ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1406 เป็นไปตามที่ต้องการ (2)
ทางปลายสายเอ่ยพูดออกมาอย่างละเอียดและชัดเจน : “ตอนนั้นดูเหมือนกับว่าคุณปู่เย่และคุณย่าเย่กำลังรออะไรอยู่……”
“ตรงกลางที่คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ออกมาจากห้องของเย่โป๋เหวิน เย่โป๋เหวินจะต้องยังไม่เกิดเรื่องขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากว่าหลังจากนั้นเย่โป๋เหวินก็ตะโกนเรียกพวกเขาให้เข้าไป ครั้งที่สองที่พวกเขาเข้าไปในห้องนั้นอยู่เป็นเวลานานมาก แล้วก็เดินออกมา”
“หลังจากที่คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ออกมาแล้ว พยาบาลก็เข้าไปแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นบอกว่าเย่โป๋เหวินกำลังหลับอยู่ ตอนทานอาหารเย็น ไปตะโกนเรียกเย่โป๋เหวินเขากลับไม่ตื่น ตอนนั้นถึงได้พบว่าเย่โป๋เหวินเสียชีวิตไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ”
“สาเหตุ” เวลานี้ใบหน้าของเย่ซือเฉินนั้นมืดมนเป็นอย่างมาก ดูน่ากลัว สองคำนี้ฟังแล้วดูเหมือนกับเค้นออกมาจากช่องฟันอย่างไรอย่างนั้น
เขาเอ่ยถามง่ายๆ แต่คนที่อยู่ทางปลายสายกลับเข้าใจความหมายของเขาในทันที : “ใช้ยานอนหลับเกินขนาดครับ”
คนๆนั้นชะงักไป แล้วเอ่ยเสริมขึ้นอีกหนึ่งประโยค : “เกี่ยวกับเรื่องที่เย่โป๋เหวินใช้ยานอนหลับเกินขนาดไม่ได้มีคนเจตนาที่จะปิดข่าวนะครับ”
“เขาคิดจะปิด ก็จะปิดได้อย่างนั้นหรือ?” เสียงของเย่ซือเฉินแฝงความเยาะเย้ยเอาไว้ เรื่องที่คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ไปเจอเย่โป๋เหวินปิดบังไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าหากคุณปู่เย่ให้คนไปปิดข่าวเรื่องที่ว่าเย่โป๋เหวินใช้ยานอนหลับเกินขนาด ก็จะยิ่งเป็นที่น่าสงสัยมากกว่าเดิม
สืบหาไม่ได้แน่นอนว่าก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่ถ้าหากสืบได้ ถ้าอย่างนั้นก็สามารถเปิดเผยอาการกินปูนร้อนท้องของคุณปู่เย่ออกมาได้
คุณปู่เย่คงจะรู้ว่าปิดบังเขาไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่ได้ปิดบัง แบบนี้กลับจะทำให้คนไม่สงสัยอีกด้วย
เพียงแต่เย่ซือเฉินเข้าใจคุณปู่เย่มากเกินไป และเย่ซือเฉินเองก็ชัดเจนถึงสภาพร่างกายของเย่โป๋เหวินด้วยเช่นกัน
เย่โป๋เหวินพักอยู่ที่สถานบำบัดเป็นเวลาสองปีแล้ว ในสองปีนี้ เย่โป๋เหวินไม่เคยคิดฆ่าตัวตาย ครั้งที่แล้วเย่โป๋เหวินกลับไปตระกูลเย่ เขาถูกวางยา และเย่โป๋เหวินก็กลับมายังสถานบำบัดอีกครั้ง ตอนนั้นเย่โป๋เหวินไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้น แล้วตอนนี้จู่ๆก็จะฆ่าตัวตายอย่างนั้นหรือ?
เพราะฉะนั้น นี่จะต้องไม่ใช่ความคิดของเย่โป๋เหวินอย่างแน่นอน ถึงต่อให้เย่โป๋เหวินจะฆ่าตัวตาย เช่นนั้นจะต้องเป็นคุณปู่เย่และคุณย่าเย่ที่วางแผนเอาไว้อย่างแน่นอน
“ยังมีอีกเรื่องนึงที่แปลกมากเลยนะครับ” เสียงจากทางปลายสายดังขึ้นอีกครั้ง
“อืม?” เย่ซือเฉินขมวดคิ้วขึ้น รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง ยังมีเรื่องอะไรอีกอย่างนั้นหรือ
เย่ซือเฉินเข้าใจคนที่อยู่ทางปลายสายนั้นเป็นอย่างดี เรื่องของคนทั่วๆไปจะไม่ทำให้เขาใช้คำว่าแปลกโดยเด็ดขาด
สามารถทำให้เขาเอ่ยขึ้นมาได้ และยังมีน้ำเสียงแบบนี้อีก จะต้องสำคัญมากอย่างแน่นอน หรือจะเป็นเรื่องที่รุนแรงมาก
“ตอนนั้นยังมีอีกคนหนึ่งที่ไปหาเย่โป๋เหวินครับ ตอนที่คนๆนั้นไปคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ยังอยู่ในห้องของเย่โป๋เหวิน คนๆนั้นรอจนคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่กลับไปแล้วถึงได้เข้าไปในห้องของเย่โป๋เหวิน คนๆนั้นคล่องตัวมาก มีความระมัดระวังรอบคอบ ถ้าหากไม่ใช่ว่าผมไปสืบเรื่องนี้ เกรงว่าจะพบเจอได้ยากมากครับ”
“ใคร?” ดวงตาของเย่ซือเฉินมีแสงแวบเข้ามาอย่างรวดเร็ว นี่เป็นสิ่งที่เย่ซือเฉินคิดไม่ถึงเลย
หลายปีมานี้พูดได้ว่าเย่โป๋เหวินตัดความสัมพันธ์จากโลกภายนอกไปแล้ว แม้แต่ลูกชายแท้ๆอย่างเขาเย่โป๋เหวินก็ไม่ยอมพบเสียด้วยซ้ำ
เวลาแบบนี้ยังจะมีใครมาพบเย่โป๋เหวินได้อีกกัน?
“ที่แปลกก็แปลกตรงนี้แหล่ะครับ ผมสืบหาสถานะของคนๆนี้ไม่เจอเลย” คนที่อยู่ทางปลายสายพูดออกมานั้นไม่ได้รู้สึกหงุดหงิด แต่กลับดูมีความตื่นเต้นขึ้นมา : “แปลกไหมครับ?”
ดวงตาของเย่ซือเฉินหนักหน่วงลง นั่นก็แปลกมากจริงๆ ความสามารถอย่างเขาไม่คิดว่าจะหาสถานะของคนๆนั้นไม่เจอ?
“คุณว่าเย่โป๋เหวินจะถูกคนๆนั้นฆ่าตายหรือเปล่าครับ?” คนที่อยู่ทางปลายสายเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
“เป็นไปไม่ได้” เย่ซือเฉินไม่ได้ลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วตอบกลับไปตรงๆ เขาเข้าใจคุณปู่เย่มากเหลือเกิน ถ้าหากการตายของเย่โป๋เหวินไม่เกี่ยวข้องกับคุณปู่เย่
คุณปู่เย่รู้ว่าเย่โป๋เหวินเสียชีวิตอย่างกะทันหันที่สถานบำบัดแล้วจะไม่มีทางเงียบเป็นคลื่นลมที่สงบแบบนี้อย่างเด็ดขาด!!
“ก็ใช่ครับ คนนั้นคงจะไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่สืบหาสถานะของเขาไม่ได้เลยดูน่าสงสัยอยู่บ้าง” เสียงจากทางปลายสายฟังดูนิ่งมาก เห็นได้ชัดว่าคำพูดที่เขาพูดนั้นตัวเองก็ไม่ได้คิดจริงจังมากนัก
“ไปสืบหาสถานะของคนๆนั้นอีก” เย่ซือเฉินเองก็รู้ว่าการตายของเย่โป๋เหวินนั้นคงจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนที่มาทีหลังคนนั้น แต่เวลาแบบนี้จู่ๆก็มีเรื่องแปลกๆปรากฏขึ้นมาแบบนี้ ที่น่าแปลกประหลาดว่านั้นก็คือไม่คิดว่าจะสืบหาสถานะของคนๆนั้นไม่เจอ!!
ยิ่งเป็นแบบนี้เย่ซือเฉินก็ยิ่งไม่วางใจ และยิ่งจะต้องสืบหาให้ชัดเจน
“ได้ครับ ผมจะไปสืบหาอีกครั้ง พยายามหาออกมาให้คุณให้ได้” คนที่อยู่ทางปลายสายครั้งนี้ไม่ได้ดูตรงไปตรงมาขนาดนั้นเหมือนครั้งก่อนๆที่ควรจะเป็น
เย่ซือเฉินได้ยินคำพูดของเขาแล้วจึงเลิกขึ้นขึ้นมาเล็กน้อย ฟังน้ำเสียงของเขาแล้วดูไม่มั่นใจนัก?
หลายปีขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เย่ซือเฉินได้ยินน้ำเสียงแบบนี้ของคนๆนั้น เห็นได้ว่าคนนั้นที่ไปพบเย่โป๋เหวินมาเกรงว่าจะไม่ธรรมดาจริงๆแล้ว
ในห้องภาพของซ่างกวนหง ผู้ดูแลจ้งมีใบหน้าที่จริงจัง : “ตอนที่ผมไปถึงห้องของเย่โป๋เหวิน เย่โป๋เหวินก็ไม่หายใจแล้วครับ”
ซ่างกวนหงขมวดคิ้วขึ้นมา ดวงตาคู่นั้นมองไปทางด้านหน้า : “ทำไมจู่ๆถึงตาย? แล้วทำไมจะต้องมาเป็นตอนนี้?”
เรื่องนี้บังเอิญมากเกินไปแล้วจริงๆ ทำให้เขาไม่รู้สึกสงสัยไม่ได้
“ผลการตรวจสอบบอกว่าทานยานอนหลับเกินขนาดครับ ผลของสถานบำบัดออกมาว่าเป็นการฆ่าตัวตาย” ตอนที่ผู้ดูแลจ้งเอ่ยถึงผลนี้ออกมา สีหน้ายิ่งมีความจริงจังและหนักแน่นมากยิ่งขึ้น
ซ่างกวนหงได้ยินน้ำเสียงที่เขาพูดออกมาไม่ถูกต้องนัก จึงหันไปมองเขาเล็กน้อย
“ผมเข้าไปในห้องของเย่โป๋เหวินหลังจากที่คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ออกไปได้ไม่นาน แต่ตอนนั้นเย่โป๋เหวินก็เสียชีวิตแล้วครับ ร่างกายเริ่มเย็นแล้ว…….” ผู้ดูแลจ้งยังพูดไม่จบ แต่ความหมายนั้นกลับชัดเจนมากแล้ว
ซ่างกวนหงที่เย็นชา และไม่ตื่นตระหนกกับเรื่องอะไรง่ายๆมาโดยตลอด หลายปีมานี้ไม่มีเรื่องอะไรที่จะสามารถมีผลกระทบต่ออารมณ์ความรู้สึกของเขาได้เลย เพียงแต่เวลานี้เขาได้ยินคำพูดของผู้ดูแลจ้งแล้ว ใบหน้ายังคงมีความตื่นตะลึงเพิ่มขึ้นมา : “นายหมายความว่าตอนที่สองคนตระกูลเย่นั่นอยู่ในห้องเย่โป๋เหวินตายแล้วอย่างนั้นหรือ?”
คำพูดนี้ของซ่างกวนหง น้ำเสียงนั้นแสดงถึงความตกใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ครับ” ผู้ดูแลจ้งตอบ น้ำเสียงมีความมั่นใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าตอนนั้นเขาไปที่ห้องของเย่โป๋เหวิน ความจริงก็เป็นเช่นนี้
“นายสงสัยว่าการตายของเย่โป๋เหวินเกี่ยวข้องกับสองคนตระกูลเย่นั่น?” ดวงตาของซ่างกวนหงหรี่ลงเล็กน้อย เขาไม่ใช่คนที่จะมาเห็นใจอะไรแบบนั้น แต่เรื่องราวในวันนี้กลับทำให้เขารู้สึกกลัว
ล้วนแต่พูดว่าเสือถึงจะร้ายแต่ก็ไม่กินลูกตัวเอง และยิ่งไปกว่านั้นร่างกายของเย่โป๋เหวินก็พิการอยู่ คนอยู่ที่สถานบำบัดมาโดยตลอด ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อทั้งสองคนนั้นแห่งตระกูลเย่อยู่แล้ว ทำไมตระกูลเย่สองคนนั้นจะต้องฆ่าเย่โป๋เหวินด้วย?
“ไม่ใช่สงสัยครับ แต่มั่นใจเลยต่างหาก” ผู้ดูแลจ้งหายใจเข้า และน้ำเสียงฟังแล้วดูหนักหน่วงอย่างเห็นได้ชัด เรื่องแบบนี้เขาพูดออกมาก็ล้วนแต่รู้สึกหวาดผวามากแล้ว แต่เขารู้ว่านั่นเป็นเรื่องจริง
สีหน้าท่าทางของซ่างกวนหงเปลี่ยนไปเล็กน้อย!!
“ตอนที่ผมเข้าไปร่างกายของเย่โป๋เหวินก็เย็นแล้ว แสดงว่าเย่โป๋เหวินตายมาช่วงระยะเวลานึงแล้ว จากที่คาดคะเนตามสถานการณ์แล้ว เย่โป๋เหวินหยุดหายใจอย่างน้อยๆก็เป็นสิบกว่านาทีแล้วครับ ส่วนผมก็เข้าไปในห้องของเย่โป๋เหวินหลังจากที่คุณปู่เย่และคุณย่าเย่ออกไปไม่ถึงห้านาที ในเมื่อคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่อยู่ในห้องของเย่โป๋เหวินตลอด เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่พบกับความผิดปกตินี้…..” คำพูดของผู้ดูแลจ้งหยุดลง หลังจากนั้นก็วิเคราะห์ต่อไปอีก
“ถ้าหากคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่เข้าไปเพียงแค่พักเดียว ก็ยังสามารถพูดได้ว่าคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่จะไม่พบอะไรก็ได้ แต่นี่คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่เข้าไปในห้องของเย่โป๋เหวินนานมาก นั่นก็คือ คุณปู่เย่คงจะดูจนเย่โป๋เหวินหยุดหายใจก่อนแล้วถึงได้ออกมา….”
ผู้ดูแลจ้งแอบหายใจ : “หรือควรจะพูดว่า คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่แน่ใจแล้วว่าเย่โป๋เหวินตายแล้ว และไม่สามารถที่จะช่วยชีวิตได้แล้วถึงได้ออกมา”
ซ่างกวนหงหรี่ตาลงทีละนิดๆ สีหน้าของเขาเย็นชาลงอย่างเห็นได้ชัด : “เพราะฉะนั้น เป็นคุณปู่เย่ที่เป็นคนฆ่าเย่โป๋เหวิน?”
“ยาอาจจะไม่ใช่คุณปู่เย่เป็นคนป้อนเย่โป๋เหวิน แต่เรื่องนี้จะต้องเกี่ยวกับพวกเขาอย่างแน่นอนครับ เป็นเพราะว่าพวกเขาอยู่ในห้องของเย่โป๋เหวินนานมาก เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่พบกับความผิดปกติใดๆ อีกทั้งเรื่องราวยังกลับตรงกันข้ามอีก พวกเขารู้ แต่พวกเขาก็เจตนาที่จะยืดเวลาออกไป….ตั้งใจที่จะยืดเวลาที่จะช่วยชีวิตออกไป การใช้ยานอนหลับเกินขนาด หากพบได้ทันเวลา ก็สามารถช่วยชีวิตได้อยู่แล้ว ถึงอย่างไรนั่นก็ไม่ใช่ยาพิษ”
“เกี่ยวกับเรื่องที่พวกเราจะหาอยู่หรือเปล่า?” ดวงตาที่หรี่ลงของซ่างกวนหงแฝงความเย็นชาเอาไว้ ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะฟังดูน่าเป็นที่หวาดกลัว แต่ถึงอย่างไรเรื่องของตระกูลเย่ ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเขา ที่ซ่างกวนหงสนใจคือเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เขาต้องการสืบอยู่หรือเปล่า!!
เนื่องจากเรื่องนี้มีความบังเอิญมากเกินไปจริงๆ เป็นตอนที่อะจ้งจะไปหาเย่โป๋เหวิน ก็เกิดเรื่องขึ้นกับเย่โป๋เหวินเข้าแล้ว!!