ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1264 คุณชายสามเย่ที่ไม่ได้ดั่งใจ (1)
ถึงแม้ว่าหากทำในสิ่งที่คิดจริงๆ พวกเขาอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ขององค์กรโกสต์ซิตี้ แต่ก็ยังดีกว่าตอนนี้ สถานการณ์แบบนี้ขององค์กรโกสต์ซิตี้ทำให้ในใจของเขาไม่สงบจริงๆ
“ฉันได้ยินมู่หรงดัวหยางเคยพูดไว้ ว่าภายในขององค์กรโกสต์ซิตี้นั้นจริงๆแล้วเข้มงวดมาก อีกทั้งมู่หรงดัวหยางยังบอกด้วยว่าหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้เป็นคนใจคอกว้างขวางและตรงไปตรงมา แล้วก็เป็นคนที่หยิ่งและมั่นใจในตัวเองด้วยเช่นกัน ดังนั้นหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้คงจะไม่ใช้อุบายอะไรที่โหดร้ายหรอกค่ะ” ก่อนหน้านี้เวินลั่วฉิงก็ระวังเป็นอย่างมากมาโดยตลอด แต่ไม่รู้ทำไม จิตใต้สำนึกของเธอมักจะรู้สึกว่าหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้จะไม่ทำเรื่องหน้าเนื้อใจเสือแบบนั้น
เมื่อคำพูดของเวินลั่วฉิงพูดออกไปแล้วนั้น ทุกคนต่างก็มองมาทางเวินลั่วฉิงพร้อมกัน
“ทำไมคะ? ฉันพูดผิดอย่างนั้นหรือ?” เวินลั่วฉิงที่ถูกทุกคนมองแบบนี้แล้ว ก็รู้สึกงุนงงขึ้นมาบ้าง
“ฉิงฉิง นั่นล้วนแต่เป็นข่าวลือทั้งนั้น ข่าวลือไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นความจริง อีกทั้งเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้หัวหน้าก็เพิ่งจะหาตัวกลับมาได้ จะไม่รักได้อย่างนั้นหรือ? คนที่เป็นพ่อก็จะต้องปกป้องอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นได้ยินมาว่าหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้คนนี้ยังเป็นคนที่เข้าข้างพวกของตัวเองมากอีกด้วย” เฟิ่งเหมียวเหมียวมองไปยังเวินลั่วฉิง สีหน้าท่าทางดูซับซ้อนอย่างเห็นได้ชัด
“เรื่องเหล่านั้นที่พวกเขาองค์กรโกสต์ซิตี้ทำกับพวกเรามีเรื่องไหนที่ไม่ดูหน้าเนื้อใจเสือบ้าง?” ท่านย่าถังเองก็ส่ายหน้าช้าๆ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเวินลั่วฉิง
“นั่นไป๋หยิงหยิงเป็นคนทำ…….”เวินลั่วฉิงแย้งกลับไปโดยจิตใต้สำนึก เรื่องราวเหล่านั้นไป๋หยิงหยิงเป็นคนทำ ไม่ได้เกี่ยวกับหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้เลย
“เตรียมป้องกันเอาไว้มากหน่อยก็ไม่ผิดนี่” ถังหยุนเฉิงไม่ได้สงสัยในคำพูดของเวินลั่วฉิงโดยตรง แต่ความหมายนั้นก็ชัดเจนมากแล้วเช่นกัน
มุมปากของเวินลั่วฉิงตกลงเล็กน้อย ดูแล้วทุกคนไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเธอ ถ้าอย่างนั้นก็คิดเสียว่าเธอไม่ได้พูดก็แล้วกัน แต่เธอเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกันว่าเมื่อครู่นี้ทำไมจู่ๆถึงอยากจะพูดแทนหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้คนนั้น ราวกับในจิตใต้สำนึกของเธอก็เชื่อว่าหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ไม่ใช่คนแบบนั้น
หลังจากนั้นถังหยุนเฉิงก็เรียกถังหลินกับเย่ซือเฉินมาปรึกษาเรื่องบางอย่างที่ห้องหนังสือ
เวินลั่วฉิงก็ไปจัดการให้เด็กๆทั้งสองคนเข้านอน
หลังจากที่กลับมายังตระกูลถังแล้ว ถังจื่อซีก็หวังที่จะมาพัวพันอยู่กับเวินลั่วฉิงอยู่ตลอด และจะนอนกับเวินลั่วฉิงด้วย แต่คืนนี้ถังจื่อซีกลับจะนอนเอง
บ้านของตระกูลถังใหญ่มาก มีห้องเยอะ มีจัดห้องของถังจื่อซีเอาไว้แล้ว
เวินลั่วฉิงเห็นว่าถังจื่อซียืนยันว่าจะนอนเอง จึงพาถังจื่อซีไปส่งที่ห้องของถังจื่อซีเอง
ถังจื่อโม่ไม่ต้องให้เธอเป็นกังวลอยู่แล้ว อีกทั้งถังจื่อโม่ก็นอนคนเดียวมาโดยตลอด
เวินลั่วฉิงจัดการลูกทั้งสองคนเรียบร้อยแล้วนั้นก็กลับมายังห้องตัวเอง เย่ซือเฉินก็รอเธออยู่ในห้องของเธอแล้ว
หลังจากที่เธอกลับมายังตระกูลถัง นี่เป็นครั้งที่สองที่เย่ซือเฉินเข้ามาในห้องของเธอ ครั้งที่แล้ว เย่ซือเฉินแอบเข้ามาในห้องของเธอ ผลปรากฏว่าถูกท่านย่าถังเจอเข้า แน่นอนว่าครั้งนี้ท่านย่าถังไม่ได้ขัดขวางเขาอีกแล้ว ดังนั้นครั้งนี้คุณชายสามเย่จึงเข้ามาได้อย่างเปิดเผยบริสุทธิ์ใจ
พอเวินลั่วฉิงเข้าห้องมา เย่ซือเฉินก็กอดเธอเอาไว้ หลังจากนั้นก็เอาหลังของเธอกดเข้าไว้กับผนังห้อง แล้วริมฝีปากของเขาก็ประทับตามลงมา จูบเธอเข้าอย่างแรง
ช่วงไม่กี่วันนี้ เขาคิดถึงเธอ คิดถึงจนแทบบ้า!!
“คุณชายสามเย่ นับวันยิ่งกล้าขึ้นมากแล้วนะคะ ที่นี่คือตระกูลถังนะ คุณไม่กลัว……” ไม่ใช่ง่ายๆที่เวินลั่วฉิงจะหาช่องว่างออกมาหายใจและสามารถพูดออกมาได้
“วางใจได้เลยครับ ตอนนี้ท่านย่าถังไม่ขัดขวางผมอีกแล้ว เพราะฉะนั้นไม่มีคนมารบกวนพวกเราแล้ว” ตอนที่คุณชายสามเย่พูดประโยคนี้นั้น น้ำเสียงดูหอบๆอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้ว่าคุณชายสามเย่จะบอกว่าไม่มีคนมารบกวนพวกเขา แต่คุณชายสามเย่ก็ยังคงล็อคประตูอยู่ดี
พรุ่งนี้เช้าตรู่พวกเขาจะไปจดทะเบียนสมรสกัน เมื่อคุณชายสามเย่คิดถึงเองนี้แล้วก็อดที่จะตื่นเต้นและอดที่จะมีความสุขขึ้นมาไม่ได้ ดังนั้นจูบของเขานั้นจึงยิ่งเพิ่มความบ้ำระห่ำและความรุนแรงมากยิ่งขึ้นไปอีก
เขาจูบเธอ แล้วโอบร่างของเธอเอาไว้ ตั้งแต่ตรงหน้าประตูจนถึงตรงข้างเตียง หลังจากนั้นก็กดตัวเธอไว้บนเตียง
ไม่ให้เธอได้มีโอกาสดึงสติกลับมาได้เลยแม้แต่นิดเดียว ร่างของเย่ซือเฉินก็กดทับลงที่เธอ ส่วนริมฝีปากของเขานั้นก็ไม่ได้ออกห่างจากริมฝีปากของเธอเลยอีกด้วย จูบของเขาเองก็ไม่ได้หยุดชะงักไปแม้แต่น้อยเลยเช่นกัน เวลานี้คุณชายสามเย่ดูจะหมกมุ่นมากเกินไป เวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นใคร เรื่องอะไรล้วนแต่ไม่สามารถมาขัดขวางการที่เขาจูบเธอได้เลย!!
เพียงแต่เวลานี้เอง จู่ๆด้านนอกประตูกลับมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เสียงหนึ่งตามมา เสียงหนึ่งที่ชัดเจนขึ้น และเสียงที่ดูรีบร้อนขึ้น…….
เดิมทีคุณชายสามเย่ไม่อยากจะสนใจ แต่เสียงเคาะประตูนั้นก็ยิ่งดังขึ้น จังหวะของเสียงนั้นก็ยิ่งดูรีบร้อนขึ้นด้วย เหมือนกับเร่งเอาชีวิตอย่างไรอย่างนั้น คุณชายสามเย่ถึงแม้จะคิดอยากมองข้ามไม่สนใจก็เป็นไปไม่ได้เลย ถึงอย่างไรที่นี่ก็คือตระกูลถัง คุณชายสามเย่ก็ยังไม่กล้าทำตามอำเภอใจมากเกินไปอยู่แล้ว
การเคลื่อนไหวของคุณชายสามเย่หยุดลงในที่สุด ใบหน้าอึมครึมอย่างเห็นได้ชัด ใครที่ไม่มีแววตาบอกนัยแบบนี้กัน มาเคาะประตูในเวลานี้?
คุณชายสามเย่รู้สึกว่าจะต้องเป็นถังหลินอย่างแน่นอน ตอนนี้ตระกูลถังก็ยอมรับเรื่องของเขากับฉิงฉิงแล้ว แม้แต่ท่านย่าถังเองก็ยินยอมแล้วด้วยเช่นกัน ลูกสองคนเขาก็ปรึกษากับพวกเขาดีแล้ว ให้ลูกทั้งสองคนนอนกันเองในคืนนี้
ดังนั้นเวลานี้นอกจากถังหลินแล้ว เย่ซือเฉินก็รู้สึกว่าไม่น่าจะมีคนอื่นอีกแล้ว
อีกทั้งคนที่อยู่ด้านนอกเคาะประตูเพียงเท่านั้น ไม่ได้พูดออกมา แสดงว่าตั้งใจ
“ไม่ต้องสนเขา” เย่ซือเฉินแอบกัดฟัน จนสามารถได้ยินเสียงฟันเสียดสีกันอีกด้วย ดูแล้วเวลานี้ท่าทางของคุณชายสามเย่สามารถจะกัดคนให้ตายได้อยู่ทุกเวลา
เวินลั่วฉิงเห็นท่าทางของเขาแล้ว อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ : “คุณไม่สนใจเขา เขาก็จะเคาะต่อไปเรื่อยๆนะคะ”
ได้ยินเสียงเคาะประตูไม่จบไม่สิ้นอยู่ด้านนอกแล้ว เวินลั่วฉิงไม่ได้รู้สึกสงสัยเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าหากเธอกับเย่ซือเฉินไม่เปิดประตู คนทางด้านนอกจะต้องเคาะอยู่แบบนี้ตลอดอย่างแน่นอน
เวินลั่วฉิงเองก็รู้สึกว่าเป็นไปได้ที่จะเป็นถังหลิน
เสียงเคาะประตูดูเหมือนจะดังยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเร็วขึ้นอีกด้วย คุณชายสามเย่กัดฟัน หลังจากนั้นก็รีบลุกขึ้น แทบจะพุ่งไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว แล้วเปิดประตูห้อง : “ทางที่ดีที่สุดคือนายบอกเหตุผลที่จะไม่ให้ฉันตีนายที”
คุณชายสามเย่แน่ใจว่าคนที่อยู่ด้านนอกนั้นคือถังหลิน อีกทั้งเวลานี้คุณชายสามเย่ยังดูโมโหอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย ดังนั้นยังไม่ได้ได้ดูคนที่อยู่ข้างนอกให้ชัดเจนก็เอ่ยพูดออกไปก่อนแล้ว
“นี่เธอจะตีใครน่ะ?” ด้านนอก เสียงหนึ่งดังขึ้น แต่ไม่ได้ดูเด็ดขาดนัก ดูเหมือนจะแฝงยิ้มเอาไว้
ตอนที่เห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตู คุณชายสามเย่อึ้งไปอย่างเห็นได้ชัด : “ลุงถาง”
คุณชายสามเย่คิดไม่ถึงเลยว่าข้างนอกนั้นจะไม่ใช่ถังหลิน แต่กลับเป็นถังหยุนเฉิง ถังหยุนเฉิงเป็นคนจริงจังมาโดยตลอด ไม่เคยหยอกล้อกับใครเลยมาก่อน และยิ่งจะไม่แกล้งคนอีกด้วย เมื่อครู่นี้เขาเพิ่งจะคุยกับถังหยุนเฉิงเสร็จ สิ่งที่จำเป็นต้องพูดถังหยุนเฉิงก็พูดมาแล้ว คุณชายสามเย่ไม่รู้สึกว่ามีเรื่องอะไรที่สำคัญที่ถังหยุนเฉิงจะต้องมาเคาะประตูบอกเขาอีก
“ซือเฉิน ทำไมเดินเร็วขนาดนั้น ฉันหันไปแป็ปเดียวก็ไม่เห็นเธอแล้ว ฉันยังมีเรื่องจะคุยกับเธออีก” ถังหยุนเฉิงยืนมองเย่ซือเฉินอยู่ด้านนอก เวลานี้สีหน้าท่าทางของถังหยุนเฉิงนั้นจริงจังมาก ราวกับว่ามีเรื่องที่สำคัญมากๆจะพูดกับเย่ซือเฉิน