ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1354 ปิดบังอะไร (1)
“งั้นสรุปแล้วเมื่อกี้เธอกำลังจะทำอะไร” เมื่อถังหลินได้ยินเธอตอบโต้กลับมาอย่างรีบร้อน แถมยังเห็นเธอร้อนใจจนหน้าแดงระเรื่อ ริมฝีปากของถังหลินก็ยิ่งหยักยิ้มขึ้น
ปฏิกิริยาของเธอในตอนนี้หากเทียบกับเมื่อก่อนแล้วน่ารักขึ้นกว่าเดิมเยอะ แม้ว่าน้ำเสียงจะดุดัน แต่จู่ๆ เขากลับรู้สึกว่าท่าทางเดือดปุดๆ ของเธอน่ารักดี
“ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย” หลินเป้ยตอบกลับทันที ตอนนี้เธอเริ่มรู้ตัวแล้วว่า วันนี้เธอได้ทำเรื่องโง่ๆ ลงไปแล้ว และเป็นเรื่องโง่มากด้วย โง่จนหมดหนทางเยียวยา ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจปล่อยเหตุการณ์เลยตามเลย
เธอไม่มีทางยอมรับเด็ดขาด เขาจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม
“เห็นชัดๆ ว่าเดินเข้าประตูมาแล้ว แต่พอเห็นฉัน ก็รีบถอยออกมา แล้วก็มาหลบอยู่หลังซุ้มเล็กๆ นี่ แล้วทำท่าลับๆ ล่อๆ เธอบอกว่าไม่ได้กำลังหลบฉัน อย่างนั้นเธอก็หาเหตุผลดีๆ มาอธิบายซักข้อสิ” ถังหลินเป็นคนฉลาดขนาดไหน แถมหลินเป้ยยังทำเรื่องนี้อย่างชะล่าใจ ถังหลินไม่ต้องนึกอะไรมากก็สามารถเล่าเหตุการณ์ออกมาเป็นฉากๆ ได้
เดิมทีหลินเป้ยก็ลนลานอยู่แล้ว ตอนนี้พอได้ยินถังหลินกล่าวเช่นนี้ก็ยิ่งตื่นเต้น เธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นกระหน่ำจนแทบจะหลุดออกมาจากอก
ส่วนสมองอันชาญฉลาดของเธอตอนนี้กลับไม่ทำงาน ส่วนความเย็นชาเย่อหยิ่งของเธอก็มลายหายไปด้วย
“ทำไมฉันต้องอธิบายให้คุณฟังด้วย คุณเกี่ยวข้องอะไรกับฉัน ถอยไป ฉันจะไปแล้ว” หลินเป้ยรู้อยู่แก่ใจว่าถังหลินไม่ใช่คนที่เธอจะหลอกล่อได้ง่ายๆ ดังนั้นการที่เธอพยายามหลบหน้าเขาเป็นพฤติกรรมที่ไม่สามารถหาคำมาอธิบายได้ง่ายๆ
ในเมื่ออธิบายไม่ได้และหาทางออกไม่ได้ ไม่สู้ทำตัวโวยวายไร้เหตุผลไปเลยดีกว่า
ถังหลินได้ยินเธอพูดเช่นนั้นก็ชะงักไป จากนั้นจึงยิ้มออกมา เขาขยับตัวเข้าหาเธอใกล้ขึ้นอีก ริมฝีปากหยักยิ้ม แล้วพูดออกมาช้าๆ ทีละคำ “เธอถามว่า ฉันเกี่ยวอะไรกับเธอหรอ”
เวลานี้ถังหลินกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา นุ่มนวล ตอนนี้เขาอยู่ห่างจากเธอไม่ไกลแล้ว หลินเป้ยรู้สึกได้ถึงเวลาที่เขาพูด ลมหายใจของเขาแผ่ซ่านอยู่ข้างๆ หูของเธอ ทำให้รู้สึกจั๊กจี้ ราวกับมีขนนกแผ่วเบาถูโดนหูของเธอ
ร่างกายของหลินเป้ยแข็งทื่อ แม้แต่จะขยับตัวยังไม่กล้า เธอเม้มปากแน่นทันทีและไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก
เมื่อก่อนเธอไม่ได้มีความข้องเกี่ยวอะไรกับถังหลิน ต่อให้เกิดเรื่องราวคืนนั้น แต่ทั้งสองคนโตมากพอแล้วจึงไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร แต่ตอนนี้เธอกำลังท้องและเป็นลูกของถังหลินด้วย
พอถังหลินพูดแบบนี้ออกมา เธอจึงรู้สึกกังวลเป็นพิเศษ
และเพราะความกังวล ทำให้เธอยิ่งรู้สึกลนลาน
จริงๆ แล้วถังหลินยังมีคำพูดที่ตั้งใจจะพูดออกไปแต่ยังไม่ได้พูดอีกครึ่งประโยค นั่นคือสรุปแล้วฉันเป็นอะไรกับเธอกันแน่ ถึงทำให้เธอหลบหน้าฉันแบบนี้
แต่เมื่อเขาเห็นปฏิกิริยาของหลินเป้ย ดวงตาของเขากลับเกิดประกายเพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนั้น
เธอบอกเขาอย่างเด็ดเดี่ยวว่า ให้ทำเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เธอกับเขาไม่มีความข้องเกี่ยวกันแต่อย่างใด
แต่ตอนนี้เธอกลับมีปฏิกิริยาแบบนี้?!
เหยียนหยูที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักกำลังเฝ้ามองคุณชายใหญ่ของตนเคลื่อนกายเข้าไปใกล้ผู้ชายตรงหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ ระยะห่างเริ่มน้อยลง ความร้อนผ่าวยิ่งรุนแรงเข้มข้น เหยียนหยูจ้องภาพตรงหน้าจนตาแทบจะทะลักออกมา
เดี๋ยวๆๆ!
คุณชายถังจะทำอะไรน่ะ จะทำอะไรกันแน่
ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้
แต่เป็นเพราะเมื่อครู่นี้ถังหลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เหยียนหยูจึงไม่ได้ยินอะไร แต่หากมองจากมุมที่เหยียนหยูยืนอยู่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าคุณชายถังกำลังจะจูบคนที่อยู่ในอกคนนั้น
เหยียนหยูอยากจะก้าวเข้าไปสะกิดคุณชายถังให้ได้สติกลับคืนมา แต่เมื่อคิดทบทวนดูอีกที เขากลับไม่กล้า
“หลินเป้ย เธอมีเรื่องอะไรปิดบังฉันกันแน่” ถังหลินเป็นคนฉลาดมาก ท่าทางที่ผิดปกติของหลินเป้ยทำให้เขารู้ได้ทันทีว่าเธอจะต้องมีเรื่องอะไรบางอย่าง และมีความเป็นไปได้มากว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับเขา
ไม่อย่างนั้นแล้วหลินเป้ยคงไม่พยายามหลบเขา อีกทั้งท่าทางของเธอคราวนี้ยังแตกต่างจากครั้งที่แล้วอย่างชัดเจน
การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เป็นเครื่องบ่งบอกเขาอย่างหนึ่ง หลินเป้ยมีเรื่องที่กำลังปิดบังเขาอยู่
เมื่อหลินเป้ยได้ยินถังหลินพูดออกมาแบบนั้น หัวใจของเธอพลันกระตุกวูบ เธอรู้จักความร้ายกาจของเขาดี และรู้ด้วยว่าตัวเองอาจจะปิดบังเขาไม่อยู่ แต่เธอนึกไม่ถึงว่าตัวเองจะโดนถังหลินจับได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้
ทว่าตอนนี้ถังหลินทำได้อย่างมากแค่สงสัยว่าเธอมีเรื่องบางอย่างปิดบังเขา ถังหลินไม่รู้เรื่องที่เธอกำลังตั้งครรภ์ เธอจะบอกเรื่องนี้ให้เขารู้ไม่ได้เด็ดขาด
“จะมีเรื่องอะไรปิดบังคุณได้ล่ะ ฉันกับคุณไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆ ต่อกัน แล้วจะให้ฉันมีความลับอะไรกับคุณ” แน่นอนว่าหลินเป้ยไม่ยอมรับ ให้ตายอย่างไรเธอก็ไม่ยอมรับ
หลินเป้ยมั่นใจว่า หากถังหลินรู้เรื่องที่เธอตั้งท้อง ผลที่เกิดขึ้นตามมาจะเป็นสิ่งที่เธอรับผิดชอบไม่ไหวแน่
ก่อนอื่นใด ฐานะของเธอจะถูกเปิดโปง หากฐานะของเธอถูกเปิดโปงแล้ว เธอคงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้ แม่ของเธอก็คงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้เช่นกัน
แม้ว่าเธอจะหวนคืนสู่ราชวงศ์มาสิบกว่าปีแล้ว แม้ว่าเธอจะพยายามมากแค่ไหน และช่วยเหลือเจ้าชายใหญ่จัดการเรื่องราวไปหลายเรื่องก็ตาม
แต่เจ้าเมืองไม่เคยยอมรับเธออย่างเป็นทางการ และไม่เคยสนใจเธอ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนไปลาวในครั้งก่อนนั้น ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เธอเห็นได้ชัดเจน
สำหรับเจ้าเมืองแล้ว มีเธอหรือไม่มีเธอก็ไม่ต่างกัน และบางครั้งเธอยังกลายเป็นคนไร้ตัวตนด้วยซ้ำ
หากเรื่องที่เธอปลอมตัวเป็นผู้ชายถูกเปิดเผยออกไป เธอมั่นใจมากว่าเจ้าเมืองจะต้องประหารเธอทันที ไหนจะแม่ของเธออีก
นี่ถือเป็นการหลอกลวงเบื้องสูง
ถึงตอนนั้นคงไม่มีใครช่วยเธอได้ แม้แต่เจ้าชายใหญ่เองก็คงช่วยเธอไม่ได้
สถานการณ์แบบนี้ หากเจ้าชายใหญ่ยื่นมือเข้ามาช่วยเธอ ก็อาจจะถูกคาดโทษมีความผิดฐานอกตัญญูได้ ถึงเวลานั้นอาจจะถูกคนบางกลุ่มใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ ทำให้เจ้าชายใหญ่พลอยลำบากไปด้วย
ดังนั้น เธอไม่สามารถปล่อยให้ถังหลินล่วงรู้เรื่องที่เธอตั้งครรภ์ได้
“แล้วทำไมต้องหลบฉันด้วย” แน่นอนว่าถังหลินไม่เชื่อคำพูดเธอ เพราะเธอพูดออกมาคล้ายมีบางอย่างซ่อนอยู่ ไหนจะท่าทางผิดปกติของเธอทั้งหมดในวันนี้ที่ทำให้เขารู้สึกสงสัยอีก
“ฉันบอกไปแล้วไง ว่าฉันไม่มีอะไรปิดบังคุณ ฉันไม่ได้หลบหน้าคุณ” หลินเป้ยไม่รู้จะอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้วอย่างไร ดังนั้นจึงได้แต่อ้างเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ตอนนี้เป็นเวลาตีสอง ทำไมเธอถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่สนามบินได้” ถังหลินเริ่มรู้แล้วว่าคำถามนั้นต่อให้ถามซ้ำไปเรื่อยๆ ก็คงจะไม่ได้อะไรขึ้นมา
“อย่าบอกนะว่าเธอจะไปดูงาน ก่อนหน้านี้ฉันโทรมาหาเจ้าชายใหญ่ เขาบอกแล้วว่าคืนนี้จะมีงานเลี้ยงฉลอง เจ้าชายใหญ่ย้ำแล้วย้ำอีกว่าเธอจะมาร่วมงานด้วย แถมยังบอกอีกด้วยว่ายอมเลื่อนการเดินทางไปต่างประเทศเพื่อรอต้อนรับฉัน” ถังหลินมองหน้าเธอ จ้องค้างอยู่เฉยๆ แบบนั้น เพราะเขาอยากรู้ว่าเธอจะอธิบายเรื่องนี้ว่าอย่างไร
“ไม่ได้ไปดูงาน แต่ฉันจะไปเที่ยว” หลินเป้ยพยายามอย่างยิ่งให้ตัวเองใจเย็นลง สมองของเธอทำงานอย่างหนักจึงพอจะมีสติคืนมาบ้าง
“จริงหรือ ไปเที่ยวต้องเดินทางกลางดึกแบบนี้ด้วยหรือไง” ไม่ว่าอย่างไรถังหลินก็ไม่มีวันเชื่อคำพูดของเธอ การไปเที่ยวต้องไปผ่อนคลายกว่านี้หน่อย ใครจะเดินทางไปต่างประเทศเอาดึกดื่นป่านนี้
“บังเอิญมีเที่ยวบินที่เวลาได้พอดี เรื่องนี้พี่ใหญ่ก็รับรู้ ฉันบอกพี่ใหญ่เอาไว้แล้ว” หลินเป้ยรู้ดีว่าถังหลินไม่เชื่อคำพูดของเธอ ดังนั้นเธอจึงใช้ชื่อของเจ้าชายใหญ่มาอ้าง
“จริงเหรอ อย่างนั้นฉันจะลองโทรไปถามเจ้าชายใหญ่ดู” ริมฝีปากของถังหลินปรากฏรอยยิ้มขึ้นอีก ผู้หญิงคนนี้เอาชื่อเจ้าชายใหญ่มาอ้างเพื่อกดดันเขา แสดงว่าเรื่องนี้มีบางอย่างผิดปกติอย่างแน่นอน
ถังหลินก็รู้เช่นกันว่าเจ้าชายใหญ่เป็นห่วงหลินเป้ยมาก เขาคิดว่าเจ้าชายใหญ่ไม่มีทางปล่อยให้หลินเป้ยเดินทางไปต่างประเทศเพียงลำพัง
เพราะฐานะของหลินเป้ยคือเจ้าชายน้อยแห่งญี่ปุ่น คนมีฐานะเช่นนี้เดินทางไปต่างประเทศคนเดียวถือเป็นเรื่องเสี่ยงมาก แถมตอนนี้ยังเป็นเวลากลางดึกอีกด้วย
ดังนั้นถังหลินยิ่งสงสัยในคำพูดของหลินเป้ยมากขึ้น
หลินเป้ยชะงักไป ทำไมเธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าถังหลินจะโทรไปถามเจ้าชายใหญ่เข้าจริงๆ
เธอบอกกับเจ้าชายใหญ่ไปแล้วก็จริงว่าจะไปเที่ยวต่างประเทศ แต่เจ้าชายใหญ่ย้ำแล้วย้ำอีกว่าไม่อนุญาตให้เธอเดินทางออกไปตามลำพัง หากถังหลินโทรไปถามเจ้าชายใหญ่ขึ้นมาจริง แผนการทั้งหมดต้องล่มอย่างแน่นอน
แต่เธอคิดว่าถังหลินกำลังพยายามท้าทายเธอมากกว่า ตอนนี้เป็นเวลาสอง ถ้าถังหลินโทรหาเจ้าชายตอนนี้คงจะไม่เหมาะสมแน่
หากเป็นเย่ซือเฉิน อาจจะทำแบบนั้นได้ แต่ถังหลินไม่น่าจะทำแบบนั้น เพราะเขาก็ไม่ได้สนิทอะไรกับเจ้าชายใหญ่มากมายนัก พวกเขาทั้งสองเพิ่งจะรู้จักกันตอนไปที่ประเทศจีนครั้งนั้น และพบเจอกันเพียงไม่กี่วัน ความสัมพันธ์จึงไม่ได้แน่นแฟ้นถึงขั้นนั้น
“ก็ได้ งั้นคุณก็ลองโทรไปถามดู” หลินเป้ยพนันว่าถังหลินไม่กล้าโทรไปหาเจ้าชายใหญ่ตอนนี้
ด้วยเพราะในใจมีความลับบางอย่าง หลินเป้ยจึงแสร้งทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาอะไร แต่ข้างในกลับลนลานอย่างหนัก
เธอพยายามบอกตัวเองว่าต้องใจเย็นๆ ต้องใจเย็นๆ ห้ามร้อนตัวเด็ดขาด ขอแค่ถังหลินไม่โทรหาเจ้าชายใหญ่ คืนนี้เธอก็จะรอดพ้นความยุ่งยากนี้ และเธอจะได้เดินทางออกไปจากที่นี่
ความคิดของหลินเป้ยดีมาก แต่ว่า….