ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1359 ซบในอก (1)
คุณชายถังมองผู้ชายแบบนี้ถือว่าปกติหรือ
ปกติอยู่ไหม?
เมื่อเมิ่งหลินเห็นคุณชายถังมีแววตาค่อยๆ อ่อนโยนลง ไหนจะรอยหยักยิ้มบนริมฝีปากที่เห็นได้ชัด ว่ากันตามจริงแล้วเขารู้สึกว่าคุณชายถังในตอนนี้หล่อเหลามากทีเดียว แต่เขากลับแอบกลัวที่ได้เห็นคุณชายถังในลักษณะแบบนี้
เวลานี้หลินเป้ยกำลังนั่งห่อตัวอยู่ที่นั่งด้านหลัง ด้านหลังรถค่อนข้างมืดแถมยังมีถังหลินบังอยู่ เมิ่งหลินจึงมองไม่เห็นหน้าตาที่แน่ชัดของหลินเป้ย เขาเพียงรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ดูอ้อนแอ้นบอบบางไปหน่อย พอนั่งตัวงออยู่บนเก้าอี้เช่นนี้แลดูคล้ายก้อนแป้งน้อย และคล้ายไปทางผู้หญิงมากกว่า
ริมฝีปากของเมิ่งหลินกระตุกอย่างแรง หรือว่าคุณชายถังจะชอบแบบนี้
คุณชายถังชอบผู้ชายบอบบางแบบนี้?!
แต่ไม่ว่าจะบอบบางอย่างไร คนคนนี้ก็เป็นผู้ชายนะ!
ท่านถังมีถังหลินเป็นหลานชายเพียงคนเดียว หรือว่าตระกูลถังจะจบลงเพียงเท่านี้……
สุดท้ายถังหลินเริ่มรู้สึกถึงสายตาของเมิ่งหลินมองมาที่ตน ถังหลินจึงเบนสายตาออกจากหลินเป้ยแล้วมองไปที่เมิ่งหลิน
เมิ่งหลินสบตากับถังหลิน ร่างกายของเขาแข็งทื่อโดยฉับพลัน ความคิดสับสนวุ่นวายของเขาจึงสิ้นสุดลง
“คุณชายถัง เรื่องระหว่างองค์กรโกสต์ซิตี้ เกิดขึ้นเพราะคุณชายสามเย่ใช่ไหมครับ” เมิ่งหลินเรียกสติของตัวเองคืนมาได้อย่างรวดเร็ว จึงรีบกลับมาพูดประเด็นสำคัญ แล้วถามคำถามเดิมอีกครั้ง
การที่เมิ่งหลินถามแบบนี้ก็เป็นเพราะว่าเขาต้องการที่จะหยั่งเชิงดูท่าทีของถังหลิน โดยอยากจะรู้ว่าพอต้องเผชิญหน้ากับองค์กรโกสต์ซิตี้แบบนี้แล้ว ถังหลินจะตัดสินใจเลือกอย่างไร
เมิ่งหลินคิดว่าต่อให้ถังหลินมีความสัมพันธ์กับคุณชายสามเย่ดีแค่ไหน แต่เมื่อเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้ก็ต้องแยกแยะ อย่างน้อยๆ พวกเขาก็ไม่อยากต่อสู้กับองค์กรโกสต์ซิตี้อย่างซึ่งหน้า
เพราะเรื่องนี้จะกระทบถึงผลประโยชน์ของแปดสุดยอดวงศ์ตระกูลด้วย ไม่ใช่เรื่องราวของตระกูลถังเพียงอย่างเดียว
แม้ว่าอีกเดี๋ยวถังหยุนเฉิงจะได้กลายเป็นหัวหน้าของแปดสุดยอดวงศ์ตระกูลแล้ว แต่เรื่องของแปดสุดยอดวงศ์ตระกูลก็ไม่ใช่เรื่องที่ตระกูลถังจะมาใช้อำนาจกดขี่ได้ โดยเฉพาะช่วงเวลานี้ ตระกูลถังควรจะให้ความสำคัญมากหน่อยถึงจะถูกต้อง
คุณชายถังเป็นคนฉลาด คงจะรู้ถึงความสัมพันธ์ที่เกี่ยวพันกันอยู่เป็นอย่างดี
นี่คือเหตุผลว่าทำไมเมิ่งหลินถึงไม่ยอมเคลื่อนไหว และไม่ยอมตอกกลับองค์กรโกสต์ซิตี้ไปสักที เพราะหากคุณชายสามเย่ล่วงเกินเจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้จริงๆ แปดสุดยอดวงศ์ตระกูลของพวกเขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ข้างคุณชายสามเย่อีก
“ใครเป็นคนเริ่มสำคัญตรงไหน” ถังหลินมองไปยังเมิ่งหลิน แววตาของเขาเข้มขึ้น แน่นอนว่าเขามองออกว่าเมิ่งหลินคิดอะไรอยู่ในตอนนี้
เมิ่งหลินเป็นผู้รับผิดชอบของแปดสุดยอดวงศ์ตระกูลที่ญี่ปุ่น ไม่ใช่คนข้างกายของถังหลิน ดังนั้นการที่เมิ่งหลินมีความคิดซ่อนเร้นแบบนี้เป็นสิ่งที่ถังหลินเข้าใจได้
แต่ในเมื่อตอนนี้เขามาถึงแล้ว แน่นอนว่าเรื่องนี้ย่อมเป็นอำนาจของเขาในการตัดสินใจ
แม้ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับองค์กรโกสต์ซิตี้คราวนี้ดูคล้ายว่าเย่ซือเฉินจะเป็นต้นเหตุ แต่ที่ผ่านมาองค์กรโกสต์ซิตี้ต่อต้านตระกูลถังมาตลอด อีกอย่างครั้งนี้องค์กรโกสต์ซิตี้ยังเป็นฝ่ายเริ่มลงมือโจมตีพวกเขาก่อน สร้างความสูญเสียให้กับคนของเขาที่อยู่ที่นี่ เช่นนั้นเรื่องนี้จะปล่อยผ่านไปไม่ได้
แน่นอนว่าทางด้านองค์กรโกสต์ซิตี้เองก็คงไม่อยากปล่อยผ่านเช่นกัน ไม่เช่นนั้นแล้วองค์กรโกสต์ซิตี้คงจะไม่ยุแหย่พวกเขารุนแรงขึ้นเช่นนี้
แต่สิ่งที่ถังหลินไม่เข้าใจคือ ทั้งที่เรื่องนี้เกิดขึ้นที่เมือง A และหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ก็อยู่ที่เมือง A แต่ที่เมือง A กลับไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ แต่ทำไมที่ญี่ปุ่นกลับมีการเคลื่อนไหวมากขนาดนี้
เมื่อเมิ่งหลินได้ยินคำพูดของถังหลินก็ชะงักไป ประเด็นนี้ไม่สำคัญหรือ
คุณชายถังพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร
“ตั้งแต่ตอนที่องค์กรโกสต์ซิตี้เริ่มโจมตีเรา ตอนนั้นพวกเขาก็ถือว่าเป็นศัตรูของพวกเราแล้ว” น้ำเสียงของถังหลินเย็นชามากขึ้นกว่าเดิม แต่เขาพยายามลดระดับเสียงลง
“ความหมายของคุณชายถังคือพวกเราควรมององค์กรโกสต์ซิตี้เป็นศัตรูอย่างนั้นเลยหรือ” เมิ่งหลินประหลาดใจ เขาเป็นคนฉลาดย่อมเข้าใจความหมายของถังหลิน แต่ความหมายของถังหลินทำให้เขาประหลาดใจเกินคาด
เขารู้ว่าถังหลินไม่ใช่คนบุ่มบ่าม แต่เขาคิดว่าการตัดสินใจของถังหลินแบบนี้ไม่ค่อยเหมาะสมนัก
“องค์กรโกสต์ซิตี้ต่างหากที่มองพวกเราเป็นศัตรู” ถังหลินหรี่ตา ตอนนี้ไม่ใช่พวกเขาที่มององค์กรโกสต์ซิตี้เป็นศัตรู แต่เป็นคนขององค์กรโกสต์ซิตี้ต่างหากที่กัดพวกเขาไม่ปล่อย
แม้ว่าองค์กรโกสต์ซิตี้จะน่ากลัว แต่คนอย่างถังหลินเกิดมาไม่เคยกลัวใครมาก่อน
“หมายความว่าพวกเราจะแข็งข้อกับองค์กรโกสต์ซิตี้ และเริ่มเปิดฉากกับพวกเขาเลยงั้นเหรอครับ” เมิ่งหลินแอบถอนใจ ตอนที่ถามคำถามนี้ออกมา อารมณ์ของเมิ่งหลินค่อนข้างสับสน
ญี่ปุ่นไม่เหมือนอย่างประเทศของเขา กฎหมายของประเทศเขาไร้ช่องโหว่และมีระบบที่เข้มงวดมาก ทั้งยังเข้มงวดกับทุกๆ ด้านอย่างมาก ดังนั้นภายในประเทศของเขาจึงสงบสุขและมั่นคง
ในประเทศของเขาไม่มีใครกล้าใช้อาวุธ เพราะการควบคุมด้านอาวุธเข้มงวดอย่างมาก คนทั่วไปไม่มีสิทธิ์ครอบครองอาวุธ
ดังนั้นในประเทศของเขาไม่มีใครกล้าใช้อาวุธมั่วซั่ว แต่ที่นี่คือญี่ปุ่น ที่นี่วุ่นวายกว่า การใช้อาวุธและกำลังเป็นเรื่องปกติ ขอแค่ไม่ก่อเรื่องใหญ่โตมาก แค่นี้ก็ไม่มีใครเข้ามาวุ่นวาย
ถังหลินขมวดคิ้วเล็กน้อยโดยไม่ได้กล่าวอะไร การเปิดฉากต่อสู้กันไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด แปดสุดยอดวงศ์ตระกูลของพวกเขามาที่ญี่ปุ่นเพื่อทำธุรกิจ การทำการค้าต้องอ่อนน้อมถึงจะร่ำรวย อีกอย่างหากทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันขึ้นมาจะต้องมีผู้สูญเสีย ดังนั้นการใช้กำลังถือเป็นแผนการลำดับท้ายๆ
ถังหลินเองก็ไม่อยากใช้กำลังแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ อาวุธยุทโธปกรณ์ขององค์กรโกสต์ซิตี้ทันสมัยมาก หากเริ่มต่อสู้กันขึ้นมาจริงๆ ย่อมส่งผลเสียกับพวกเขาอย่างแน่นอน
หากต้องต่อสู้กับองค์กรโกสต์ซิตี้ขึ้นมาจริงๆ ถังหลินไม่จำเป็นต้องมาที่นี่ด้วยตัวเอง การที่ถังหลินมาในครั้งนี้ก็เพราะว่าต้องการหาวิธีอื่นในการแก้ปัญหา
“ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังเสมอไป” ริมฝีปากของถังหลินขยับเพียงเล็กน้อย น้ำเสียงแผ่ซ่านไปทั่วรถอย่างแผ่วเบา
เมิ่งหลินเงียบไป แววตาของเขาเป็นประกาย “คุณชายถังมีวิธีที่ดีกว่านี้เหรอครับ”
เมิ่งหลินเป็นผู้รับผิดชอบธุรกิจของที่นี่ คนที่นี่ล้วนเป็นพี่น้องที่ทำงานอยู่ด้วยกันมานาน เขาจึงไม่อยากเห็นพวกพ้องของตนเองต้องเดือดร้อน
พวกเขามาเพื่อทำการค้า มาเพื่อแสวงหากำไร ไม่ได้มาเพื่อสละชีวิต นี่คือเหตุผลที่เมิ่งหลินพยายามจะหาทางเอาชีวิตรอด
หากคุณชายถังมีวิธีในการแก้ไขปัญหาแบบไม่ต้องใช้อาวุธย่อมเป็นทางออกที่ดีที่สุด
ถังหลินเม้มริมฝีปากเล็กน้อย และหยุดพูดไปครู่หนึ่ง
“คุณชายถังครับ คืนนี้เจ้าชายใหญ่จะจัดงานเลี้ยงต้อนรับคุณชาย การที่เจ้าชายใหญ่ต้อนรับคุณชายอย่างใหญ่โตแบบนี้ถือเป็นการแสดงท่าทีที่ชัดเจนมาก หรือพวกเราจะยืมมือพวกเขาช่วยเหลือ……” เมื่อเมิ่งหลินเห็นถังหลินไม่พูดต่อ จึงช่วยเสนอความคิด
หากพวกเขาได้รับการสนับสนุนจากเจ้าชายใหญ่ เขาเชื่อมั่นว่าคนขององค์กรโกสต์ซิตี้จะต้องเกรงกลัวขึ้นมาอย่างแน่นอน
ถังหลินได้ยินเมิ่งหลินพูดเช่นนี้ก็หันไปมองหลินเป้ยโดยอัตโนมัติ หลินเป้ยเป็นเจ้าชายน้อยของญี่ปุ่น อีกอย่างหลินเป้ยยังเป็นคนสนิทของเจ้าชายใหญ่ การที่พวกเขาคุยกันเช่นนี้ว่าจะใช้เจ้าชายใหญ่ เขาจึงอยากรู้ว่าปฏิกิริยาของหลินเป้ยจะเป็นอย่างไร
ถังหลินรู้ว่าเจ้าชายใหญ่เชื่อใจหลินเป้ยมาก ส่วนหลินเป้ยเองก็ทุ่มเทช่วยเหลือเจ้าชายใหญ่อย่างสุดกำลังและคอยปกป้องเจ้าชายใหญ่
ดังนั้นถังหลินคิดว่าหากหลินเป้ยได้ยินขึ้นมาจะต้องไม่พอใจ และปฏิกิริยาของเธอจะต้องรุนแรงอย่างแน่นอน
แต่เมื่อถังหลินมองไปที่หลินเป้ยกลับพบว่าเธอไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ทั้งสิ้น ตอนนี้เธอกำลังหลับตา ตัวของเธอขดเป็นก้อน มองดูแล้วคล้ายกำลังหลับอยู่
ถังหลินประหลาดใจ คราวที่แล้วแม้ว่าถังหลินจะอยู่ที่ประเทศจีนไม่นาน แม้พวกเขาจะรู้จักกันเป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่เขารู้ว่าหลินเป้ยเป็นคนใจเย็นและหลักแหลม และยังรู้อีกว่าเธอเป็นคนรอบคอบและมีความระมัดระวังตัวสูงมาก
นิสัยอย่างหลินเป้ยไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะหลับคารถของของเขา!!
ถังหลินโน้มตัวเข้าไปใกล้หลินเป้ย จึงสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่แผ่วเบาและสม่ำเสมอของเธอ เธอหลับตาสนิท เม้มปากเล็กน้อย แววตาของถังหลินเกิดประกายวิบไหว
เขาโน้มตัวของตนเองเข้าไปหาเธอใกล้ขึ้นอีก พื้นที่ในรถค่อนข้างน้อยอยู่แล้ว ระยะห่างของเขากับหลินเป้ยจึงไม่มาก ตอนนี้พอโน้มตัวเข้าไปใกล้ขึ้นอีก มองดูแล้วจึงคล้ายกำลังเอาหน้าเข้าไปประชิดหลินเป้ย
เมื่อมองจากมุมมองของเมิ่งหลินเข้าไป คล้ายกับว่าคุณชายถังกำลังจะจูบกับผู้ชายคนนั้น
เมิ่งหลินชะงักค้างไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง เขาปิดปากเงียบ ดวงตาเบิกกว้างไปที่คุณชายถัง ดวงตาคู่นี้ของเขาแทบจะทะลักออกมา
คุณชายถังชอบผู้ชายบอบบางเช่นนี้เองหรือ?!!!
ตอนนี้ถังหลินอยู่ใกล้หลินเป้ยมาก ใกล้มากถึงขั้นหากเขาโน้มตัวไปข้างหน้าอีกนิดเดียวก็จะสามารถจูบเธอได้ทันที
ขนาดใกล้ถึงขั้นนี้แล้ว หลินเป้ยกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
ถังหลินตะลึง แสดงว่าเธอหลับไปแล้วจริง?
หลับบนรถของเขา หลับอยู่ข้างๆ เขา
ผู้หญิงคนนี้ระแวดระวังตัวมาก โดยเฉพาะระมัดระวังตัวกับเขา ทำไมถึงหลับไปง่ายๆ ทั้งที่ยังอยู่กับเขา
หลินเป้ยไม่คิดว่า ไม่เจอกันหนึ่งเดือนจะทำให้ความระแวดระวังตัวของเธอลดลง ในทางตรงข้ามหลินเป้ยยังพยายามหลบเขา พยายามอยู่ให้ไกลจากเขามากที่สุด