ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1375 หมดอาลัยตายอยาก(1)
ที่ข้างกายของเย่ซือเฉินมีคนที่ชำนาญในการขุดข่าวทุกประเภทมาโดยตลอด ไม่อย่างนั้นละก็ ครั้งนี้เย่ซือเฉินคงไม่มีทางที่จะได้รับหลักฐานการกระทำผิดทั้งหมดของโจ๋วอันหนานได้เร็วขนาดนั้น สิ่งที่เย่ซือเฉินต้องการสืบไม่มีทางที่จะสืบไม่ได้
นอกจากนี้ที่ประเทศ R เย่ซือเฉินน่าจะมีคนที่ร้ายกาจกว่าหลบซ่อนอยู่ในที่ลับคอยขุดข่าว ต่าง ๆ นานา เพราะยังไงเมื่อเทียบกันแล้วประเทศ R เป็นประเทศที่ค่อนข้างจะอันตราย นอกจากนี้พวกเขาก็ไม่มั่นคงเหมือนกับประเทศ Z
หลายสิ่งหลายอย่างอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา หลายปีมานี้เย่ซือเฉินสามารถอยู่ที่ประเทศ R ได้อย่างราบรื่นได้ แถมยังเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว คงต้องเป็นเพราะได้รับข่าวสารต่าง ๆ ได้ทันท่วงทีอย่างแน่นอน
สายตาของถังหลินมองไปที่หลินเป้ยที่นอนอยู่บนเตียงอีกครั้ง ความจริงแล้วเขาก็ไม่อยากที่จะไปสืบเรื่องราวของเธอเป็นการส่วนตัว แต่เขารู้ว่า ถ้าหากเขาถามตรง ๆ เธอจะต้องไม่บอกอะไรกับเขาแน่ แถมยังจะป้องกันเขามากขึ้น
ถังหลินหยิบโทรศัพท์ออกมาและโทรหาเย่ซือเฉิน
“อยู่ที่ประเทศ R นายมีคนที่คอยขุดข่าวต่าง ๆ หรือเปล่า?” ทันทีที่โทรศัพท์ถูกรับ ถังหลินก็บอกจุดประสงค์ของตัวเองออกมาตรง ๆ
“อืม มี” เย่ซือเฉินไม่ได้ปิดบัง และไม่ได้ถามอะไรถังหลิน และพูดขึ้นมา: “เดี๋ยวฉันจะให้เขาติดต่อนาย”
ในเมื่อถังหลินถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ จะต้องมีความต้องการแน่!!
“โอเค” มุมปากของถังหลินยกขึ้นมาเล็กน้อย แฝงรอยยิ้มเอาไว้หลายส่วน สมกับที่เป็นเพื่อนจริง ๆ เจ๋งสุด ๆ ไปเลย
“ใช่แล้ว ตระกูลโจ๋วได้ก่อเรื่องอะไรอีกหรือเปล่า?” ถังหลินออกมาอย่างรีบร้อน ตอนที่เขาออกมา เรื่องทางนั้นยังไม่ได้คลี่คลาย เขายังรู้สึกกังวลเล็กน้อย
“คุณพ่อคุณแม่ของโจ๋วชิงไปหาเรื่องที่ตระกูลทั้งสองครั้ง” ในน้ำเสียงของเย่ซือเฉินไม่ได้มีอารมณ์ความรู้สึกอะไรมาก และน้ำเสียงก็ไม่มีความผิดปกติอะไร
“อืม เดาออกแล้ว” ถังหลินเดาออกแต่แรกแล้วว่าคุณพ่อโจ๋วและคุณแม่โจ๋วจะหาเรื่อง คุณพ่อคุณแม่โจ๋วไม่กล้าที่จะไปหาเรื่องเย่ซือเฉินโดยตรง ก็เลยไปหาเรื่องที่ตระกูลถัง เพียงเพราะปกติแล้วพวกเขามีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างจะดีกับตระกูลถัง “ไม่ต้องสนใจพวกเขา เรื่องควรจะจัดการยังไงก็ทำแบบนั้น”
“ขอแค่ไม่ใช่โจ๋วชิง คนอื่นฉันไม่สนใจทั้งนั้น” ในน้ำเสียงของเย่ซือเฉินแฝงไปด้วยความเย็นชาเล็กน้อย เรื่องที่โจ๋วอันหนานทำพวกนั้น ไม่ว่าจะเป็นใครมาขอร้องอ้อนวอนเขาก็ไม่มีทางที่จะปล่อยโจ๋วอันหนานไป
แต่ว่า สิ่งเดียวที่เขาเป็นกังวลก็คือคุณพ่อคุณแม่โจ๋วจะไปเร่งเร้าโจ๋วชิง ให้โจ๋วชิงมาขอร้องวิงวอนเขา
“จุดนี้นายวางใจได้ โจ๋วชิงจะไม่ทำแบบนั้นแน่” คำพูดของถังหลินนั้นมั่นใจมาก เขาค่อนข้างจะเชื่อมั่นในตัวเพื่อนของตัวเอง และเข้าใจเพื่อนของตัวเองเป็นพิเศษ
ต่อให้โจ๋วอันหนานไม่บีบบังคับให้โจ่วชิงและหยวนหยูต้องเลิกกัน ต่อให้โจ๋วอันหนานไม่คิดที่จะฆ่าโจ๋วชิง หลังจากที่โจ๋วชิงรู้เรื่องราวทุกสิ่งทุกอย่างที่โจ๋วอันหนานทำกับฉิงฉิงเขาก็ไม่มีทางที่จะไปขอร้องให้กับโจ๋วอันหนานต่อหน้าเย่ซือเฉินอย่างแน่นอน
“อืม” เย่ซือเฉินตอบรับเสียงเบา; “เรื่องทางนั้นเป็นยังไงบ้าง? เข้าใจละเอียดหรือยัง?”
ถังหลินชะงักงัน เดิมทีได้พูดไว้อย่างดิบดีแล้วว่าเมื่อเขามาถึง เมิ่งหลินก็จะรายงานเรื่องทุกอย่างของที่นี่กับเขาอย่างละเอียด แต่ทว่าพอขึ้นรถหลินเป้ยก็ได้หลับไป จากนั้นเมิ่งหลินก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ส่วนที่เมิ่งหลินพูดก่อนหน้านั้นเขาเองก็ไม่ได้ฟังสักเท่าไหร่
“ทำไม? สถานการณ์ร้ายแรงมากเหรอ?” เย่ซือเฉินไม่ได้ยินเสียงเขาตอบ แววตาเคร่งครึ้มลง ตามที่เขารู้จักถังหลิน ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องราวร้ายแรงมาก ไม่อย่างนั้นละก็เขาก็ไม่มีทางที่จะไม่พูดอะไรเลย
“ไม่ใช่ ฉันยังไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ พรุ่งนี้ฉันจะทำความเข้าใจอีกครั้ง แล้วค่อยโทรหานาย” ถังหลินกุมโทรศัพท์ ตอนนี้ภายในใจของเขารู้สึกผิดเล็กน้อย แต่ว่าในตอนที่มองเห็นหลินเป้ยที่นอนอยู่บนเตียง ก็อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้นมาอีกครั้ง
มีอะไรต้องรู้สึกผิด ภรรยาของเขาสำคัญกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง อีกอย่างเรื่องทางนี้ก็ไม่ได้ รีบร้อนอะไรขนาดนั้น
อีกฝั่งของโทรศัพท์ เย่ซือเฉินชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด นี่มันเรื่องอะไรกัน?
ถังหลินบอกว่ายังไม่ได้ทำความเข้าใจชัดเจน?
เขารู้จักถังหลินดี ถังหลินเป็นคนที่ทำอะไรเข้มงวด และจริงจังเสมอมา เขาฟังดูแล้วตอนนี้ถังหลินไม่น่าจะอยู่ระหว่างทาง น่าจะถึงโรงแรมเรียบร้อยแล้ว เช่นนั้นตามหลักแล้วในตอนนี้ถังหลินควรจะเข้าใจสถานการณ์ของที่นั่นถึงจะถูก
ดังนั้นตอนนี้มันเรื่องอะไรกัน?!
“เอาล่ะ ฉันไม่คุยกับนายแล้ว วางก่อนล่ะ” ถังหลินไม่ได้อธิบายอะไร และตัดสายไปทันที
เย่ซือเฉินมองดูโทรศัพท์ที่ถูกตัดสายไป และเหม่อลอยขึ้นมาอย่างเห็นได้ยาก
ทางด้านของถังหลินที่เพิ่งจะวางสายของเย่ซือเฉินไป ไม่ถึงหนึ่งนาที โทรศัพท์ของเขาก็ได้ดังขึ้นอีกครั้ง
ถังหลินมองดูหลินเป้ยที่นอนอยู่บนเตียงก่อนโดยสัญชาตญาณ และในขณะเดียวกันนั้นก็กดรับโทรศัพท์
เขาไม่ทันได้ดูด้วยซ้ำว่าใครโทรมา
“พี่คะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพี่หรือเปล่า?” เป็นสายโทรเข้าจากเวินลั่วฉิง เนื่องจากปฏิกิริยาของท่านปู่ถังและท่านย่าถังเมื่อก่อนหน้านี้ เวินลั่วฉิงก็เลยถามออกมาโดยตรง
“อะไร? เรื่องอะไร? พี่จะเกิดเรื่องอะไรได้?” ถังหลินได้ยินคำพูดของเธอ ก็รู้สึกแปลกใจ: “ตอนนี้พี่อยู่ที่โรงแรมอย่างเรียบร้อยดี ไม่มีเรื่องอะไร”
“ไม่มีเรื่องอะไรจริง ๆ เหรอคะ?” ชัดเจนว่าเวินลั่วฉิงไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่
“ไม่มีเรื่องอะไรจริง ๆ ทำไมเหรอ? เธออยากให้พี่ชายของเธอเกิดเรื่องหรือไง?” ถังหลินยิ้มอ่อน ๆ พลางล้อเล่นกับเธอ
“ไม่ใช่ เมื่อกี้ตอนที่ฉันออกมาเห็นคุณตาคุณยายมีท่าทางแปลก ๆ ……” ตอนนี้ในสมองของเวินลั่วฉิงก็เต็มไปด้วยความสงสัย ปฏิกิริยาของท่านปู่ถังและท่านย่าถังเมื่อก่อนหน้านี้นั้นมันแปลกมากจริง ๆ
“แปลก? แปลกยังไง?” น้ำเสียงของถังหลินมีความจริงจังขึ้นมาบ้าง
“ทั้งสองคนดูเหม่อลอย ดูสับสน แถมคุณย่ายังร้องไห้อีก ร้องไห้หนักด้วยแหละ” มาถึงตอนนี้ภายในใจของเวินลั่วฉิงก็ยังไม่เข้าใจ
“……”
อีกฝั่งของสายเงียบไปชั่วขณะ จากนั้นน้ำเสียงของถังหลินก็เคร่งขรึมขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด: “ที่บ้านเกิดคือเรื่องอะไรขึ้นอีกแล้วหรือเปล่า?”
“ตอนนั้นฉันเองก็คิดแบบนั้น ตอนที่ฉันเห็นปฏิกิริยาของท่านทั้งสอง ฉันยังคิดเลยว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับพี่หรือเปล่า” เวินลั่วฉิงนั้นตรงไปตรงมามาก และได้บอกกับถังหลินตามความเป็นจริง
“ทำไมเธอไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องดีกับพี่บ้างเลยล่ะ” มุมปากของถังหลินกระตุกอย่างรุนแรง จริง ๆ เลยนะเด็กคนนี้
“ไม่ใช่ว่าฉันพูดเกินจริงไปนะ สถานการณ์ของคุณตาคุณยายในตอนนั้น ฉันคิดได้แค่ความเป็นไปได้นี้เท่านั้น ที่สำคัญก็คือฉันลองหยั่งเชิงคุณยายดูแล้ว คิดว่าน่าจะเป็นเพราะพี่” จุดนี้เวินลั่วฉิงแน่ใจมาก ปฏิกิริยาแบบนั้นของคุณปู่ถังและคุณย่าถังล้วนเป็นเพราะถังหลิน
“เพราะพี่เหรอ? แต่พี่ไม่เป็นอะไรจริง ๆ นะไม่มีเรื่องอะไรเลย ราบรื่นมาตลอดทาง ตอนนี้ก็ถึงโรงแรมเรียบร้อยแล้ว ในโรงแรมก็ไม่มีอะไรผิดปกติ เมื่อกี้คุณปู่ก็โทรมาหาพี่ ท่านเองก็รู้ว่าพี่มาถึงโรงแรมแล้ว” ตอนนี้ถังหลินรู้สึกงงเล็กน้อย เขาเองก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่เวินลั่วฉิงจะพูดมั่วซั่ว
“งั้นก็แปลก ตอนที่ฉันลงมาเห็นพวกท่านในตอนนั้น รู้สึกว่าบนตัวของพวกท่านต่างให้ความรู้สึกเหมือนกับหมดอาลัยตายอยาก” เวินลั่วฉิงทอดถอนใจอย่างเงียบ ๆ แวบแรกที่เห็นผู้เฒ่าทั้งสองคนในตอนที่ลงบันไดมา เธอถึงกับตกใจจริง ๆ เธอคิดว่าได้เกิดเรื่องราวที่ร้ายแรงขึ้นจริง ๆ
อย่างนั้นละก็เธอก็คงไม่คาดเดาว่าได้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับถังหลิน
ถังหลินเงียบไปสักพัก ใบหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาหลายเท่า: “ทางพ่อของพี่ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหม?”
“ไม่ค่ะ เมื่อกี้ฉันเพิ่งโทรไปถาม ดังนั้นถึงคิดว่าแปลกมากเลยล่ะ พี่คะ พี่ไม่เป็นอะไรจริง ๆ ใช่ไหมคะ ถ้ามีเรื่องอะไรพี่อย่าปิดบังฉันนะคะ” ตอนนี้เวินลั่วฉิงคิดไม่ออกจริง ๆ
“หรือว่าคุณพ่อคุณแม่ของโจ๋วชิงจะไปหาเรื่อง?” ถังหลินบอกการคาดเดาของเขาออกมา แต่ว่าที่เขาพูดออกมานั้นตัวเขาเองยังคิดว่าเป็นไปไม่ได้
“จะเป็นไปได้ยังไง? นี่พี่ยังไม่รู้จักคุณตาอีกเหรอ? ต่อให้คุณพ่อคุณแม่ของโจ๋วชิงจะหาเรื่องยังไง อย่างมากคุณตาก็แค่โมโห แถมยังโมโหไม่นาน พวกเขาไม่มีทางที่จะทำให้คุณตามีท่าทางแบบนั้นแน่ ตอนนั้นฉันยังคิดเลยว่าต่อให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับพี่ คุณตาคุณยายก็ไม่น่าที่จะมีท่าทางแบบนั้น เป็นท่าทางที่หมดอาลัยตายอยากจริง ๆ”
“เธอวางใจเถอะน่า พี่ชายของเธอยังหายใจดี ๆ อยู่ พี่ชายของเธอยังไม่แต่งงานเลย อย่าแช่งพี่ชายเธอทุกวันแบบนั้นสิ” ในตอนที่ถังหลินพูดประโยคนี้ เขาก็ได้มองไปที่หลินเป้ย ดังนั้นฟังแล้วในน้ำเสียงของเขามีความอ่อนโยนอยู่ด้วย
เวินลั่วฉิงชะงักไปสักพัก จากนั้นจู่ ๆ เธอก็อุทานออกมา; “พี่คะ ฉันจะมีพี่สะใภ้แล้วเหรอ?”
เวินลั่วฉิงตอบสนองได้อย่างรวดเร็วเสมอมา ถึงแม้คำพูดของถังหลินจะเป็นเหมือนกับคำพูดล้อเล่น แต่เวินลั่วฉิงก็ได้จับใจความสำคัญได้แล้ว
ถังหลินนั้นล้อเล่นได้ง่ายมากเลยล่ะ อีกอย่างแต่ไหนแต่ไรมาถังหลินไม่ใช่คนที่จะเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่น
ถังหลินชะงักงัน ไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่หัวเราะเล็กน้อย เด็กคนนี้ตอบสนองได้เร็วเกินไปจริง ๆ
อยู่ต่อหน้าเด็กคนนี้ไม่ว่าจะเป็นความลับอะไรก็ปิดเอาไว้ไม่มิดจริง ๆ นี่แค่อยู่ในโทรศัพท์ เขาพูดอย่างคลุมเครือเพียงแค่สองประโยค เธอก็เดาออกแล้ว
ซือเฉินคบกันกับเธอ ไม่รู้ว่าจะกดดันหรือเปล่า
“สุดยอดไปเลยค่ะพี่ จะพาพี่สะใภ้กลับมาตอนไหนเหรอคะ?” ถังหลินไม่ได้พูดอะไร เวินลั่วฉิงก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้น บนใบหน้าของเวินลั่วฉิงในตอนนี้มีรอยยิ้มอย่างเห็นได้ชัด
เธอคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะได้ยินข่าวดีแบบนี้ เยี่ยมไปเลยจริง ๆ