ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1385 บอกเขาเรื่องท้อง (1)
ถังหลินโค้งตัวลงกะทันหัน ร่างกายโน้มเข้าหาเธอ ใบหน้าสมบูรณ์แบบจนไร้ที่ติของถังหลินขยายใหญ่ขึ้นในสายตาเธอ ทำให้เธอสะดุ้งโหยงกันเลยทีเดียว
“คุณทำอะไร?”จิตใจหลินเป้ยว้าวุ่นเป็นพิเศษ เป็นอะไรไป?
เมื่อกี้เธอพูดผิดอะไรเหรอ?
ทำไมจู่ๆเขาก็เข้าใกล้?!
ทำไมจู่ๆก็เข้าใกล้กันมากอย่างนี้?
เขาจะทำอะไร?!!!
ถังหลินมองหน้าเธอ มุมปากยกยิ้มขึ้น ดูออกว่าเบิกบานใจมาก“เป็นห่วงผมเหรอ?”
ทำให้ถังหลินประหลาดใจเล็กน้อย รู้สึกมีน้ำผึ้งเต็มหัวใจ ถึงแม้ครั้งนี้ท่าทางที่หลินเป้ยมีต่อเขาเปลี่ยนจากเดิมมาก ทว่าเธอก็ยังคงมีท่าทีปฏิเสธเขาอยู่
แต่ตอนนี้เธอเริ่มเป็นห่วงเขาแล้ว?
หลินเป้ยรู้สึกมึนเล็กน้อย หลังได้สติคืนมา พลันรู้สึกใบหน้าร้อนวูบวาบ ไม่รู้ว่าหัวใจกำลังหงุดหงิดหรือเขินอายกันแน่ เธอโต้เถียงกลับไปว่า“ใครเป็นห่วงคุณ”
เห็นการตอบสนองของเธอ มุมปากถังหลินยกยิ้มลึกขึ้น
หลินเป้ยเห็นรอยยิ้มของเขายิ่งรู้สึกอายจนโมโห ทว่าเมื่อนึกถึงคารูคนนี้ เธอก็อดเป็นห่วงไม่ได้ และเธอก็อยากอธิบาย อธิบายว่าเธอไม่ได้เป็นห่วงเขา“คืนนี้เจ้าชายใหญ่จะจัดงานเลี้ยงต้อนรับคุณ ไม่แน่เจ้าชายใหญ่อาจจะพูดถึงเรื่องนี้ ทางราชสำนักอาจจะมีข้อแนะนำอะไรก็ได้ ทำไมคุณต้องรีบไปเจอหน้าคารูด้วย”
“ความหมายของคุณคือให้ราชสำนักของพวกคุณช่วยผมเหรอ?ก่อนหน้านี้คุณไม่ใช่บอกว่าไม่ช่วยผมเหรอ?”ถังหลินเห็นท่าทางเธอกลบเกลื่อนความรู้สึก ก็อดหัวเราะในใจไม่ได้ จงใจแกล้งแหย่เธอ
“ตอนนี้ฉันก็ไม่ได้บอกจะช่วยคุณนี่ ฉันบอกว่าทางราชสำนักอาจจะมีแผนอะไรก็ได้ คุณทำความเข้าใจก่อนแล้วค่อยว่ากันว่าจะทำยังไงต่อ”หลินเป้ยได้ยินถังหลินพูดก็เกือบกัดลิ้มตัวเองแล้ว ผู้ชายคนนี้ฟังรู้เรื่องไหมเนี่ย?
เธอบอกว่าจะช่วยเขาตั้งแต่เมื่อไหร่?
อีกอย่าง เธอไม่มีอำนาจในราชสำนักเลย ช่วยอะไรเขาไม่ได้อยู่แล้ว
“ดังนั้น คุณอยากให้ราชสำนักช่วยผม” ถึงแม้ถังหลินกำลังกลั้นยิ้มอยู่ ทว่าแววตากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เธอรู้หรือเปล่า บางเรื่องหากยิ่งอธิบายก็ยิ่งอธิบายไม่ชัดเจน
และหากไม่อธิบายก็จะยิ่งเหมือนใจฝ่อ
“ไม่ใช่ ฉันไม่มีสิทธิ์และเสียงในราชสำนักสักหน่อย” หลินเป้ยมองเขาที่เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้เป็นเพราะตื่นเต้นหรือว่าอะไรกันแน่ เธอรู้สึกหัวใจเต้นเร็วกะทันหัน เธอรู้ว่าให้ถังหลินเข้าใจผิดไม่ได้ เกิดการเข้าใจผิดอย่างนี้ไม่ได้เด็ดขาด
ถังหลินจ้องมองเธออย่างไม่ละสายตา เขาแค่ยิ้มไม่ได้พูดอะไร
ถังหลินยิ่งทำแบบนี้ หัวใจหลินเป้ยยิ่งรู้สึกว้าวุ่น หัวใจเต้นรัวแรงขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ หลินเป้ยรู้สึกว่าทนความเงียบงันเช่นนี้ไม่ไหวแล้ว ยิ่งรับการถูกถังหลินมองเช่นนี้ไม่ได้ จึงพูดเสียงดังขึ้นมาว่า “ฉันไม่ช่วยคุณจริงๆ”
“อืม ผมรู้แล้ว”ในที่สุดถังหลินก็กลั้นเสียงหัวเราะไม่ได้อีกต่อไป ทว่าสายตาเขายังคงมองเธออยู่ แววตาที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม มีอารมณ์ที่แตกต่างออกไป
“คุณรู้อะไร?”ถังหลินทำให้หลินเป้ยมึนงงมาก ถังหลินรู้อะไรแล้วเหรอ?
เขารู้อะไร?
ถังหลินอดยกมุมปากขึ้นไม่ได้ เข้าใกล้เธอเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย จากนั้นก็จงใจกดเสียงต่ำลง พูดกับเธอว่า “ผมรู้ว่าคุณไม่เป็นห่วงผม ผมรู้ว่าคุณไม่ช่วยผม”
เพราะตอนนี้ถังหลินพูดเสียงแผ่วเบา ทั้งสองก็อยู่ใกล้กันด้วย ทำให้บรรยากาศไปในเชิงคู่รักที่กระหนุงกระหนิงกันหลายส่วน ตอนที่ถังหลินพูด ลมหายใจของเขารดใส่ใบหน้าหลินเป้ยไม่ขาดสาย ยิ่งรู้สึกรักใคร่สุดซึ้งจนไม่อยากจากกันหลายส่วน
ทันใดนั้นหลินเป้ยรู้สึกคอแห้งเล็กน้อย เธออยากพูดอะไรสักอย่าง ทว่ากลับพูดไม่ออก อันที่จริงเมื่อเธอได้ยินถังหลินพูดก็อยากโต้เถียงแล้ว เธอนึกได้ว่าหากเธอเถียงตอนนี้ก็เท่ากับยอมรับคำพูดก่อนหน้านี้ของเธอ
ยอมรับว่าเธอเป็นห่วงเขา ยอมรับว่าเธอจะช่วยเขา ดังนั้นหลินเป้ยจึงกล้ำกลืนวาจาของตนกลับเข้าไป
“คุณ คุณ คุณรู้ก็ดี” หลินเป้ยรู้ว่าฐานะและสถานการณ์ของเธอ เรื่องระหว่างเธอกับถังหลินมันเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดไม่ได้
เธอจำเป็นต้องจัดความสัมพันธ์ของทั้งสองให้กระจ่าง ตัดทุกความเป็นไปได้ออก
นึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อคืนเธอนอนห้องเดียวกันกับถังหลิน เธอก็อดรู้สึกเคร่งเครียดในใจไม่ได้ ไม่รู้ทำไมเมื่อคืนเธอถึงนอนหลับสนิทปานนั้น
ช่วงนี้เพราะอาการแพ้แท้ เธอจึงนอนไม่ค่อยหลับในตอนกลางคืนเป็นประจำ หรือว่าจะเกิดจากสาเหตุที่เธอไม่ได้นอนมาหลายวัน?
แต่หลายวันก่อนเธอก็เหนื่อยมากแล้ว แต่ก็ยังนอนไม่หลับอยู่ดี แล้วทำไมเมื่อคืนถึงหลับสนิทได้ล่ะ?
ถังหลินอุ้มเธอกลับห้อง เธอยังไม่รู้สึกตัว ยังไม่ตื่นเลย?
หลินเป้ยไม่รู้ว่าควรอธิบายเรื่องนี้อย่างไร
“คุณจะกลับไปก่อน หรือจะรอผมที่นี่?”ถังหลินมองหน้าเธอ เห็นเธอขมวดคิ้วแน่นขึ้นเรื่อยๆ เห็นใบหน้ากระอักกระอ่วน รอยยิ้มของเขาก็เบ่งบานบนใบหน้า
ท่าทางที่ไม่คิดจะปิดบังความรู้สึกของเธอ มันทำให้รู้สึกชื่นใจเหลือเกิน
“อะไร?”หลินเป้ยกำลังคิดเรื่องของตัวเอง ได้ยินถังหลินพูดแบบนี้ก็ตามไม่ทัน ไม่เข้าใจความหมายของเขา
“เดี๋ยวผมจะต้องออกไป คุณจะรอผมที่นี่ หรือจะกลับไปพักผ่อนที่พักของตัวเองก่อน?”ถังหลินอธิบายอย่างมีความอดทน ในเมื่อเขาให้เมิ่งหลินนัดหมายกับคารู ดังนั้นสักพักหนึ่งเขาต้องออกไปแน่
เพราะไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นเช่นไร เขาไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ จึงไม่อยากให้หลินเป้ยรอเขาในห้องอย่างนี้
เพราะเธอเป็นเจ้าชายน้องแห่งประเทศR ทว่า ในใจถังหลินหวังอยากให้หลินเป้ยบอกว่าจะรอเขาอยู่ที่นี่ แน่นอน ถังหลินรู้ว่าเป็นไปไม่ได้
“ฉันต้องกลับอยู่แล้ว” ดังคาด หลินเป้ยได้ยินเขาพูดก็รีบตอบหนึ่งประโยคโดยไม่คิดอะไรเลย ระหว่างที่พูด หลินเป้ยยังลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงห่างจากถังหลินเล็กน้อย
หลินเป้ยลุกขึ้นแล้วก็รู้ตัวว่าแสดงท่าทางมากเกินไป เธอแอบถอนหายใจหนึ่งเฮือก ทำให้ตัวเองผ่อนคลายลง “ฉันควรกลับได้แล้ว”
ตอนนี้เธอเป็นเจ้าชายน้อยแห่งประเทศR หากให้หล่อนรู้ว่าเมื่อคืนเธอนอนในห้องถังหลิน เธอก็ไม่รู้ว่าผลจะเป็นยังไงเลย
แล้วเป็นไปได้ยังไงที่เธอจะนั่งรอถังหลินอยู่ที่นี่
“อืม ก็ดี” เดิมทีถังหลินก็นึกไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ ซึ่งการตอบสนองของเธอก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติทั่วไป
ถึงแม้โรงแรมแห่งนี้จะเป็นของแปดสุดยอดวงศ์ตระกูล ทว่าเขาก็รับรองไม่ได้ว่าจะมีคนผู้มีอิทธิพลแฝงตัวเข้ามา
ตอนเขาเข้ามาเมื่อคืนก็เป็นเวลาตีสามกว่าแล้ว และเขายังเอาเสื้อกันหนาวคลุมหลินเป้ยไว้ ดังนั้นไม่กังวลว่าคนอื่นจะจำหลินเป้ยได้
แต่ถ้าหากหลินเป้ยอยู่แต่ที่นี่ เขากังวลว่าจะมีคนรู้เรื่องเข้า
“งั้นคุณกลับไปก่อน กลางคืนผมจะไปร่วมงานเลี้ยงที่เจ้าชายใหญ่จัดขึ้น……” ถังหลินหยุดพูด ดวงตาทั้งคู่มองไปยังหลินเป้ย เจือคำถามไว้ในประโยคอย่างไม่ปิดบัง
ถังหลินบอกตารางเวลาของตนให้หลินเป้ย เจตนาของเขาก็คืออยากให้หลินเป้ยก็ไปที่งานเลี้ยงด้วย
“ฉัน ฉันจะไปร่วมด้วย” หลินเป้ยอยากปฏิเสธมาก ทว่าเธอรู้ว่าเธอปฏิเสธไม่ได้ เมื่อคืนหนีออกประเทศไม่สำเร็จ ทั้งยังถูกถังหลินจับกลับมาอีก
อีกอย่างเมื่อคืนเจ้าชายใหญ่สั่งให้เธอรับผิดชอบด้านการต้อนรับถังหลิน ดังนั้นเธอจึงหนีหน้าที่นี้ไม่พ้น คืนนี้เจ้าชายใหญ่ก็ต้องให้เธอไปแน่
หลินเป้ยอดกังวลในใจไม่ได้ หากเธอเกิดอาการแพ้ท้องอีกจะทำยังไงดี?
“อืม ได้ งั้นพวกเราเจอหน้าตอนกลางคืน” ถือว่าถังหลินพอใจกับคำตอบของเธอ ถึงแม้เธอจะทำหน้าไม่ยินดีก็ตาม
ถังหลินรู้ว่าจะรีบร้อนไม่ได้ เพราะตอนนี้เธอมีสถานะเจ้าชายน้อยติดตัว เธอมีความรักกับเขาไม่ได้ ดังนั้นไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว เธอก็อยากตีตัวออกห่างกับเขา
เธอมาร่วมงานเลี้ยงได้ ไม่ได้หาข้ออ้างหลบหน้า ถังหลินคิดว่าเป็นการพัฒนาไปอีกขั้นแล้ว
“หลังผมออกไป คุณค่อยหาโอกาสออกไป ผมไม่ส่งคุณแล้ว” ถังหลินรู้ว่ายังต้องหลีกเลี่ยงการสงสัย เพราะเธอเป็นเจ้าชายน้อยประเทศ R
หากมีคนรู้ว่าเขากับหลินเป้ยออกจากโรงแรมด้วยกัน เกรงว่าจะมีคนสงสัย เขากับหลินเป้ยออกจากโรงแรมพร้อมกันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่กลัวว่าจะมีคนสืบว่าเขากับเจ้าชายน้อยเข้าโรงแรมเมื่อไหร่
หากคนสืบเป็นคนที่เก่งมาก ถังหลินก็ไม่กล้ารับรองว่าจะสืบอะไรได้บ้าง ทางที่ดีคือระวังไว้ก่อนจะดีกว่า