ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1353 ปิดบังอะไร(1)
ขณะนั้นถังหลินเดินอ้อมไปยังด้านหลังของซุ้ม เขาเห็นหลินเป้ยยืนแอบอยู่หลังซุ้ม แต่ตอนนี้เธอหันหลังให้เขาอยู่จึงไม่เห็นเขา ถังหลินจึงยืนมองเธออยู่ด้านหลัง
มุมปากของถังหลินหยักเป็นรอยยิ้มบางๆ ที่ไร้สุ้มเสียง อยากที่เขาจะรู้ว่าตอนนี้เขาโกรธหรือว่ากำลังสนุกกันแน่ ถังหลินยืนอยู่เช่นนั้นไม่ยอมเรียกหลินเป้ย เพราะเขาอยากรู้ว่าหลินเป้ยคิดจะทำอะไรกันแน่
หลินเป้ยยังคงไม่หันตัวมาจึงไม่ได้มองไปด้านหลัง ในใจของเธอคิดแค่ว่าถังหลินไปแล้วหรือยัง จึงไม่ได้สังเกตได้ถึงความผิดปกติ
เวลาผ่านไปเพียงครู่เดียว แต่หลินเป้ยรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านมาเนิ่นนานแล้ว เธอคำนวณเวลาและคิดว่าตอนนี้ถังหลินน่าจะไปแล้ว ถังหลินเป็นคนเนี๊ยบตลอด ตอนนี้จึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะยังคงอยู่ในสนามบิน
เวลาผ่านไปเนิ่นนานแล้วแต่ถังหลินยังคงไม่ได้ตามหาเธอ แสดงว่าเมื่อครู่นี้ถังหลินไม่เห็นเธอ
หลินเป้ยแอบถอนใจเบาๆ แต่เธอก็ยังคงไม่วางใจ เธอค่อยๆ สอดส่องโดยยังไม่ได้เดินออกไปจากซุ้ม เพียงแค่ยื่นหน้ามองออกไปทางปากประตู
หลินเป้ยมองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นถังหลิน นาทีนั้นเธอจึงถอนใจอย่างโล่งอก เพราะคิดว่าถังหลินออกจากที่นี่ไปแล้ว
เมื่อถังหลินเห็นเธอถอนใจอย่างนั้น คิ้วของเขาจึงเลิกสูงขึ้น เธอคิดว่าเธอหลบเขาสำเร็จสินะ
ถังหลินก้าวเท้าเข้าไปยืนอยู่ด้านหลังเธออย่างไร้สุ้มเสียง และหยุดยืนห่างเธอไม่เกินหนึ่งเมตร จากนั้นจึงเอ่ยปากออกมาว่า “หาอะไรอยู่หรือ”
“ก็ดูว่าคน……” หลินเป้ยที่เพิ่งจะถอนหายใจ ตอนนี้กำลังอยู่รู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเสียงคนเธอจึงเอ่ยตอบออกไปตามสัญชาตญาณ
แต่เธอยังตอบไม่จบประโยคกลับรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติขึ้นมาก่อน ใครเป็นคนถามเธอ
เสียงนี้? เสียงนี้คือ?
ทำไมถึงคุ้นหูขนาดนี้
ใช่ คุ้นหูมากจริงๆ
แววตาของหลินเป้ยสว่างวาบ เสียงนี้ เสียงนี้คือ
ถังหลิน?
เสียงของถังหลินมีลักษณะพิเศษ เธอมั่นใจว่าเธอไม่ได้ฟังผิด
เสียงดังมาจากด้านหลัง ดังนั้นคนคนนั้นอยู่ด้านหลังเธอ
เวลานี้ถังหลินยืนอยู่ด้านหลังเธอ?
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ ร่างกายของหลินเป้ยจึงแข็งทื่อ ความคิดแรกของเธอคืออยากจะหนี
หนีไปให้พ้นถังหลิน หนีไปให้ไกลๆ จากเขา
แต่ยังโชคดีที่เธอยังมีสติอยู่บ้าง เธอรู้ดีว่าในสถานการณ์เช่นนี้ เธอหนีเขาไม่พ้น อีกอย่างถ้าเธอหนีไปตอนนี้จะทำให้เรื่องราวซับซ้อนยากจะอธิบายมากยิ่งขึ้น
หลินเป้ยแอบถอนใจ จากนั้นจึงยืนตัวตรงแล้วค่อยๆ หันหน้าไป
จากนั้นเธอจึงหันไปสบตาเข้ากับดวงตากึ่งยิ้มกึ่งบึ้งของถังหลิน แถมใบหน้านั้นยังอยู่ใกล้เธอเสียจนเห็นได้ถนัดตาอีกด้วย
หลินเป้ยไม่ได้คิดมาก่อนว่าถังหลินจะเข้ามาใกล้เธอขนาดนี้ เมื่อหันตัวไปเช่นนั้น ตัวของเธอก็แทบจะเข้าไปซุกอยู่ในอกของถังหลิน
หลินเป้ยถอยหลังกลับโดยสัญชาตญาณ แต่ด้านหลังของเธอคือซุ้มเล็ก เธอจึงไม่มีทางหนีไปไหนได้
ถังหลินยกมือขึ้นข้างหนึ่งเท้าไว้บนซุ้มเล็ก ซึ่งตรงกับตำแหน่งด้านซ้ายของหลินเป้ยพอดี
“ไหนว่ามาซิ เมื่อกี้กำลังมองหาอะไร” ถังหลินมองเธอด้วยดวงตาที่เคลือบไปด้วยรอยยิ้ม แต่กลับทำให้ใจของหลินเป้ยสั่นเบาๆ
เธอคิดไม่ถึงว่าจะโดนจับได้อย่างจังแบบนี้ แล้วเธอจะอธิบายอย่างไร เธอยังอธิบายอะไรได้ด้วยหรือ
“ไม่ได้มองอะไร ก็แค่ดูวิวรอบๆ น่ะ” หลินเป้ยรู้สึกตื่นเต้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้เมื่อถังหลินวางท่าทางเช่นนี้ก็คล้ายว่ากำลังจะล็อกร่างกายด้านบนของเธอเอาไว้ ยิ่งทำให้เธอตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก เธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอตอนนี้เต้นเร็วเป็นพิเศษ
เธอถึงขั้นรู้สึกว่าสมองอันชาญฉลาดของเธอเวลานี้ไม่สามารถทำงานได้เช่นเดิม ดังนั้นในช่วงเวลาที่หลินเป้ยยังไม่ได้สติดีนักเธอจึงตอบคำถามโดยอ้างออกไปอย่างส่งเดช
“ดูวิว?” คิ้วของถังหลินขมวดขึ้น “เจ้าชายน้อยของญี่ปุ่นออกมาสนามบินกลางดึก แถมยังมายืนแอบอยู่หลังซุ้มเพื่อชมวิว?”
“ทำไมเหรอ ไม่ได้รึไง เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย” หลินเป้ยเองก็เริ่มรู้ตัวเช่นกันว่าข้ออ้างขอตนเมื่อกี้ไม่ได้เรื่องเอาซะเลย ตอนนี้เมื่อได้ยินน้ำเสียงเยาะเย้ยของถังหลินแบบนี้ เธอก็ยิ่งรู้สึกกลัดกลุ้ม
เธอยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงได้ซวยขนาดนี้ ทำไมถึงต้องมาเจอถังหลินที่สนามบินด้วย
แถมเธอยังแอบเขาไม่พ้น และโดนจับได้คาหนังคาเขา ทีนี้จะทำยังไงต่อไป
ถ้ารู้แต่แรกว่าจะเป็นแบบนี้เธอคงไม่แอบ สู้เดินเข้าไปอย่างสง่างามดีกว่าและทำเหมือนว่าถังหลินเป็นคนแปลกหน้าคนหนึ่ง สถานการณ์แบบนั้นยังดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้
เมื่อกี้ทำไมเธอต้องหลบน่ะหรือ ทำไมเธอต้องหลบ?
หลินเป้ย เธอโง่จริงๆ เลย ทั้งๆ ที่รู้ว่าถังหลินร้ายกาจขนาดไหน ทำไมถึงชะล่าใจต่อหน้าเขา
แต่ตอนนี้สถานการณ์ก็เป็นแบบนี้ไปแล้ว ไม่มีทางเลือกอื่นอีก และด้วยความกลัดกลุ้มและความโมโหข้างใน ดังนั้นคำพูดเมื่อกี้ของเธอจึงฟังดูแล้วไร้เหตุไร้ผล
หากเป็นเมื่อก่อนหลินเป้ยไม่มีทางเป็นแบบนี้ แต่เวลานี้เห็นได้ชัดว่าหลินเป้ยไม่รู้สึกตัวเรื่องนี้
การตั้งครรภ์ทำให้คนคนหนึ่งเปลี่ยนไปมาก โดยเฉพาะกับคนที่กำลังแพ้ท้องอย่างรุนแรงในช่วงแรก ทำให้สติสัมปชัญญะไม่ค่อยจะดีนัก อารมณ์ของคนคนหนึ่งจะเปลี่ยนไปมากเช่นนี้
หลินเป้ยไม่รู้สึกตัวถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ แต่ถังหลินสังเกตได้ เรื่องราวในครั้งก่อน ถังหลินมาสืบได้ตอนหลังว่าคืนนั้นคนคนนั้นคือหลินเป้ย เขาจึงได้อยู่กับหลินเป้ยเป็นเวลาหลายวัน
ตอนนั้นหลินเป้ยเป็นคนนิ่งสงบ ท่าทางของเธอเด็ดขาดจนสามารถพูดได้ว่าเย็นชา ไร้ความรู้สึก ไร้ความรู้สึกเสียยิ่งกว่าผู้ชายที่ไม่รู้จักรับผิดชอบในการกระทำของตัวเองเสียอีก
ตอนนั้นหลินเป้ยบอกเขาว่า ให้ทำเหมือนเรื่องราวไม่เคยเกิดขึ้น เธอกับเขาจะเป็นคนแปลกหน้าซึ่งกันและกัน ตอนนั้นหลินเป้ยอยากให้เขาวางมือเสียจนวางแผนเรียกเย่ซือเฉินเข้ามา
ตอนนั้น เธอวางแผนทุกอย่างได้ดีในทุกๆ ขั้นตอน และด้วยความเย็นชาและความเด็ดเดี่ยวของเธอ สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจวางมือ
แต่หลินเป้ยในเวลานี้กลับไม่ได้แข็งกร้าวและเย็นชาแบบนั้น แต่กลับแสดงอารมณ์ความรู้สึกราวกับผู้หญิงธรรมดาทั่วไป
ถังหลินมองเธอ จ้องมองเธอตรงหน้า แววตาคู่นี้ของเขาปรากฏความประหลาดใจบางอย่าง ผู้หญิงครั้งนี้มีหลายอย่างเปลี่ยนไปจากครั้งก่อน แต่ทำไมจู่ๆ เธอถึงได้เปลี่ยนแปลงไปมากมายขนาดนี้
“พอดีฉันรีบ ขอตัวก่อน” ถังหลินไม่กล่าวอะไร เอาแต่มองเธอแบบนั้น ยิ่งทำให้หลินเป้ยรู้สึกถูกกดดัน เธอจึงรู้สึกว่าไม่สามารถอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้อีกต่อไปได้
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงจะไม่กลัวเหมือนตอนนี้ อย่างน้อยๆ เธอก็น่าจะรับมือได้ แต่ตอนนี้เธอทำไม่ได้แล้ว เธอรู้ว่าตั้งแต่ที่เธอท้อง อารมณ์ของเธอไม่ค่อยสงบและแปรปรวนเอาได้ง่ายๆ และในบางครั้งสมองของเธอก็ไม่ทำงานไปดื้อๆ
ดังนั้นเธอจำเป็นต้องหนี หนีไปให้เร็วที่สุด
ระหว่างที่หลินเป้ยกล่าวก็ลากกระเป๋าของตัวเองเตรียมจะหันตัวเดินหนีไป
ถังหลินรีบยื่นมือออกมาอีกข้างแล้วเท้าลงตรงอีกด้านหนึ่งของหลินเป้ย ขวางไม่ให้หลินเป้ยขยับตัวไปไหนได้
พอเป็นแบบนี้แล้ว ก็เหมือนถังหลินขังหลินเป้ยไว้ที่ซุ้มเล็กแห่งนี้ ไม่ให้เธอขยับเขยื้อนไปทางไหนได้
เหยียนหยูที่ยืนอยู่ด้านหลังมองเหตุการณ์อย่างสับสน คุณชายถังของเขาเป็นอะไรไป
คุณชายถังของเขากำลังจะทำอะไร
นั่นผู้ชายไม่ใช่หรอ ทำไมคุณชายถังของเขาทำแบบนี้กับผู้ชาย
แต่ร่างกายของผู้ชายคนนั้นก็บอบบางเสียเหลือเกิน พอถูกคุณชายล้อมเอาไว้อย่างนี้ ถ้าไม่เห็นการแต่งตัวของชายคนนั้น เขาคงคิดว่าคนสองคนนี้เข้ากันได้ดี
เดี๋ยวๆ เข้ากันได้อะไร นั้นมันผู้ชายนะ!!
เมื่อหลินเป้ยถูกเขาล้อมไว้เช่นนี้ ความเป็นชายที่เฉพาะตัวของเขาบีบรัดเธอเสียแทบหายใจไม่ออก เธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นระส่ำยากจะควบคุม เต้นตึกๆ จนแทบจะทะลุออกมา
“ทำไมถึงต้องหลบผมด้วย ว่าไง” เสียงของถังหลินต่ำลง ไม่ได้ใช้น้ำเสียงเสียดสีอย่างเมื่อครู่ และอ่อนโยนลงกว่าเมื่อครู่นี้
เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้มีอะไรบางอย่างแปลกไป จากความฉลาดและเย็นชาของเธอแล้ว เธอไม่มีทางหลบเขาเมื่อเห็นเขาอย่างแน่นอน
ไหนจะอารมณ์เหวี่ยงแบบนั้นของเธออีก น้ำเสียงของถังหลินจึงอ่อนโยนลง
เมื่อเหยียนหยูได้ยินน้ำเสียงเช่นนั้นของคุณชายถัง เขาพลันชะงักนิ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคุณชายใหญ่ของเขาทำน้ำเสียงอ่อนโยนแบบนั้น
แต่ทำไมถึงใช้น้ำเสียงแบบนี้กับผู้ชายล่ะ
ทำไมต้องเป็นผู้ชายด้วย?!
ด้านหลังซุ้มค่อนข้างมืด และเมื่อครู่นี้เหยียนหยูไม่ได้เดินตามเข้าไป แถมหลินเป้ยยังหันหลังมาทางเขาอีก เมื่อหลินเป้ยหันตัวมาก็เห็นถังหลินโอบหลินเป้ยเอาไว้แล้ว ดังนั้นเหยียนหยูจึงมองไม่เห็นหลินเป้ยถนัดนัก แต่เห็นเพียงการแต่งกายแบบผู้ชายเท่านั้น
“ใคร……ใครหลบคุณ ทำไมฉันจะต้องหลบคุณด้วย” หลินเป้ยได้ยินเขาพูดแบบนั้นก็ยิ่งร้อนใจ เสียงของเธอจึงสูงขึ้นจนเกือบลืมไปแล้วว่าต้องกดเสียงของตัวเองเอาไว้ เมื่อครู่รีบพูดออกมาจนเกือบจะหลุดใช้เสียงผู้หญิง
ยังดีที่ปฏิกิริยาของเธอว่องไว
แม้ว่าถังหลินจะรู้แล้วว่าเธอเป็นผู้หญิง แต่ในสนามบินแห่งนี้ยังมีคนอื่นอยู่ด้วย หากคนอื่นได้ยินเข้าทุกอย่างจะพังหมด
“งั้นสรุปแล้วเมื่อกี้เธอกำลังจะทำอะไร” เมื่อถังหลินได้ยินเธอตอบโต้กลับมาอย่างรีบร้อน แววตาของเขามีประกายแวววาวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว