรก็มีอะไรพร้อมเสมอ จะเป็นคนที่สามารถทนการขู่ของกู้หวูได้เหรอ
“เฮอะ คุณปู่เย่ คุณอายุมากแล้ว น่าจะลืมง่ายจริงๆครับ คุณชายของพวกเราตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่แล้ว ตอนนี้คุณชายของเราไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ กับตระกูลเย่แล้ว คุณชายของเราได้รับหมายยืนยันจากสถานีแล้ว ดังนั้น ตอนนี้คุณชายของเราไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับคุณแล้ว คุณควรจะรีบยอมรับความจริงนี้ให้ได้” กู้หวูหัวเราะออกเสียงโดยตรงเลย เวลานี้คุณปู่เย่ก็ยังคิดจะขู่เขาอีก น่าตลกจริงๆ คุณปู่เย่คิดว่าคุณชายบ้านเขาตัดความสัมพันธ์กับเขาแค่เล่นๆเหรอ?
“ซือเฉินคือคนตระกูลเย่ บนร่างกายของเขามีเลือดของตระกูลเย่ไหลเวียนอยู่ จุดนี้ใครก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นเขาไม่สามารถตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่ได้ตลอดไป เขาจะต้องกลับบ้านเย่แน่นอน” น้ำเสียงของคุณปู่เย่สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน มีความโหดแอบแฝงอยู่เล็กน้อย ไม่ว่ายังไงแล้ว เขาต้องให้เย่ซือเฉินกลับบ้านแน่นอน
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยยอมแพ้ซือเฉิน ตอนนี้ยิ่งห้ามยอมแพ้เด็ดขาด ถึงแม้ว่าเมื่อกี้คำพูดของกู้หวูจะเกินไปหน่อย ทว่าธุรกิจของกู้หวูต้องไม่น้อยแน่นอน ต้องเยอะกว่าที่เขารู้ในก่อนหน้านี้แน่นอน ในเมื่อพวกนั้นเป็นของซือเฉิน ก็ควรจะเป็นของตระกูลเย่ ต่างก็ต้องกลับมายังบ้านเย่
“คุณปู่เย่ คุณค่อยๆ ฝันไปเถอะนะครับ” กู้หวูได้ยินคำพูดของคุณปู่เย่แล้ว ไม่รู้แล้วจริงๆ ว่าควรพูดอะไรดี คุณปู่เย่นี่กำลังฝันกลางวันอยู่เหรอ?
ยังพูดด้วยความคุณชายจะต้องกลับบ้านเย่แน่นอน?!
ไม่ง่ายเลยกว่าคุณชายจะสามารถโดดออกมาจากเปลวไฟได้ จะโดดกลับไปได้ยังไง คุณชายไม่ได้โง่สักหน่อย
คุณปู่เย่ใช้สิทธิ์อะไรมาแน่ใจว่าคุณชายจะกลับบ้านเย่แน่นอน? สิทธิ์จากเรื่องพวกนั้นที่คุณปู่เย่และคุณย่าเย่ทำกับคุณชายเหรอ?
หรือว่าจากเรื่องที่คุณปู่เย่ทำกับคุณชายน้อยกับองค์หญิงน้อย?
“คุณปู่เย่ ค่อยๆ ฝันเถอะนะครับ แต่ว่ามีจุดหนึ่งที่ผมจำเป็นต้องพูดอย่างชัดเจนกับคุณก่อน หากคุณยังกล้าลงมือกับคุณชายน้อยและองค์หญิงน้อย ผมกู้หวูจะจัดการคุณแน่นอนครับ ผมกู้หวูพูดออกมาแล้วทำได้แน่นอนครับ ไม่เชื่อสามารถลองดูได้ครับ” กู้หวูพูดเตือนคุณปู่เย่ออกมาอีกครั้ง ครั้งนี้ น้ำเสียงของกู้หวูดูจริงจังขึ้นอีก หนักแน่นขึ้นอีก ไม่มีความหมายว่าพูดเล่นเลย
กู้หวูพูดจบ ก็วางสายไปเลย ปกติแล้วกู้หวูเป็นพวกที่พูดมาก ตอนนี้ไม่อยากจะพูดไร้สาระกับคุณปู่เย่แล้ว เพราะว่าคนอย่างคุณปู่เย่พูดไม่รู้เรื่องจริงๆ
“นี่ เกินไปแล้วนะ กล้ามาวางสายฉันเหรอ” คุณปู่เย่ถูกกู้หวูวางสายไป ทันใดนั้นโมโหจนจะโยนโทรศัพท์ทิ้งแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” คุณย่าเย่ที่ฟังอยู่ข้างๆ มาโดยตลอด ก็ฟังออกบ้าง แต่ก็มีรายละเอียดมากมายที่เธอยังไม่เข้าใจ
“คือคนขององค์กรยมบาลกู้หวูที่อยู่ในองค์กรยมบาล” คุณปู่เย่กำลังโมโหอยู่ น้ำเสียงมีความวู่วามเล็กน้อย “คิดไม่ถึงว่าจะกล้าขู่ฉัน เฮอะ ไม่ช้าก็เร็ว สักวันฉันจะให้เขารู้สึกความเก่งของฉัน”
“เมื่อกี้ฉันได้ยินนายบอกว่า ซือเฉินเป็นหัวหน้าขององค์กรยมบาลเป็นเรื่องจริงไหม?” คุณย่าเย่ได้ยินคำพูดของคุณปู่เย่แล้ว เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเป็นห่วงในจุดนี้มากๆ
“ใช่ องค์กรยมบาลเป็นของซือเฉิน กู้หวูยังบอกอีกว่าซือเฉินยังมีธุรกิจของตัวเองมากมาย กู้หวูบอกว่าธุรกิจของซือเฉินสามารถเทียบกับบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปได้ยี่สิบบริษัท คำพูดนี้เกินไปชัดๆ แต่ว่า ธุรกิจของซือเฉินมากกว่าที่ฉันคิดไว้เยอะมาก” คุณปู่เย่พูดถึงปัญหาเรื่องธุรกิจ ในที่สุดก็โมโหลดลงเล็กน้อย
“งั้นก็ให้คนรีบไปสืบ ดูว่าซือเฉินมีธุรกิจเท่าไหร่กันแน่” นัยน์ตาของคุณย่าเย่เปล่งประกายขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน “องค์กรยมบาลเดียวก็สามารถเทียบกับบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปแล้ว อย่างน้อยตอนนี้พวกเราก็สามารถมั่นใจว่าองค์กรยมบาลเป็นของซือเฉิน”
“อืม องค์กรยมบาลก็คือของซือเฉิน เฮ้อ ซือเฉินก็เป็นของตระกูลเย่ ดังนั้นพวกนั้นต่างก็เป็นของตระกูลเย่” เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าคุณปู่เย่เกรี้ยวกราดจนชินแล้ว คำพูดแบบนี้สามารถพูดออกมาอย่างง่ายดายได้เลย
“เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้ว ซือเฉินมีหลานของพวกเรา เป็นคนตระกูลเย่ของเรา ทั้งหมดที่ซือเฉินมีต่างก็เป็นเราที่ให้ทั้งหมด หากไม่มีเราคอยอบรมสั่งสอนซือเฉิน ซือเฉินไม่มีทางมีผลลัพธ์ที่ดีขนาดนี้แน่นอน อีกอย่างธุรกิจพวกนั้นของซือเฉินก็ต้องใช้ความสัมพันธ์ของบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปจึงจะพัฒนาเจริญได้แน่นอน ดังนั้นพวกนั้นเป็นของบ้านเย่เราอยู่แล้ว” คุณย่าเย่ยิ่งเกินไปกว่าคุณปู่เย่ ยิ่งไร้ยางอายกว่า ฟังจากความหมายของเขาแล้ว ถึงแม้ว่าเย่ซือเฉินจะตักความสัมพันธ์กับตระกูลเย่แล้ว ไม่กลับบ้านเย่ แต่ธุรกิจพวกนั้นของตระกูลเย่ก็ควรจะเป็นของบ้านเย่
ผลประโยชน์และคนในครอบครัววางอยู่ด้วยกัน คุณปู่เย่และคุณย่าเย่ต้องเลือกผลประโยชน์แน่นอน
เมื่อก่อนเป็นแบบนี้ ตอนนี้ก็เป็นแบบนี้ ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาก่อนเลย อีกอย่างพวกเขายังไม่รู้สึกเลยว่าตัวเองทำผิดไป
แย่งสิ่งของของผู้อื่น ก็สามารถแย่งอย่างมีเหตุผลได้
“ถูก คำพูดนี้ของเธอพูดถูกมา หากไม่มีพวกเราก็ไม่มีเย่ซือเฉินในวันนี้ หากไม่มีเบื้องหลังของบริษัทตระกูลเย่กรุ้ป เย่ซือเฉินจะสามารถพัฒนาธุรกิจที่มากมายขนาดนั้นได้ยังไง” คุณปู่เย่ได้ยินคำพูดของคุณย่าเย่แล้วก็รับพยักหน้า เห็นด้วยเป็นอย่างมาก
“เราให้คนไปสืบธุรกิจของเย่ซือเฉินให้ชัดเจนตอนนี้เลย รอให้สืบชัดเจนแล้ว ค่อยทำการจัดการ” ดวงตาของคุณปู่เย่หรี่ตาลงเล็กน้อย คำว่าค่อยจัดการทีหลังมีความหมายที่ลึกซึ้งมาก
“ถูก ถูก รีบส่งคนไปสืบเลย” คุณย่าเย่รีบพยักหน้า นี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
“แน่นอนว่า พวกเราต้องรีบคิดหาวิธีพาซือเฉินกลับมา” คุณย่าเย่ในขณะนี้กำลังรนที่จะให้เย่ซือเฉินกลับมา
“หากซือเฉินมีธุรกิจที่ใหญ่โตขนาดนั้นจริงๆ งั้นต่อจากนี้บ้านเราก็สุดยอดแล้ว ก็จะไม่มีคนกล้ารังแกบ้านเย่เราอีกแล้ว แม้กระทั่งบ้านถังก็สู้บ้านเย่เราไม่ได้แล้ว” คุณย่าถังแค่คิดก็อดดีใจไม่ไหวแล้ว เมื่อก่อนพวกเขาบ้านเย่ยังต้องคอยดูสีหน้าของบ้านถัง เธอยังต้องทำสีหน้าดีๆ ต่อคุณปู่เย่และคุณย่าเย่
ถ้าหากธุรกิจในตอนนี้ของบ้านเย่เพิ่มขึ้นหลายเท่า ถึงขั้นหลายสิบเท่า แน่นอนว่าเธอไม่ต้องดูสีหน้าของบ้านถังแล้ว
เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าคุณย่าเย่ได้นำธุรกิจพวกนั้นของเย่ซือเฉินมาเป็นของตัวเองแล้ว นำธุรกิจพวกนั้นของเย่ซือเฉินมาเป็นของตระกูลเย่แล้ว
“ฮ่าฮ่าฮ่า แน่นอนอยู่แล้ว” คุณปู่เย่อดไม่ไหวหัวเราะอย่างเสียงดัง “พอถึงเวลาถึงแม้ว่าจะอยู่ต่อหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ พวกเราก็ถือว่ามีความมั่นใจแล้ว”
คุณปู่เย่แค่นึกถึงเรื่องนี้ ก็รู้สึกว่าตัวเองสามารถเชิดหน้าโอหังได้แล้ว ไม่ทนกับใครอีกแล้ว
“พอถึงเวลาซือเฉินแต่งงานกับองค์หญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้ รอให้อำนาจพวกนั้นขององค์กรโกสต์ซิตี้ก็กลายเป็นของบ้านเย่เรา บ้านเย่เราก็จะเป็นอันดับหนึ่งของทั้งประเทศ ไม่ คืออันดับหนึ่งของโลก” ความโลภของคุณย่าเย่ไม่น้อยเลยจริงๆ ไม่เพียงแต่คิดถึงธุรกิจของเย่ซือเฉินพอถึงตอนนี้ยังคิดถึงธุรกิจขององค์กรโกสต์ซิตี้ด้วย
“เธอพูดถูกมาก ฉันว่าในไม่ช้าพวกเราก็จะได้เห็นวันนั้นแล้ว” คุณปู่เย่ยิ่งมองในแง่ดียิ่งกว่าคุณย่าเย่ คุณปู่เย่คิดว่าไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน
โลภมากลาภหาย คุณปู่เย่และคุณย่าเย่เป็นคนแบบนั้นแน่นอน พวกเขาโลภมากเกินไปแล้ว อยากจะแย่งทุกอย่างที่อยู่บนโลกนี้มาให้หมด กลายเป็นของตัวเอง แต่ว่าพวกเขาไม่รู้ว่า การที่โลภเกินไปจะต้องเสียบางอย่างไปแน่นอน……