ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1330 เรื่องพลิกผัน เฮฮาล่ะสิทีนี้ (2)
โจ๋วชิงย่นคิ้ว เป็นปัญหาที่ชวนปวดหัวเสียจริง“หยวนหยูอยู่ในเมืองA พ่อของเธอก็ต้องอยู่ในเมืองAแน่ ข้อมูลที่พวกเราสืบประวัติของหยวนหยูตลอดแปดปีที่ผ่านมา ไม่ได้มีข้อมูลเกี่ยวกับคุณพ่อเธอเลย ดังนั้นคุณพ่อของหยวนหยูน่าจะอยู่ในห้องผ่าตัดของโจ๋วอันหนานตลอด ทั้งห้องผ่าตัดและห้องคนไข้รวมกันต้องมีพื้นที่ไม่น้อยเลย และต้องเป็นที่ลับหูลับตาผู้คนด้วย มีบ้านที่เป็นชื่อของโจ๋วอันหนานลักษณะนี้ไหม?”ก่อนหน้านี้เวินลั่วฉิงก็เคยตรึกตรองถึงปัญหานี้ เวินลั่วฉิงคิดว่าห้องผ่าตัดของโจ๋วอันหนานน่าจะอยู่ในบ้านที่มีชื่อเธอเป็นเจ้าของ
แน่นอน ไม่ยากเลยที่จะสืบบ้านในชื่อของโจ๋วอันหนาน แต่หากจะเข้าไปโดยที่โจ๋วอันหนานไม่อนุญาตนั้นยากมาก ทว่าหากมีโจ๋วชิงเป็นธุระนี้ให้ก็จะง่ายขึ้นมาก เพราะโจ๋วชิงเป็นน้องชายของโจ๋วอันหนาน
ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่เวินลั่วฉิงขอความช่วยเหลือจากโจ๋วชิง
“คุณพูดอย่างนี้ผมก็นึกบ้านของเธอในเมืองAได้หลังหนึ่ง บ้านหลังนี้ปลูกอยู่ที่ชานเมืองทางทิศเหนือของเมืองA เป็นคฤหาสน์เดี่ยว ตัวเธอเองก็ไปน้อยมาก ส่วนผมไม่เคยไปเลย และเธอก็ไม่เคยพาคนอื่นไปด้วย”ถึงอย่างไรโจ๋วชิงก็เป็นน้องชายแท้ๆของโจ๋วอันหนาน จึงยังพอรู้เรื่องราวของโจ๋วอันหนานบ้าง ดังนั้น เวินลั่วฉิงเปรยให้ฟังแล้ว เขาก็นึกที่นี่ออก
“คุณหาทางเข้าไปได้ไหม?”ดวงตาเวินลั่วฉิงวาวโรจน์ เดิมที่เธอก็ไม่ได้หวังอะไรจากโจ๋วชิงมากนัก คาดไม่ถึงว่าโจ๋วชิงจะให้เบาะแสมากขนาดนี้
แต่ต้องไปดูก่อนถึงจะรู้ว่าคุณพ่อหยวนหยูอยู่ในคฤาสน์หลังนั้นหรือเปล่า
ทางที่ดีที่สุดในตอนนี้คือ ไปสืบโดยที่ไม่ให้โจ๋วอันหนานไหวตัวทัน หากอีกฝ่ายรู้เมื่อไหร่ เธอกังวลว่าอีกฝ่ายจะย้ายคนหนีอีก
“ผมไม่เคยไป ไม่มีกุญแจบ้าน……”โจ๋วชิงรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย เพียงแต่ดวงตาของเขากระพริบรัวเร็ว จากนั้นก็เอ่ยกะทันหันว่า“หาคนไปไขกุญแจคงไม่ยาก”
ถึงขั้นนี้แล้ว เขารู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นสุภาพชนอีก
“ได้ ความคิดนี้ไม่เลว” เวินลัวฉิงผงกศีรษะเห็นด้วย เธอกังวลว่าหากยืดเยื้อต่อไปจะทำให้โจ๋วอันหนานไหวตัวทัน ดังนั้นวิธีการของโจ๋วชิงถูกใจเธอมาก
“แล้วยังรออะไรอีก ไปตอนนี้เลย จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นอีก”ยากนักที่จะเห็นคุณชายสองโจ๋วทำเรื่องงัดแงะแกะค้นเช่นนี้ ดังนั้นท่าทางจึงแลดูดีใจเป็นพิเศษ ในเมื่อตัดสินใจแล้วก็รีบลงมือปฏิบัติกันเถอะ
เวินลั่วฉิงมองหน้าเขา แววตาเผยรอยยิ้มหลายส่วน บอกตามตรง เธอคิดไม่ถึงว่าคุณชายสองโจ๋วจะมีแง่มุมนี้กับเขาด้วย ทำให้เธอทั้งรู้สึกดีใจระคนความประหลาดใจ เมื่อคุณชายสองโจ๋วลั่นวาจาเช่นนี้แล้ว เวินลั่วฉิงก็ยิ่งไม่ชักช้า “ได้ ฉันจะติดต่อกับกู้หวู เขามีลูกน้องถนัดเรื่องนี้”
“อืม ผมจะให้คนดูแลการต้มยาทางนี้ ผมจะไปกับคุณด้วย มีผมอยู่ก็จะลดความยุ่งยากได้ไม่น้อย”โจ๋วชิงเป็นคนฉลาด จึงคิดอะไรรอบคอบมาก ความมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับโจ๋วอันหนาน หลังจากลงมือทำแล้วโจ๋วอันหนานคิดจะแจ้งความพวกเขา เขาก็ยังพอมีข้ออ้างอะไรอยู่บ้าง เพราะตอนนี้ยังมีทั้งคุณพ่อคุณแม่อยู่ พวกท่านก็ไม่ให้ตนขึ้นศาลเพราะเรื่องนี้หรอก
สาเหตุที่เวินลั่วฉิงมาหาโจ๋วชิงก็เพราะอย่างนี้ เมื่อได้ยินโจ๋วชิงพูดแบบนี้ เธอก็พึงพอใจมาก เธอพบว่าคุณชายสองโจ๋วไม่ได้จืดชืดแบบหัวโบราณเฉกเช่นปกติ
อันที่จริงคุณชายสองโจ๋วน่ารักมากเลยทีเดียว
บอกทำก็ทำเลย เวินลั่วฉิงติดต่อกู้หวูทันที กู้หวูจัดคนถนัดเรื่องงัดแงะแกะค้นกุญแจมาตามที่อยู่ที่เวินลั่วฉิงส่งไปให้ เช่นนี้ก็ประหยัดเวลาได้มากขึ้น
โจ๋วชิงหาคนที่เขาเชื่อใจและพึ่งพิงได้ที่สุดมาช่วยต้มยาสมุนไพร พอกำชับคนนั้นเสร็จก็ให้ส่งเข้าไปที่ห้องคนไข้ จากนั้นเขากับเวินลั่วฉิงก็ออกจากโรงพยาบาลไป
เพราะคฤหาสน์ของโจ๋วอันหนานหลังนี้อยู่ชานเมือง ระยะทางจึงไกลพอสมควร เวินลั่วฉิงกับคุณชายสองโจ๋วขับรถไปเกือบสองชั่วโมงจึงจะถึง
ตอนที่พวกเขาไปถึง กู้หวูกับลูกน้องที่ถนัดไขกุญแจก็มารอพวกเขาก่อนแล้ว
“คุณนายครับ คนมาแล้วครับ”กู้หวูเห็นเวินลั่วฉิงก็มีท่าทางนอบน้อม กู้หวูรู้ว่าลูกพี่ปักใจรักเวินลั่วฉิง ขนาดลูกพี่ยังฟังเวินลั่วฉิงเลย แล้วเขาจะไม่เคารพได้อย่างไร?
“อืม” เวินลั่วฉิงพึ่งเจอหน้ากู้หวูครั้งแรก เบอร์ของกู้หวูเธอขอมาจากเย่ซือเฉิน เวินลั่วฉิงรู้สึกขำกับท่าทางมีสัมมาคารวะของกู้หวูในตอนนี้
เวินลั่วฉิงรู้ว่ากู้หวูดูแลเกือบทุกอย่างในองค์กรยมบาล ปกติเย่ซือเฉินไม่ค่อยแทรกแซง เธอพอจะได้ยินสิ่งที่องค์กรยมบาลทำ คนแบบนี้มานอบน้อมถ่อมตน มันรู้สึกไม่เข้ากันเสียเลย
“อึ้งอยู่ทำไม ลงมือสิ” เวินลั่วฉิงเห็นกู้หวูยังคงยืนอย่างสุภาพเรียบร้อย คนที่ติดตามมาด้วยก็ยืนนิ่งไม่ไหวติง เวินลั่วฉิงจึงต้องเร่งขึ้นมา
“รีบหน่อย” กู้หวูรีบสั่งลูกน้องที่ยืนอยู่ด้านหลัง
ลูกน้องไม่กล้าชักช้า ก้าวไปเริ่มปฏิบัติหน้าที่ตรงหน้าทันที
“คุณนายครับ อันนี้จะทำอะไรครับ?”ปกติกู้หวูก็เป็นคนช่างพูดช่างจาอยู่แล้ว บวกกับมีความอยากรู้อยากเห็นมาก จึงข่มกลั้นความสอดรู้ในใจไม่ไหว
“เข้าไปปล้นด้านใน” เวินลั่วฉิงหันไปมองเขาปราดหนึ่ง พลางตอบอย่างขึงขังจริงจัง สีหน้าเข้มขรึมยิ่งนัก
เวินลั่วฉิงเห็นมือคนที่ไขกุญแจสั่นเทา จากนั้นก็หยุดการกระทำ ทว่าแค่หยุดชั่วครู่เท่านั้น จากนั้นก็ทำงานต่อ ซึ่งไขกุญแจนี้ยากมาก เป็นเพราะโจ๋วอันหนานมีความระมัดระวัง จึงใช้ของที่มีเทคโนโลยีสูง
“เข้า……ไปปล้นด้านในเหรอครับ?”ไม่รู้ว่ากู้หวูประหลาดใจหรือตกใจ ขณะนี้จึงพูดตะกุกตะกัก ถึงแม้องค์กรยมบาลของพวกเขาทำงานที่ซับซ้อนหน่อย แต่ก็ไม่เคยทำอะไรที่ผิดกฎหมายมาก่อน
ตอนนี้คุณนายถึงกับจะเข้าไปขโมย ทั้งยังเปิดเผยเช่นนี้?
ทำกลางวันแสกๆอย่างนี้จะดีเหรอ?
คุณนายล้อเล่นใช่ไหม?
แต่ดูเหมือนไม่ได้ล้อเล่นนะ การหาคนถนัดเฉพาะทางมาไขกุญแจ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่บ้านตัวเอง
“ทำไมเหรอ?”เวินลั่วฉิงกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง คนผู้นี้ดูแลองค์กรยมบาล มีเรื่องเสี่ยงอันตรายกว่าหลายเท่ามากมาย ไม่ถึงขั้นต้องตกใจขนาดนี้หรอกมั้ง?
“คุณนายครับ เรื่องเล็กๆอย่างนี้มอบหมายให้ผมทำก็ได้แล้วครับ ไม่จำเป็นต้องมาด้วยตัวเองเลยครับ คุณนายหลบไปก่อนเถอะครับ เรื่องต่อจากนี้มอบหมายให้ผมทำเองเถอะครับ คุณจะแย่งชิงอะไร ผมรับรองว่าจะแย่งมาให้แน่นอนครับ”กู้หวูไม่ได้เกรงกลัวอยู่แล้ว ถึงแม้กู้หวูจะรู้ว่าผิดกฎหมาย ทว่าคุณนายจะทำ เขาก็จะช่วยคุณนาย
ทว่า เขาให้คุณนายเสี่ยงไม่ได้ มอบหมายให้เขาทำก็พอ
มุมปากเวินลั่วฉิงยกโค้งขึ้น เย่ซือเฉินเป็นยอดคนจริงๆ และมีคนภักดีล้วนๆ
“คุณนายอยากแย่งชิงอะไรเหรอครับ บอกผมได้เลย ผมรับรองว่าจะต้องทำสำเร็จแน่นอนครับ คุณนายไม่จำเป็นต้องมาที่นี่จริงๆครับ”เวลานี้กู้หวูเร่งเร้าให้เวินลั่วฉิงกลับไป ไม่อยากให้เธอมีอันตรายใดๆทั้งสิ้น สิ่งที่คุณนายปรารถนา เขาจะทำให้ลุล่วงเอง
“แย่งคน” เวินลั่วฉิงลอบหัวเราะอยู่ในใจ ทว่าใบหน้ายังคงวางมาดเข้มขรึม เวินลั่วฉิงรู้สึกว่ากู้หวูคนนี้ก็ตลกมากเหมือนกัน
นิสัยกู้หวูต่างจากเย่ซือเฉินลิบลับ ไม่รู้ว่าปกติกู้หวูอยู่ร่วมกับเย่ซือเฉินอย่างไร
กู้หวูคุยเป็นคุ้งเป็นแควอย่างฉายชัด ปกติเย่ซือเฉินรำคาญกู้หวูพูดมากบ้างไหมนะ?
“แย่งคนเหรอครับ?” ครั้งนี้กู้หวูตกตะลึงมาก เข้าไปปล้นก็ถึงว่าบ้าบิ่นแล้ว คุณนายยังคิดจะปล้นคนอีก คุณนายอยากปล้นใครกันนะ?
“คุณนายอยากปล้นใครครับ?” ชั่วพริบตาเดียว สมองของกู้หวูมีความคิดมากมายถาโถมเข้าใส่ เขาคิดดูแล้วเสริมอีกหนึ่งประโยคว่า “ผู้ชายหรือผู้หญิงครับ?”
ไม่ใช่ว่าคุณนายจะปล้นแมงดาหรอกนะ?หากเป็นเช่นนี้จริง คาดว่าลูกพี่ต้องเล่นงานเขาแน่
ทันใดนั้นกู้หวูรู้สึกความหนาวเหน็บที่คอ และรู้สึกชาบริเวณหนังศีรษะ กู้หวูดูแลองค์กรยมบาลมาหลายปี เคยพบอุปสรรคนานัปการ ซึ่งเขาไม่เคยเกรงกลัวมาก่อน ทว่าตอนนี้กู้หวูรู้สึกลัวจริงๆ
สายตาทั้งคู่ของกู้หวูจับจ้องไปยังเวินลั่วฉิง รอคอยคำตอบจากเวินลั่วฉิง ตอนนี้เขากลัวเวินลั่วฉิงจะปล้นผู้ชายมาก
ขออย่าได้เป็นผู้ชายเลย ขอเถอะ กู้หวูอธิษฐานในใจไม่หยุดหย่อน
ทว่าไม่มีทวยเทพได้ยินคำอธิษฐานของเขา
“ผู้ชาย” มุมปากเวินลั่วขยับแล้วตอบคำถามโดยตรง ทันใดนั้นสองขาของกู้หวูอ่อนเปลี้ยกะทันหัน