ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1407 คุณทำแบบนี้กับผม(1)
เนื่องจากเรื่องนี้มีความบังเอิญมากเกินไปจริงๆ เป็นตอนที่อะจ้งจะไปหาเย่โป๋เหวิน ก็เกิดเรื่องขึ้นกับเย่โป๋เหวินเข้าแล้ว!!
แต่ก็ดูไม่สมเหตุสมผลอยู่บ้าง
ต่อให้เรื่องราวในตอนนั้นมีความจริงที่อยากปกปิดเรื่องอื่นอยู่ ต่อให้เย่โป๋เหวินรู้อะไรบ้างอย่างจริงๆ ก็คงไม่ถึงกับต้องทำให้คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่มาฆ่าปิดปากแบบนี้
“คงจะไม่เกี่ยวกับเรื่องของพวกเราหรอกครับ” ผู้ดูแลจ้งตอบกลับอย่างรวดเร็ว เขาคิดดูแล้ว หลังจากนั้นถึงได้เอ่ยขึ้นต่อ : “ผมรู้สึกว่าคงจะเกี่ยวกับที่เฉิงโหรวโหรวไปที่ตระกูลเย่?”
ซ่างกวนหงหันมาแล้วมองมายังผู้ดูแลจ้งแวบหนึ่ง เกี่ยวกับเรื่องของเฉิงโหรวโหรว ซ่างกวนหงไม่ได้เคยสนใจมาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว
“ครั้งที่แล้วเฉิงโหรวโหรวไปตระกูลเย่ ตระกูลเย่ก็กำหนดเรื่องการแต่งงานของเย่ซือเฉินกับเฉิงโหรวโหรว ครั้งนี้เฉิงโหรวโหรวจะต้องไปเพราะเรื่องการแต่งงานอีกอย่างแน่นอน อีกทั้งเห็นได้ชัดว่าเฉิงโหรวโหรวเข้าใจผิด คิดว่าเรื่องของประเทศR เป็นความคิดของหัวหน้า คิดว่าหัวหน้าแก้แค้นแทน จากนิสัยของเฉิงโหรวโหรวจะต้องพยายามโอ้อวดตรงจุดนี้อย่างแน่นอน เดิมทีคุณปู่เย่ก็อยากจะผูกสัมพันธ์เพื่อผลประโยชน์กับองค์กรโกสต์ซิตี้อยู่แล้ว ถ้าหากรู้ว่าหัวหน้ารักเฉิงโหรวโหรวมาก แม้กระทั่งให้ความสำคัญ คุณปู่เย่จะต้องรีบส่งเสริมให้เรื่องการแต่งงานลุล่วงไปได้ด้วยดีอย่างแน่นอน……”
ผู้ดูแลจ้งหยุดไป แล้วมองไปที่หัวหน้าของตัวเอง สำรวจสีหน้าท่าทางของหัวหน้า เห็นว่าหัวหน้าตัวเองไม่มีปฏิกิริยาใดๆแล้ว ถึงได้เอ่ยพูดต่อ : “แต่สองสามวันก่อนเย่ซือเฉินเพิ่งจะประกาศถอนความสัมพันธ์กับตระกูลเย่ในงานแถลงข่าว ในเมื่อเป็นแบบนี้ เย่ซือเฉินจะต้องไม่กลับไปตระกูลเย่อย่างแน่นอน และจะต้องไม่รับการควบคุมของคุณปู่เย่อย่างแน่นอน คุณปู่เย่คิดอยากที่จะส่งเสริมให้เรื่องการแต่งงานนี้ลุล่วง ก็จะต้องคิดหาวิธีให้เย่ซือเฉินกลับไป ถ้าหากเย่โป๋เหวินตายไป เย่ซือเฉินก็จำเป็นที่จะต้องกลับไป”
“นายหมายความว่า เพื่อเหตุผลนี้ ก็เลยต้องทำร้ายลูกชายแท้ๆของตัวเองให้ตายอย่างนั้นหรือ?” หัวหน้าซ่างกวนไม่ใช่คนที่มีน้ำใจไม่ตรีแล้วก็ไม่ใช่คนที่เห็นอกเห็นใจคนด้วย ในทางตรงกันข้าม หัวหน้าซ่างกวนเป็นคนที่เย็นชามาโดยตลอดในสายตาของคนนอก
แต่ใครๆก็รู้ว่าหัวหน้าซ่างกวนเข้าข้างพวกของตัวเองมากที่สุด คนของเขา เขาจะไม่ให้คนอื่นมารังแกได้เป็นอันขาด คนของเขา เขาก็จะปกป้องด้วยใจจริง
เพื่อนฝูงพี่น้องก็เป็นเช่นนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหากเป็นครอบครัวเลย เพราะฉะนั้นหัวหน้าซ่างกวนไม่สามารถเข้าใจเรื่องนี้ได้เลยจริงๆ!!!
“คนกับคนไม่เหมือนกันหรอกครับ” ในตอนแรกผู้ดูแลจ้งก็ไม่อยากจะเชื่อเรื่องนี้เช่นกัน แต่เขาไปที่นั่นด้วยตัวเอง ความจริงพิสูจน์ให้เห็นว่าโหดร้ายแบบนี้
“ถ้าอย่างนั้นเย่ซือเฉินก็น่าสงสารมากจริงๆ” หัวหน้าซ่างกวนที่ไม่ค่อยเห็นใจอะไรมากเท่าไหร่นักเวลานี้ก็รู้สึกเห็นใจเย่ซือเฉินขึ้นมาบ้างแล้ว!!
“เพราะฉะนั้นเย่ซือเฉินถึงได้ถอนความสัมพันธ์กับตระกูลเย่ไงครับ!!” ผู้ดูแลตอบไปแบบนี้ ความหมายก็ชัดเจนมากอยู่แล้ว
“เพียงแต่ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เย่ซือเฉินจะต้องกลับไปอย่างแน่นอน ในไม่คุณปู่เย่คิดวิธีบีบบังคับให้เย่ซือเฉินกลับไป จะต้องยังมีแผนหลังจากนี้รอเย่ซือเฉินอยู่อย่างแน่นอน ไม่รู้ว่าต่อไปเย่ซือเฉินจะเลี่ยงได้หรือเปล่า?” ผู้ดูแลจ้งแอบถอนหายใจออกมา : “ก็ว่าเสือถึงจะร้ายแต่ก็ไม่กินลูกตัวเองแล้ว แต่นี่คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่บีบลูกชายตัวเองจนตาย ตอนนี้คิดอยากจะบีบหลานชายตัวเองให้ตายบ้างอีกแล้ว”
“ตายง่ายๆแบบนั้นที่ไหนกันล่ะ……” มุมปากของซ่างกวนหงยกขึ้นเล็กน้อย : “คนที่คุณหนูใหญ่ตระกูลถังถูกใจ ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอก”
“นั่นก็แน่นอนอยู่แล้วครับ ผมก็แค่เปรียบเทียบ” ผู้ดูแลจ้งเห็นสีหน้าท่าทางของหัวหน้าตัวเองดูอึ้งไป ตอนนี้ต่อให้หัวหน้ารู้แล้วว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังก็คือลูกสาวของเวินจือฝาง ไม่ใช่เจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ แต่กลับยังคงมีทัศนคติท่าทางต่อคุณหนูใหญ่ตระกูลถังอย่างไม่ธรรมดาอยู่ดี
เดิมทีเขาคิดว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังก็คือลูกสาวของหัวหน้ามาโดยตลอด เพราะถึงอย่างไรตั้งแต่หลังจากที่คุณหนูใหญ่ตระกูลถังกลับไปที่ตระกูลถังแล้ว ก็ไม่มีข่าวคราวใดๆเกี่ยวกับพ่อของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังเลย ตรงจุดนี้ทำให้ผู้ดูแลจ้งมีความหวังอยู่มาก
แต่คิดไม่ถึงว่าจู่ๆก็จะมีตระกูลเวิน และเวินจือฝางโผล่ขึ้นมา
ความจริงแล้วตอนนี้ผู้ดูแลจ้งไม่ได้กอดความหวังอะไรไว้แล้วสำหรับเรื่องนี้ ต่อให้ตอนนั้นถังฉิ้นเอ๋อจะเคยมาหาเย่โป๋เหวิน แต่เรื่องของถังฉิ้นเอ๋อกับเวินจือฝางนั้นก็คือเรื่องจริง ในปีนั้นตอนที่ถังฉิ้นเอ๋อตามเวินจือฝางกลับไปยังตระกูลเวินก็กำลังตั้งครรภ์อยู่ เพียงแต่คุณย่าเวินไม่ยอมให้ถังฉิ้นเอ๋อเข้าบ้าน เวินจือฝางไม่มีวิธีอื่นจึงต้องพาถังฉิ้นเอ๋อออกมา
ตอนนั้นทั้งสองคนได้จดทะเบียนสมรสกัน แต่งงานกัน ล้วนแต่เป็นเรื่องจริง ไม่ได้ทำหลอกๆ
ความจริงแล้วยังมีอีกวิธีหนึ่งที่ตรงไปตรงมาสามารถจะตรวจเช็คขั้นสุดท้ายได้ นั่นก็คือให้เวินลั่วฉิงกับหัวหน้าไปตรวจดีเอ็นเอ แต่พวกเขาไม่สามารถที่จะเอาสิ่งที่จะสามารถนำไปตรวจดีเอ็นเอจากร่างของเวินลั่วฉิงได้เลย
สำหรับคนอื่นๆพวกเขาสามารถใช้วิธีการพิเศษบางอย่างได้ แต่นั่นคือคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง และท่าทางที่หัวหน้ามีต่อคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง เขาก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรที่ประมาทได้เลย
“ก็ไม่รู้ว่าคุณปู่เย่จะยังทำเรื่องอะไรอีกหรือเปล่า? ไม่รู้ว่าเย่ซือเฉินนี่จะรับมืออย่างไร” ผู้ดูแลจ้งนึกไปถึงสถานการณ์ของตระกูลเย่แล้วก็อดที่จะส่ายหน้าออกมาไม่ได้ ทำไมถึงได้มีคนแบบนั้นกัน ไม่สามารถเข้าใจได้เลยจริงๆ
“หัวหน้าครับ จะต้องเตือนเย่ซือเฉินหน่อยไหมครับ?” ในใจของผู้ดูแลจ้งนั้นรู้สึกอดไม่ได้อยู่บ้าง คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่นั้นทำเรื่องที่ไร้ขอบเขตมากจริงๆ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำออกมาได้หมด
“สิ่งที่นายคิดได้ เขาจะต้องคิดได้อย่างแน่นอน ไม่จำเป็นต้องให้นายเตือน” มุมปากของซ่างกวนหงยื่นเล็กน้อย น้ำเสียงดูเหมือนกับมีอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิมอีกด้วย
ผู้ดูแลจ้งได้ยินน้ำเสียงของหัวหน้าตัวเอง ก็รู้สึกอึ้งไป ไม่เข้าใจหัวหน้าของตัวเองเลยว่าคือสถานการณ์อะไร?!
“หัวหน้า ตอนนี้เย่โป๋เหวินตายไปแล้ว เบาะแสนี้ก็ขาดหายไปแล้ว” ผู้ดูแลจ้งคิดแล้วก็ไม่เข้าใจว่าสรุปแล้วหัวหน้าของตัวเองนั้นคือสถานการณ์อะไรกันแน่ ดังนั้นจึงตัดสินใจพูดถึงเรื่องเฉพาะของบุคคลหนึ่งก่อน
แน่นอนว่าเบาะแสะนี้ของเย่โป๋เหวินขาดไปแล้ว เรื่องนี้ก็ตรวจสอบอีกไม่ง่ายแล้วจริงๆ เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีทางด้านอื่นๆให้ตรวจสอบแล้ว
ตอนนั้นเวินลั่วฉิงสามารถกลับตระกูลเวินได้ ก็อธิบายได้ว่าทางตระกูลเวินทางนั้นไม่มีความผิดปกติอย่างแน่นอน ตอนนั้นเวินลั่วฉิงยังเป็นเด็ก เธอไม่รู้อะไรอยู่แล้ว
ดวงตาของซ่างกวนหงมองไปทางด้านหน้า ไม่ได้เอ่ยพูดขึ้นมา ไม่รู้เลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ผ่านไปนาน ผู้ดูแลจ้งเห็นว่าหัวหน้าตัวเองนั่นนั่งเหม่อลอยอยู่แบบนั้น ไม่ขยับไม่พูดไม่จา มองดูแล้วแทบจะกลายเป็นรูปปั้นอยู่แล้วนั้น ผู้ดูแลจ้งก็อดที่จะตะโกนเรียกออกมาไม่ได้ : “หัวหน้า”
จู่ๆซ่างกวนหงก็ดึงสติกลับมา ดวงตาหันกลับมามอง : “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องสืบแล้ว”
ผู้ดูแลจ้งงุนงงเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าหัวหน้าตัวเองจะตอบแบบนี้ ผู้ดูแลจ้งติดตามอยู่กับซ่างกวนหงมาเป็นเวลาสี่สิบปีแล้ว เข้าใจซ่างกวนหงเป็นอย่างมาก
ผู้ดูแลจ้งรู้ว่าเรื่องที่หัวหน้าตัวเองอยากจะทำนั้นไม่เคยที่จะยอมแพ้เลยมาก่อน แล้วก็ไม่เคยที่จะเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน ทำไมจู่ๆครั้งนี้ถึงได้ยอมแพ้กัน?
“โอกาสยังมีอีก” ซ่างกวนหงไม่รู้ว่านึกถึงอะไร หางคิ้วค่อยๆเลิกขึ้น : “ฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องพยายามมากเกินไปขนาดนั้นแล้ว”
ผู้ดูแลจ้งได้ยินคำพูดของหัวหน้าก็รู้สึกสับสนอยู่บ้าง คำพูดของหัวหน้าหมายความว่าอะไร?
ไม่จำเป็นต้องพยายามมากเกินไป?
โอกาสยังมีอีก?
อะไรที่ว่าไม่จำเป็นต้องพยายามอย่างสุดความสามารถ?
อะไรที่ว่าโอกาสยังมีอีก?
“หัวหน้า…….” ผู้ดูแลจ้งไม่เข้าใจ อดที่จะอยากถามขึ้นมาอีกไม่ได้
“เอาล่ะ นายออกไปเถอะ” เพียงแต่ครั้งนี้ซ่างกวนหงกลับตัดบทคำพูดเขาไปเลย
ถึงแม้ว่าในใจของผู้ดูแลจ้งจะมีความสงสัยมากมาย แต่เห็นสีหน้าท่าทางของหัวหน้าที่ยังนับว่าไม่เลวแล้ว อย่างน้อยๆก็ไม่ใช่ความเฉยเมยที่ไม่มีชีวิตชีวาเหมือนเมื่อก่อน
ผู้ดูแลจ้งแอบหายใจออกมา หลังจากนั้นก็ถอยออกไป
ประเทศR
ถังหลินเปลี่ยนเสื้อผ้าสองสามชุดอยู่ในห้อง ยังรู้สึกว่าไม่พอใจ แต่ครั้งนี้เขามาประเทศRก็เอาเสื้อผ้ามาเพียงแค่ไม่กี่ชุดเท่านั้น อยากจะเปลี่ยนก็ไม่มีให้เปลี่ยนแล้วเช่นกัน
ดังนั้นจึงต้องฝืนไปแบบนี้ ถังหลินจัดแจงตัวเองอย่างจริงจังอยู่ตรงหน้ากระจก ตั้งแต่ผมเผ้าจนกระทั่งเสื้อผ้า ละเอียดถี่ถ้วนเป็นอย่างมาก
ใบหน้าของถังหลินนั้นมีรอยยิ้มอยู่ตลอด รอยยิ้มที่จริงใจและมีความสุขแบบนั้น ดวงตาที่ลึกซึ้งในวันปกติมีความตื่นเต้นและความรอคอยปรากฏขึ้นมา
เวลานี้คุณชายถังนับว่าเป็นวัยรุ่นที่กำลังจะออกเดทไปแล้ว อารมณ์ทั้งตื่นเต้นทั้งเครียด แม้กระทั่งดูมีความกังวลอีกด้วย
นึกไปถึงการติดต่อกันระหว่างหลินเป้ยเมื่อเช้าแล้ว มุมปากของถังหลินก็อดที่จะยกขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าท่าทางของหลินเป้ยที่มีต่อเขานั้นแตกต่างออกไปแล้ว
แม้กระทั่งเธอรู้จักที่จะเป็นห่วงเขาแล้ว!!
เธอบอกเอาไว้ว่าวันนี้จะรอเขาอยู่ที่งานเลี้ยง!!
ดังนั้นถังหลินจัดการไปบ้างแล้ว เวลายังเร็วอยู่ เขากลับรีบไปยังโรงแรมที่เจ้าชายจองเอาไว้
ตอนที่ถังหลินไป เจ้าชายยังไม่ถึง แต่หลินเป้ยถึงเรียบร้อยแล้ว
ตอนที่ถังหลินเห็นหลินเป้ยที่ยืนอยู่ใกล้ๆตรงหน้าประตูนั้น มุมปากก็อดที่จะยกขึ้นมาไม่ได้ โดยเฉพาะตอนที่ถังหลินลงจากรถแล้วสบตากับหลินเป้ยที่มองมาพอดี ช่วงเวลานั้น ในใจของถังหลินก็อดที่จะกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจไม่ได้!!