ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1358 คุณชายถังรู้ความจริง (2)
เจ้าชายน้อยเตรียมจะออกเดินทาง แน่นอนว่าคงไม่ได้เอารถมาด้วย ดังนั้นถ้าจะนั่งรถแท๊กซี่จะต้องเดินไปขึ้น แต่รถของพวกเขาจอดรออยู่แล้ว ขอแค่โทรกริ๊งเดียวรถก็จะมารับถึงที่
ถังหลินตั้งใจจะปฏิเสธข้อเสนอของเหยียนหยู เพราะตามจริงแล้วเธอกลัวว่าหากคนของเขามารับ หลินเป้ยจะไม่สนใจและทิ้งเขาไปทันที
แต่ใบหน้าภายใต้แสงไฟของหลินเป้ยเห็นได้ชัดว่าเหนื่อยล้า เขาจึงตัดสินใจตอบตกลงในที่สุด
เหยียนหยูรีบดำเนินการตามคำสั่ง ไม่ถึงสองนาทีก็ขับมาถึง
“คุณชายถังมาถึงแล้ว” เมิ่งหลิน ผู้จัดการที่ประเทศญี่ปุ่นถอนใจอย่างโล่งอก “ท่านมาถึงผมค่อยโล่งอกหน่อย หากมีท่านคอยสั่งการเรื่องราวทั้งหมด ผมก็โล่งใจแล้ว”
จู่ๆ คนขององค์กรโกสต์ซิตี้ก็ลุกขึ้นมาต่อต้านพวกเขา และพวกเขาก็ไม่เคยได้รับคำสั่งการที่แน่ชัดจึงไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป
พวกเขารู้ถึงความยิ่งใหญ่ขององค์กรโกสต์ซิตี้ดี แต่พวกเขาไม่ได้กลัวองค์กรโกสต์ซิตี้ เพียงแต่ไม่มีคำสั่งการของผู้ใหญ่เท่านั้น พวกเขาเลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จึงไม่กล้าทำอะไรตามใจ
พอคุณชายถังบอกว่าจะมาจัดการ พวกเขาเลยตั้งตารอการมาถึงของเขา
หลินเป้ยเหลือบมองถังหลิน เมื่อครู่นี้ถังหลินยังบอกอยู่เลยว่าไม่ได้เตรียมการใดๆ มา นี่มันเตรียมการเอาไว้หมดแล้วต่างหาก
คนหลอกลวง ถังหลินคือมิจฉาชีพชัดๆ
ถังหลินหันไปสบตากับสายตาของเธอที่ส่งมา เขามองออกได้อย่างชัดแจ่มแจ้งถึงความไม่พอใจของเธอ ถังหลินถึงขั้นมั่นใจด้วยว่าในใจของเธอกำลังต่อว่าเขาอยู่
ริมฝีปากของถังหลินหยักยิ้มขึ้นอีก ตัวเธอเองอาจจะไม่รู้ว่า ท่าทางของเธอเมื่อครู่นี้มันน่ารักขนาดไหน
“ขึ้นรถก่อนเถอะ” ถังหลินรับกระเป๋ามาจากหลินเป้ย เตรียมจะช่วยยกขึ้นรถ
เหยียนหยูรีบรับของต่ออย่างคล่องแคล่วหัวไว แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าการที่คุณชายถังดูแลผู้ชายคนหนึ่งอย่างดีแบบนี้ไม่ค่อยเหมาะนัก แต่เขาก็ไม่สามารถพูดจามั่วซั่วอะไรออกมาได้
หลินเป้ยเตรียมจะปฏิเสธ แต่ด้วยร่างกายของเธอที่เหนื่อยล้าที่แม้แต่จะก้าวเดินยังไม่มี อีกอย่างคนของถังหลินก็รับเอากระเป๋าของเธอไปแล้ว ไหนจะคำสั่งการของเจ้าชายใหญ่อีก
อย่างน้อยๆ เธอก็ควรส่งถังหลินเข้าโรงแรมก่อนแล้วค่อยกลับ
เมิ่งหลินชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นถังหลินช่วยถือของให้หลินเป้ย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เมิ่งหลินคิดเพียงว่าหลินเป้ยมากับถังหลินอาจเป็นเพียงเพราะว่าเป็นน้องชายที่อ่อนแอและเหนื่อยล้า คุณชายถังเลยช่วยเขาถือสัมภาระก็เท่านั้น
ด้วยหลินเป้ยกำลังก้มหน้าอยู่ เมิ่งหลินจึงมองเห็นใบหน้าของเธอไม่ถนัดนัก อีกอย่างเมิ่งหลินยังไม่เคยเห็นใบหน้าของเจ้าชายน้อยมาก่อน เรื่องราวของเจ้าชายน้อยก็รับรู้มาน้อยมาก ดังนั้นต่อให้เมิ่งหลินเห็นใบหน้าของหลินเป้ยก็ใช่ว่าจะนึกว่าเขาคือเจ้าชายน้อย
ถังหลินเปิดประตูรถ แล้วยื่นมือออกไปประคองหลินเป้ยโดยสัญชาตญาณเพื่อจะพาเธอขึ้นรถ
เวลานี้หลินเป้ยรู้สึกเหนื่อยมาก ร่างกายอ่อนล้า สมองของเธอราวกับหยุดทำงานไปแล้ว เมื่อมือของถังหลินโอบเข้าที่ไหล่ของเธอ เธอถึงจะรู้สึกตัว เธอสะดุ้งก่อนจะพยายามเบี่ยงตัวหนี แต่อาจจะเป็นเพราะเธอหมดแรงแล้วจริงๆ หรืออาจเป็นเพราะถังหลินแรงเยอะ หลินเป้ยจึงหนีไม่พ้นหลินเป้ยถอนใจเบาๆ จากนั้นจึงขึ้นรถไปตามแรงของถังหลิน ตอนนี้เธอไม่มีแรงขัดขืนกับถังหลิน อีกอย่างสภาพของเธอเอาชนะถังหลินไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นต่อให้ขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
ถังหลินพอใจมากที่เห็นเธอขึ้นรถอย่างว่าง่าย ริมฝีปากของเขาจึงปรากฏรอยยิ้มออกมาทีหลัง
ตอนนั้นเหยียนหยูกำลังปรึกษาบางเรื่องอยู่กับเมิ่งหลิน ดังนั้นสองคนนั้นจึงไม่เห็นภาพภาพนี้ มีเพียงคนขับรถเท่านั้นที่รู้สึกประหลาดใจ ฐานะอย่างคุณชายถังควรจะเป็นคนอื่นต่างหากที่เปิดประตูรถให้ แต่คนคนนี้กลับขึ้นรถนำขึ้นมาก่อนเสียแล้ว
แต่เมื่อคนขับเห็นถังหลินขึ้นรถตามมา แล้วนั่งลงข้างๆ หลินเป้ยในที่นั่งด้านหลัง แน่นอนว่าคนขับย่อมไม่กล้าพูดอะไรมาก
จากนั้นหลังจากที่เมิ่งหลินคุยกับเหยียนหยูเรียบร้อยแล้ว เมื่อคนทั้งสองหันตัวกลับมาก็พบว่าคุณชายถังขึ้นรถไปเรียบร้อยแล้ว
เมิ่งหลินเปิดประตูรถแล้วขึ้นไปนั่งเบาะด้านหน้าข้างคนขับ
เหลือเพียงที่นั่งด้านหลังสำหรับเหยียนหยู ขณะที่เหยียนหยูกำลังจะเปิดประตูขึ้นรถ ถังหลินกลับลดกระจกลงแล้วกล่าวว่า “แกไปขับรถอีกคันไป”
เหยียนหยูชะงักค้าง ใบหน้าของเขามีแต่คำถามว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น เมื่อครู่นี้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ทำไมคุณชายถังถึงทอดทิ้งเขาไปแบบนี้
มันเป็นเพราะอะไรกันแน่
รถก็ออกจะกว้าง เบาะหลังนั่งสามคนได้สบายๆ ทำไมถึงไม่ให้เขาไปด้วย
ตอนนี้เหยียนหยูมีคำถามมากมาย แต่กลับไม่กล้าเอ่ยถามไปแม้แต่คำเดียว ได้แต่พยักหน้า “ครับ ผมจะขับรถตามไป”
เมิ่งหลินคิดว่าที่ถังหลินจัดการเช่นนี้เป็นเพราะมีวัตถุประสงค์พิเศษบางอย่าง จึงไม่กล้าเอ่ยถามอะไรออกไปมากมาย
หลังจากเมิ่งหลินขึ้นรถแล้ว แผนการเดินของเขาคือหลังจากคุณชายถังขึ้นรถแล้ว เขาต้องรายงานสถานการณ์ตอนนี้ให้คุณชายถังฟัง เพื่อให้คุณชายถังเข้าใจสถานการณ์ทางนี้ให้เร็วที่สุด
เมิ่งหลินคิดว่าหลินเป้ยคือคนที่ถังหลินพามาด้วย ในเมื่อเป็นคนที่ถังหลินพามาด้วย แสดงว่าจะต้องเชื่อถือได้ ดังนั้นหลังจากรถออกตัวแล้ว เมิ่งหลินก็เริ่มรายงานสถานการณ์ทันที
“สามวันที่ผ่านมา องค์กรโกสต์ซิตี้โจมตีพวกเราสองครั้ง ส่วนทางด้านคุณชายสามเย่สถานการณ์เลวร้ายกว่า คนของคุณชายสามเย่ถูกโจมตีถึงสี่รอบ ยังดีที่ไม่มีใครเสียชีวิต”
หลินเป้ยเองก็ไม่ได้คิดว่าหลังจากขึ้นรถแล้ว คนตรงหน้าจะเริ่มรายงานสถานการณ์ทันที ถ้าว่ากันตามเหตุผลแล้วเรื่องนี้เป็นความลับสำคัญ เธอเป็นคนนอกไม่ควรรับรู้เรื่องนี้
หลินเป้ยส่งสายตาออกไป เธอไม่ได้ตั้งใจจะขัดขวางการสนทนาของเมิ่งหลิน เธอจ้องไปที่ถังหลินด้วยสายตาตักเตือนว่ามีคนนอกนั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคน
“เหนื่อยไม่ใช่เหรอ หลับไปซะสิ” ถังหลินสบตากับสายตาที่หลินเป้ยส่งมา แน่นอนว่าเขาเข้าใจในความหมายนั้น แต่เขาไม่ได้ถือสาอะไร ไม่ได้ถือสาเลยแม้แต่น้อย
หลินเป้ยประหลาดใจเล็กน้อยก่อนจะถอนใจ ในเมื่อถังหลินไม่ได้สนใจอะไรแล้วเธอจะกังวลอะไรเล่า
แม้แต่เมิ่งหลินที่นั่งอยู่บนเบาะด้านหน้ายังประหลาดใจ เสียงของเขาจึงหยุดลงชั่วครู่ สีหน้าของเมิ่งหลินแสดงถึงความประหลาดใจอย่างชัดเจน แม้อาจจะดูว่าคุณชายถังเป็นคนสบายๆ แต่นิสัยของเขากลับแข็งกร้าวที่สุด จึงไม่มีใครคาดคิดว่าคุณชายถังจะมีมุมที่อ่อนโยนแบบนี้เช่นกัน
ติดตรงที่ว่า ทำไมเขาถึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ท่าทางอ่อนโยนของคุณชายถังแบบนี้ควรจะปฏิบัติต่อผู้หญิงไม่ใช่เหรอ อ่อนโยนกับผู้ชายแบบนี้ดูแล้วค่อนข้าง……
“พูดต่อสิ” ถังหลินเหล่ตาไปมองเมิ่งหลิน ความอ่อนโยนแบบที่พูดกับหลินเป้ยเมื่อครู่มลายหายไป และกลับไปที่สู่ท่าทางเย็นชาดังเดิม
ริมฝีปากของเมิ่งหลินกระตุกไหวเล็กน้อย เอ่อ ความแตกต่างชัดเจนเกินไปหน่อยหรือไม่
เห็นชัดๆ ว่าเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ ทำไมถึงปฏิบัติแตกต่างแบ่งแยกกันขนาดนี้
นี่มันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
แน่นอนว่าเมิ่งหลินไม่กล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าคุณชายถัง
เมิ่งหลินรายงานสถานการณ์เมื่อครู่ต่อ “พวกเราได้ยินต้นตอของเหตุการณ์มาบ้าง ว่ากันว่าคุณชายสามเย่ล่วงเกินเจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้ ดังนั้นองค์กรโกสต์ซิตี้เลยต้องการล้างแค้นแทนเจ้าหญิง……”
เมิ่งหลินหยุดรายงานเพราะต้องการฟังความเห็นของถังหลิน เมิ่งหลินเองก็รู้ว่าเรื่องนี้จะต้องมีมูลความจริงอยู่บ้าง ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือท่าทีของคุณชายถัง
ถังหลินไม่ได้รีบร้อนตอบเมิ่งหลิน เมื่อเมิ่งหลินกล่าวถึงเย่ซือเฉิน สิ่งแรกที่ถังหลินทำคือหันไปมองหลินเป้ย
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ในวันนั้นขึ้น หลินเป้ยบอกกับเขาว่า เธอชอบเย่ซือเฉิน
ตอนนั้นหลินเป้ยยังเชิญเย่ซือเฉินมาหาและสารภาพรักกับเย่ซือเฉิน เพื่อให้เขาได้เห็นเหตุการณ์นี้
แม้ว่าถังหลินจะรู้ว่านั่นคือข้ออ้างที่หลินเป้ยใช้ในการปฏิเสธเขา แต่เขาก็รู้สึกแสบๆ คันๆ ในหัวใจอยู่ดี
ดังนั้นเมื่อเมิ่งหลินเอ่ยถึงเย่ซือเฉิน ปฏิกิริยาแรกของถังหลินก็คือหันไปมองหลินเป้ย
หลินเป้ยเวลานี้ทั้งเหนื่อยทั้งหิว ไม่มีกะจิตกะใจจะคิดเรื่องอื่น เธอพบหน้าเย่ซือเฉินเพียงไม่กี่ครั้งและพูดกับเย่ซือเฉินไม่กี่คำ ความจริงแล้วเธอแทบไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆ กับเย่ซือเฉินเลย
แน่นอนว่าเธอไม่มีทางชอบเย่ซือเฉินด้วย ตอนนี้เธอลืมไปแล้วว่าเมื่อก่อนเธอใช่เย่ซือเฉินในการปฏิเสธถังหลิน ดังนั้นเมื่อเธอได้ยินชื่อเย่ซือเฉิน เธอจึงแทบจะไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
เธอค่อยๆ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เธอกำลังจะหลับเต็มที อย่าว่าแต่เย่ซือเฉินเลย ตอนนี้ต่อให้พ่อกับแม่ของเธอมาหา เธอก็อาจจะไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เช่นกัน
ถังหลินเห็นหลินเป้ยไม่มีปฏิกิริยาใด แววตาของเขาจึงอ่อนโยนลงอย่างรวดเร็ว ในดวงตาของเขามีรอยยิ้มเคลือบอยู่
ที่ผู้หญิงคนนี้เคยบอกว่าชอบเย่ซือเฉิน ที่จริงแล้วก็แค่ต้องการหลอกเขา!
เมิ่งหลินเห็นคุณชายถังไม่ส่งเสียงอะไรออกมา และเอาแต่มองผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ เมิ่งหลินก็ได้แต่งุนงง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน
ทำไมเขารู้สึกว่าสายตาที่คุณชายถังใช้มองผู้ชายที่อยู่ข้างๆ ตอนนี้ เหมือนสายตาที่ใช้มองคนที่ตัวเองชอบเลยล่ะ
แต่นี่มันผู้ชายนะ
ผู้ชายแท้ๆ !!
คุณชายถังมองผู้ชายแบบนี้ถือว่าปกติหรือ
ปกติอยู่ไหม?